พบผลลัพธ์ทั้งหมด 323 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2401/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิอาศัยและการละเมิดเมื่อไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
จำเลยเข้ามาปลูกเพิงในที่พิพาทได้โดยใช้สิทธิอาศัยเมื่อโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนเพิงออกไปจำเลยไม่ยอมออกย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์และตราบใดที่จำเลยไม่ยอมรื้อถอนออกไปตราบนั้นการละเมิดยังคงมีอยู่และเป็นการละเมิดติดต่อกันตลอดมาคดีโจทก์จึงหาขาดอายุความไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2852/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิ่งปลูกสร้างใหม่นอกสัญญาขายฝาก ศาลสั่งขับไล่ได้ แม้คำฟ้องขอเพียงขนย้ายสิ่งของ
สัญญาขายฝากที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง หมายความเฉพาะเพิงซึ่งปลูกอยู่ในขณะทำสัญญาขายฝาก โรงเรือนที่ปลูกภายหลังโดยรื้อเพิงออกไม่อยู่ในสัญญาขายฝาก ปัญหาเรื่องเป็นส่วนควบหรือไม่ ไม่อยู่ในประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยขนย้ายสิ่งของออกไปจากบ้าน แม้ไม่ได้ขอให้ออกจากที่ดิน ก็หมายความถึงให้ออกจากที่ดินด้วย ศาลพิพากษาให้จำเลยออกจากที่ดินและนำสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2590/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินเช่า: ตึกไม่ตกเป็นส่วนควบหากสร้างก่อนหมดสัญญา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท จำเลยต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ต้องถือว่าเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์จำเลยโต้เถียงกรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างซึ่งปลูกบนที่ดินที่เช่าเมื่อโจทก์ปลูกตึกพิพาทบนที่ดินที่เช่ายังไม่ครบระยะเวลาเช่า ตึกพิพาทจึงไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินกรรมสิทธิ์ในตึกพิพาทเป็นของโจทก์
โจทก์จำเลยโต้เถียงกรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างซึ่งปลูกบนที่ดินที่เช่าเมื่อโจทก์ปลูกตึกพิพาทบนที่ดินที่เช่ายังไม่ครบระยะเวลาเช่า ตึกพิพาทจึงไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินกรรมสิทธิ์ในตึกพิพาทเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับไล่และการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของผู้อื่น แม้มิได้ขอในคำฟ้อง ศาลสั่งได้ตามความจำเป็น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านและที่ดินของโจทก์ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินเป็นของโจทก์ แต่บ้านเป็นของจำเลย แม้คำขอท้ายฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อบ้านออกไปจากที่พิพาท แต่การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่พิพาทนั้นก็ไม่เกินไปกว่าคำขอท้ายฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 เพราะเมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อไปแล้วจำเลยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกไม่ได้ทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยซึ่งอยู่ในที่พิพาทจำเลยต้องเอาออกไปให้พ้นที่พิพาทด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินด้วยสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ใช่โรงเรือน ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ม.1312
ถังส้วมซิเมนต์ของโรงเรือนของจำเลยรุกล้ำเข้าไปฝังอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยสุจริต ถังส้วมมิใช่โรงเรือนและอยู่นอกโรงเรือน ไม่เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือน ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 1312
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1843/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างติดกัน: สิทธิของเจ้าของที่ดินและหน้าที่ในการป้องกันความเสียหาย
ตึกของโจทก์และจำเลยอยู่ห่างกัน 2 เมตร 50 เซนติเมตรช่องว่างระหว่างตึกเป็นที่ดินของจำเลย จำเลยจึงชอบที่จะใช้ประโยชน์ในที่ดินของจำเลยได้ การที่ฝาผนังตึกของโจทก์ชิดกับเขตที่ดินของจำเลยนี้ โจทก์ย่อมคาดหมายได้ว่าฝาผนังตึกของโจทก์ต้องมีสภาพเป็นกำแพงรั้วกั้นเขตที่ดินโจทก์และจำเลย เป็นธรรมดาที่การวางสิ่งของของจำเลยในที่ดินของจำเลยอาจจะไปติดกับฝาผนังตึกของโจทก์ได้ การที่จำเลยใช้ประโยชน์จากฝาผนังตึกนี้โดยไม่ปรากฏว่าทำให้โจทก์เสียหายประการใด จึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์
เมื่อฝาผนังตึกของโจทก์สูงกว่าอาคารของจำเลย จึงเป็นธรรมดาที่น้ำฝนจากหลังคาและฝาผนังตึกของโจทก์ย่อมจะไหลลงไปสู่ทรัพย์สินของจำเลย ทำให้ทรัพย์สินของจำเลยเสียหายโจทก์จะต้องจัดการป้องกันหรือแก้ไข แต่โจทก์มิได้จัดการฉะนั้น การที่จำเลยพอกปูนซีเมนต์เชื่อมหลังคาของจำเลยกับผนังตึกของโจทก์จึงเป็นการป้องกันความเสียหายอันจะเกิดขึ้นแก่จำเลย หาใช่จำเลยใช้สิทธิไม่สุจริตมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ประการใดไม่
เมื่อฝาผนังตึกของโจทก์สูงกว่าอาคารของจำเลย จึงเป็นธรรมดาที่น้ำฝนจากหลังคาและฝาผนังตึกของโจทก์ย่อมจะไหลลงไปสู่ทรัพย์สินของจำเลย ทำให้ทรัพย์สินของจำเลยเสียหายโจทก์จะต้องจัดการป้องกันหรือแก้ไข แต่โจทก์มิได้จัดการฉะนั้น การที่จำเลยพอกปูนซีเมนต์เชื่อมหลังคาของจำเลยกับผนังตึกของโจทก์จึงเป็นการป้องกันความเสียหายอันจะเกิดขึ้นแก่จำเลย หาใช่จำเลยใช้สิทธิไม่สุจริตมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ประการใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ถังน้ำมันขนาดใหญ่ ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างต้องเสียภาษีโรงเรือน
ถังน้ำมันขนาด 800,000 ลิตร และ 100,000 ลิตร ก่อสร้างขึ้นติดที่ดินเป็นการถาวรใช้สำหรับเก็บสินค้าน้ำมัน เทียบได้กับอาคารเก็บสินค้าทั่ว ๆ ไป การที่ต้องสร้างเป็นรูปถังกลมก็เนื่องจากสินค้าที่เก็บเป็นของเหลวจำพวกน้ำ ดังนี้ ถือได้ว่าถังน้ำมันดังกล่าวเป็นสิ่งปลูกอย่างอื่น ๆ ตามความหมายแพ่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2475 มาตรา 3 แล้ว จึงต้องเสียภาษีโรงเรือนสำหรับถังน้ำมัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ถังน้ำมันขนาดใหญ่ติดตั้งถาวร ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างต้องเสียภาษีโรงเรือน
ถังน้ำมันขนาด 800,000 ลิตร และ 100,000 ลิตร ก่อสร้างขึ้นติดที่ดินเป็นการถาวรใช้สำหรับเก็บสินค้าน้ำมัน เทียบได้กับอาคารเก็บสินค้าทั่ว ๆ ไป การที่ต้องสร้างเป็นรูปถังกลมก็เนื่องจากสินค้าที่เก็บเป็นของเหลวจำพวกน้ำดังนี้ ถือได้ว่าถังน้ำมันดังกล่าวเป็นสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ๆ ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2475 มาตรา 3 แล้ว จึงต้องเสียภาษีโรงเรือนสำหรับถังน้ำมันนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูป ไม้ที่อยู่ในสภาพสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ ไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตามกฎหมาย
ไม้ที่มิให้ถือว่าเป็นไม้แปรรูปตามมาตรา 4(4)วรรคสอง นั้น แยกได้เป็นสองอย่างคือ ไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ในสภาพเช่นนั้นอย่างหนึ่งกับไม้ที่เคยอยู่ในสภาพดังกล่าว คือ เคยเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยเป็นเครื่องใช้มาแล้ว และผู้ครอบครองพิสูจน์ได้ว่าได้เคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีสำหรับไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้สักและห้าปีสำหรับไม้สักอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นตามความหมายในกฎหมายดังกล่าว ผู้ครอบครองจะต้องพิสูจน์แต่เฉพาะกรณีที่ไม้นั้นมิได้อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือมิได้อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ แต่กล่าวอ้างว่าเคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้วเท่านั้นส่วนบานประตูและบานหน้าต่างไม้สักของกลางเป็นไม้ที่ทำขึ้นใหม่ อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้อยู่แล้วในปัจจุบัน จึงมิใช่ไม้แปรรูป และผู้ครอบครองหาจำต้องพิสูจน์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมจากสิ่งปลูกสร้างล้ำที่ดิน: สุจริต-จดทะเบียน-ชดใช้ค่าตอบแทน
เจ้าของรวมปลูกเรือนในที่ดินในกรรมสิทธิ์รวม ต่อมาแบ่งแยกที่ดินปรากฏว่าเรือนนั้นล้ำอยู่ในที่ดินของผู้อื่นบางส่วน เป็นการปลูกเรือนโดยสุจริต จดทะเบียนเป็นภารจำยอมได้โดยเสียค่าตอบแทนการใช้ที่ดินนั้น