พบผลลัพธ์ทั้งหมด 279 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในคุณสมบัติทรัพย์ สัญญาจะซื้อขายโมฆียะ เลิกสัญญาคืนเงิน
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ มีข้อความในสัญญาว่าที่ดินไม่มีภาระติดพันใดๆ เลย ซึ่งจำเลยรู้ดีว่าที่ดินนี้ติดจำนองไว้แก่ผู้อื่นและปกปิดความจริงข้อนี้ และมีพฤติการณ์ที่แสดงว่าหากโจทก์รู้ความจริงข้อนี้ก็คงจะไม่ทำสัญญากับจำเลยเป็นแน่ ย่อมถือว่าโจทก์สำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาจะซื้อขายซึ่งตามปกติย่อมนับว่าเป็นสาระสำคัญสัญญาดังกล่าวจึงเป็นโมฆียะ
เมื่อโจทก์ทราบความจริงแล้วได้ไปร้องทุกข์ เจ้าพนักงานตำรวจไกล่เกลี่ยจนตกลงกันว่าจำเลยยินยอมจะคืนเงิน 800,000 บาท ให้แก่โจทก์ ดังนี้ ฟังได้ว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญากันแล้ว โจทก์และจำเลยย่อมต้องคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยจึงต้องคืนเงิน 800,000 บาท นั้นให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันที่ได้รับเงินไว้ แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเสียดอกเบี้ยนับแต่วันบอกล้างโมฆียะกรรม โจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อนี้ จึงเป็นอันยุติไปตามนั้น
เมื่อโจทก์ทราบความจริงแล้วได้ไปร้องทุกข์ เจ้าพนักงานตำรวจไกล่เกลี่ยจนตกลงกันว่าจำเลยยินยอมจะคืนเงิน 800,000 บาท ให้แก่โจทก์ ดังนี้ ฟังได้ว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญากันแล้ว โจทก์และจำเลยย่อมต้องคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยจึงต้องคืนเงิน 800,000 บาท นั้นให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันที่ได้รับเงินไว้ แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเสียดอกเบี้ยนับแต่วันบอกล้างโมฆียะกรรม โจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อนี้ จึงเป็นอันยุติไปตามนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในเหตุป้องกัน: การยิงป้องกันภัยที่เกินกว่าเหตุ และความรับผิดทางอาญา
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุ ผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในเหตุป้องกัน: การกระทำเกินกว่ากรณีจำต้องป้องกันตนเอง และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียหายดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรมสัญญาประนีประนอมยอมความ โมฆะตามมาตรา 119
ที่ดินมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ 3 โฉนด จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินโฉนดที่มีเนื้อที่มากที่สุดให้แก่บิดาโจทก์ โดยลงชื่อโจทก์ทั้งสี่เป็นผู้รับ ทนายความผู้เขียนสัญญาดูแต่ภาพถ่ายด้านหน้าโฉนด ไม่ได้ดูสารบัญจดทะเบียน เข้าใจว่าเป็นโฉนดที่ 2600 มีเนื้อที่มากที่สุด จึงได้เขียนสัญญาประนีประนอมยอมความไปตามนั้น จำเลยจำเลขโฉนดและเนื้อที่ทั้งสามแปลงไม่ได้ เข้าใจว่าทนายความลงเลขโฉนดและเนื้อที่ดินในสัญญาถูกต้องตรงเจตนาของจำเลย จึงรับว่าถูกต้องและลงลายมือชื่อให้ไว้ แท้จริงโฉนดที่ 2598 มีเนื้อที่มากที่สุด ดังนี้ การที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินโฉนดที่ 2600 ให้แก่โจทก์ทั้งสี่เป็นการสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของสัญญาประนีประนอมยอมความ ทำให้สัญญานั้นเป็นโมฆะ
ที่ดินมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ 3 โฉนด จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินโฉนดที่มีเนื้อที่มากที่สุดให้แก่บิดาโจทก์ โดยลงชื่อโจทก์ทั้งสี่เป็นผู้รับทนายความผู้เขียนสัญญาดูแต่ภาพถ่ายด้านหน้าโฉนด ไม่ได้ดูสารบัญจดทะเบียน เข้าใจว่าเป็นโฉนดที่ 2600 มีเนื้อที่มากที่สุด จึงได้เขียนสัญญาประนีประนอมยอมความไปตามนั้น จำเลยจำเลขโฉนดและเนื้อที่ทั้งสามแปลงไม่ได้ เข้าใจว่าทนายความลงเลขโฉนดและเนื้อที่ดินในสัญญาถูกต้องตรงเจตนาของจำเลย จึงรับว่าถูกต้องและลงลายมือชื่อให้ไว้ แท้จริงโฉนดที่ 2598 มีเนื้อที่มากที่สุด ดังนี้ การที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินโฉนดที่ 2600 ให้แก่โจทก์ทั้งสี่เป็นการสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรม สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริงและการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ครบถ้วน ศาลฎีกายกเลิกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งแปดร่วมกันตัดฟันต้นไม้ของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ จำเลยทั้งแปดให้การต่อสู้ว่าต้นไม้ตามฟ้องเป็นของจำเลยที่ 8 จำเลยที่ 8 เป็นผู้ว่าจ้างวานจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ตัดฟัน ศาลชั้นต้นฟังว่าต้นไม้นั้นเป็นของผู้เสียหาย พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 8 แต่เห็นว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 สำคัญผิดในข้อเท็จจริง จึงให้ปล่อยตัวพ้นข้อหาไป โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้สำคัญผิดในข้อเท็จจริง จำเลยที่ 8 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาแต่เฉพาะจำเลยที่ 8 เห็นว่า คดีฟังไม่ได้ว่าต้นไม้ที่จำเลยตัดฟันเป็นของผู้เสียหาย พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 8 ด้วย โดยไม่พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาโดยไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริงกับการกระทำความผิดทางอาญา ศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาอุทธรณ์ทั้งหมด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งแปดร่วมกันตัดฟันต้นไม้ของผู้เสียหายขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ จำเลยทั้งแปดให้การต่อสู้ว่าต้นไม้ตามฟ้องเป็นของจำเลยที่ 8 จำเลยที่ 8 เป็นผู้จ้างวานจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ตัดฟันศาลชั้นต้นฟังว่าต้นไม้นั้นเป็นของผู้เสียหาย พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 8 แต่เห็นว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 สำคัญผิดในข้อเท็จจริง จึงให้ปล่อยตัวพ้นข้อหาไป โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้สำคัญผิดในข้อเท็จจริงจำเลยที่ 8 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาแต่เฉพาะจำเลยที่ 8 เห็นว่า คดีฟังไม่ได้ว่าต้นไม้ที่จำเลยตัดฟันเป็นของผู้เสียหาย พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 8 ด้วย โดยไม่พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาโดยไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2450/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญ นิติกรรมค้ำประกันและจำนองเป็นโมฆะ
ธ.หลอกให้ว.พิมพ์ลายนิ้วมือลงในใบมอบอำนาจให้จำนองและในสัญญาค้ำประกันแก่ ก. โดยอ้างว่าเป็นสัญญาซื้อขายที่ดินแก่ ธ.เป็นการสำคัญผิดในสารสำคัญแห่งนิติกรรม การค้ำประกันและจำนองเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายฝากโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญของทรัพย์สิน ทำให้สัญญาเป็นโมฆียะและเรียกเงินคืนได้
ที่ดินของจำเลยถูกจำกัดสิทธิการปลูกสร้างเพราะถูกสายไฟฟ้าแรงสูงผ่านตาม พระราชบัญญัติการไฟฟ้ายันฮี พ.ศ.2500 จำเลยขายฝากแก่โจทก์ในราคาสูงโดยโจทก์ไม่ทราบ เป็นความสำคัญผิดในสารสำคัญของคุณสมบัติของทรัพย์การแสดงเจตนาเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 120 โจทก์บอกล้างและเรียกเงินค่าซื้อฝากคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์สินเกินกว่าเหตุ: การยิงสำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้าย
บ้านของจำเลยถูกลอบวางเพลิง ไฟกำลังไหม้หน้าบ้านจำเลยออกมาจากบ้านถือปืนออกมาด้วย แสดงว่าจะยิงคนร้ายครั้นเห็นผู้ตายยืนอยู่ที่หน้าบ้านจำเลยก็สำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้ายที่มาลอบวางเพลิง จำเลยจึงยิงผู้ตาย ถือได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันทรัพย์ของจำเลย แต่ไม่ได้ความว่าผู้ตายกำลังทำอะไรแก่บ้านของจำเลยที่ถูกไฟไหม้ ไม่มีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะต้องยิงผู้ตายจึงเป็นการเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์