คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อนาจาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร แม้ไม่มีการร่วมประเวณี แต่การพาไปพักค้างคืนและกอดถือเป็นการละเมิดอำนาจปกครอง
จำเลยพาผู้เสียหายอายุ 14 ปีเศษไปร่วมหลับนอนโดยบิดามารดาของผู้เสียหายไม่ทราบ เป็นการกระทำอันละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วยและจำเลยจะมิได้ร่วมประเวณีเพียงแต่นอนกอดผู้เสียหายเท่านั้นก็ตาม การกระทำของจำเลยดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4617/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายเพื่อป้องกันอนาจารบุตร: เหตุสมควรปรานีและรอการลงโทษ
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเนื่องจากผู้เสียหายเข้ามากอดปล้ำกระทำอนาจารบุตรสาวจำเลย ถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน จำเลยเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลและกรรมการศึกษาประจำโรงเรียน ทั้งไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงมีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4617/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายเพื่อปกป้องบุตรจากอนาจาร: เหตุสมควรปรานีรอการลงโทษ
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเนื่องจากผู้เสียหายเข้ามากอดปล้ำกระทำอนาจารบุตรสาวจำเลย ถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน จำเลยเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลและกรรมการศึกษาประจำโรงเรียน ทั้งไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงมีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4587/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพาผู้เสียหายไปเป็นภรรยา ไม่ถือเป็นการพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร แม้ผู้เสียหายยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ผู้เสียหายเต็มใจไปกับจำเลย หลังจากที่จำเลยพาผู้เสียหายไปแล้ว ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงจัดงานพิธีให้ผู้เสียหายและจำเลยแต่งงานกันและมีการมอบค่าสินสอดของหมั้นให้ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายผู้เสียหายรับไปแล้วบางส่วน เมื่อจำเลยพาผู้เสียหายกลับมาถึงบ้าน ฝ่ายญาติผู้ใหญ่ของผู้เสียหายได้จัดพิธีบอกผีบ้านผีเรือนตามประเพณีก่อนให้ผู้เสียหายเข้าบ้านพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่า ที่จำเลยพาผู้เสียหายไปนั้นมีเจตนาที่จะพาไปเป็นภรรยาตั้งแต่แรก เพราะไม่ได้ความว่าจำเลยมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ดังนี้ การทีจำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยา แม้ผู้เสียหายจะยังเป็นผู้เยาว์อยู่ก็ไม่เป็นการละเมิดต่ออำนาจปกครองของมารดาและแม้จำเลยจะร่วมประเวณีกับผู้เสียหายระหว่างที่พักอยู่ด้วยกันก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาจำเลยกระทำอนาจารและชิงทรัพย์: พิจารณาจากความสัมพันธ์และเหตุผลในการกระทำ
จำเลยกับผู้เสียหายเคยอยู่กินฉัน สามีภริยาโดย ทำพิธี แต่งงานกันตาม ลัทธิศาสนาอิสลาม และมีบุตรด้วยกัน ๑ คน ต่อมาได้ แยกกันอยู่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏชัด ว่า จำเลยหย่าขาดกับผู้เสียหายตามกฎหมายอิสลาม การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา จึงอาจเป็นกรณีที่จำเลยกระทำไปโดย เข้าใจว่ามีสิทธิกระทำได้ กับภริยาซึ่ง มีบุตรด้วยกัน อันเสมือนกับทำโดยวิสาสะย่อมไม่เข้าลักษณะกระทำโดย มีเจตนาร้าย จึงไม่เป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารหน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย
จำเลยถอด เอาแหวนและตุ้มหูของผู้เสียหายซึ่งสวมใส่ไป โดย บอกกับผู้เสียหายว่าถ้ามีแหวนและตุ้มหูติดตัว อาจมีเงินหลบหนีได้ แสดงว่าการที่จำเลยเอาทรัพย์ดังกล่าวไป จำเลยมีเจตนาเพียงที่จะป้องกันมิให้ผู้เสียหายหลบหนี หามีเจตนาทุจริตไม่จึงไม่เป็นความผิดฐาน ชิงทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพาไปเพื่ออนาจาร ข่มขืน และชิงทรัพย์: การพิจารณาเจตนาในความสัมพันธ์ฉันสามีภริยา
จำเลยกับผู้เสียหายเคยอยู่กินฉันสามีภริยาโดยทำพิธีแต่งงานกันตามลัทธิศาสนาอิสลาม และมีบุตรด้วยกัน 1 คน ต่อมาได้แยกกันอยู่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏชัดว่าจำเลยหย่าขาดกับผู้เสียหายตามกฎหมายอิสลามการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราจึงอาจเป็นกรณีที่จำเลยกระทำไปโดยเข้าใจว่ามีสิทธิกระทำได้กับภริยาซึ่งมีบุตรด้วยกัน อันเสมือนกับทำโดยวิสาสะ ย่อมไม่เข้าลักษณะกระทำโดยมีเจตนาร้าย จึงไม่เป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร หน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยถอดเอาแหวนและตุ้มหูของผู้เสียหายซึ่งสวมใส่ไป โดยบอกกับผู้เสียหายว่าถ้ามีแหวนและตุ้มหูติดตัวผู้เสียหายอาจมีเงินหลบหนีได้ แสดงว่าการที่จำเลยเอาทรัพย์ดังกล่าวไป จำเลยมีเจตนาเพียงที่จะป้องกันมิให้ผู้เสียหายหลบหนี หามีเจตนาทุจริตไม่จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาจำเลยกระทำอนาจารและชิงทรัพย์: วิสาสะ, ป้องกันการหลบหนี, ไม่เข้าข่ายความผิด
จำเลยกับผู้เสียหายเคยอยู่กินฉัน สามีภริยาโดย ทำพิธี แต่งงานกันตาม ลัทธิศาสนาอิสลาม และมีบุตรด้วยกัน 1 คน ต่อมาได้ แยกกันอยู่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏชัด ว่า จำเลยหย่าขาดกับผู้เสียหายตามกฎหมายอิสลาม การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา จึงอาจเป็นกรณีที่จำเลยกระทำไปโดย เข้าใจว่ามีสิทธิกระทำได้ กับภริยาซึ่ง มีบุตรด้วยกัน อันเสมือนกับทำโดยวิสาสะย่อมไม่เข้าลักษณะกระทำโดย มีเจตนาร้าย จึงไม่เป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารหน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยถอด เอาแหวนและตุ้มหูของผู้เสียหายซึ่งสวมใส่ไป โดย บอกกับผู้เสียหายว่าถ้ามีแหวนและตุ้มหูติดตัว อาจมีเงินหลบหนีได้ แสดงว่าการที่จำเลยเอาทรัพย์ดังกล่าวไป จำเลยมีเจตนาเพียงที่จะป้องกันมิให้ผู้เสียหายหลบหนี หามีเจตนาทุจริตไม่จึงไม่เป็นความผิดฐาน ชิงทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3465/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารเมื่อผู้เสียหายเป็นผู้ชักชวนและยินยอม
ผู้เสียหายกับจำเลยรับใคร่ ชอบพอกันมาก่อน ผู้เสียหายได้ไปหาจำเลย และเป็นฝ่ายชักชวนให้จำเลยซึ่งยังไม่มีภริยาพาผู้เสียหายไปจำเลยจึงพาผู้เสียหายไปที่บ้านบิดามารดาของจำเลยเพื่ออยู่กินกันฉันสามีภริยา ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสัมพันธ์รักใคร่และความยินยอม: ไม่เข้าข่ายพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร
จำเลยกับผู้เสียหายเป็นคู่รักกันเคยไปเที่ยวด้วยกันหลายครั้ง มีจดหมายรักถึงกันในคืนเกิดเหตุจำเลยพาผู้เสียหายไปขอพักที่บ้านผู้อื่นโดยบอกว่าพาเมียมาขอนอนพักด้วยทั้งระหว่างกินข้าวผู้เสียหายกับจำเลยหยอกล้อกัน ดังนี้จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภริยาของจำเลย มิใช่เพื่อการอนาจาร โดยผู้เสียหายเต็มใจไปด้วย และไม่ปรากฏว่าจำเลยมีภริยาอยู่ก่อนแล้ว จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระทำชำเราเด็กและพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร จำเลยมีความผิดทั้งสองฐาน
จำเลยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 5 ปี 4 เดือน 11วัน ให้ไปเก็บดอกไม้ในสวนแล้วจะให้เงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อเดินตามจำเลยไปในสวน จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหาย ดังนี้เป็นการกระทำที่ปราศจากเหตุอันสมควรพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีไปเสียจากมารดาเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317 วรรคสาม อีกกระทงหนึ่ง.(ที่มา-ส่งเสริม)
of 36