คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลจำกัดเฉพาะการตั้ง/ถอดผู้จัดการมรดก การจัดการทรัพย์มรดกเป็นอำนาจของผู้จัดการมรดกเอง
คดีขอตั้งผู้จัดการมรดกศาลมีอำนาจพิจารณาเกี่ยวกับการตั้งและถอนผู้จัดการมรดกเท่านั้น แต่ตามคำร้องของผู้ร้องได้ความว่าผู้ร้องในฐานะผู้จัดการมรดกกับทายาทบางคนไม่สามารถตกลงแบ่งที่ดินมรดกได้ ผู้ร้องขอนำที่ดินมรดกออกขายโดยประมูลราคากันเองหรือนำออกขายทอดตลาดนั้น ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดการมรดกทั้งสิ้นซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของผู้จัดการมรดกที่สามารถกระทำได้เองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719 อยู่แล้ว กรณีไม่ใช่อำนาจของศาลที่จะสั่งให้ผู้จัดการมรดกดำเนินการตามขอหากผู้ร้องไม่อาจจัดการเช่นนั้นได้เพราะเหตุทายาทบางคนขัดขวางก็เป็นเรื่องมีข้อโต้แย้งสิทธิในการจัดการแบ่งทรัพย์มรดกของผู้จัดการมรดกซึ่งผู้ร้องชอบที่จะไปดำเนินการฟ้องร้องเป็นอีกคดีหนึ่งหาใช่มายื่นคำร้องในคดีที่ตั้งผู้จัดการมรดกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7102/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาความเสียหาย แม้จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตามอุทธรณ์
ในคดีที่ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตาม ป.อ. แม้โจทก์อุทธรณ์เพียงประการเดียวว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน และศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตาม ป.อ. ก็ตาม แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการกระทำเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะจึงไม่มีมูลความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 ตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ก็ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวต่อไปได้ โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6432/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดและการชำระค่าธรรมเนียมศาลที่ไม่ครบถ้วน ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งให้ชำระได้
แม้การยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีต่อศาลชั้นต้น ผู้ร้องจะต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลขณะยื่นคำร้องตามท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 2(3) จำนวน 20 บาท และค่าคำสั่งตามตาราง 2(7) อีกจำนวน 50 บาทก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลชั้นต้นโดยเสียเฉพาะค่าคำร้อง 20 บาท ศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งให้รับคำร้องและทำการไต่สวนตลอดจนมีคำสั่งชี้ขาดไปแล้ว โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์มีพฤติการณ์จงใจจะหลีกเลี่ยงไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียมศาลให้ครบถ้วนแต่อย่างใด เมื่อความปรากฏในชั้นพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมศาลให้ครบถ้วนตามท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน-ข้อตกลงอนุญาโตตุลาการ: ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ มีอำนาจพิจารณาคดีได้หากจำเลยไม่โต้แย้งหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างถึงสัญญาซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งจำเลยซื้อจากโจทก์มีกำหนด 1 ปี โจทก์จะส่งมอบให้แก่จำเลยไตรมาสละ 2 เที่ยว คิดราคาตามปริมาณน้ำมันที่ปรากฏในใบตราส่งแต่ละเที่ยว โจทก์ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้จำเลยแล้วหลายเที่ยว เป็นเงิน 25,829,671.26 ดอลลาร์สหรัฐ จำเลยชำระหนี้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้แล้วบางส่วน คงค้างชำระเป็นเงิน 11,708,362.76 ดอลลาร์สหรัฐ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยเป็นการบรรยายฟ้องให้พอเข้าใจได้ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 30 และข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2540 ข้อ 6 แล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีนี้ก่อน แล้วจึงไปยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีนี้มิใช่คดีที่ต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 ไม่เป็นฟ้องซ้อน
สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงว่าบรรดาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสนอต่ออนุญาโตตุลาการ ย่อมหมายรวมถึงการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายด้วย หากคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งโต้แย้งการเรียกร้องให้ชำระหนี้ดังกล่าว
โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังมิได้ชำระเป็นเงิน 13,811,352.76 ดอลลาร์สหรัฐ จำเลยมิได้โต้แย้งหรือปฏิเสธหนี้ดังกล่าว กลับมีหนังสือขอผ่อนชำระหนี้ และมีหนังสือขอชำระหนี้โดยการโอนสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อลูกหนี้รายอื่นและเสนอนำทรัพย์สินมาจำนองเป็นประกัน นอกจากนี้จำเลยได้ชำระหนี้ที่ค้างชำระบางส่วน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่โจทก์ทั้งยังยอมให้โจทก์เรียกให้ธนาคารผู้ค้ำประกันชำระหนี้ตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน 2,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งธนาคารก็ได้ชำระให้แก่โจทก์ไปเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นกรณีที่จำเลยได้รับสภาพหนี้ตามสัญญาซื้อขายให้แก่โจทก์แล้ว ไม่อาจถือได้ว่ามีข้อพิพาทหรือข้อโต้แย้งอันเกิดจากหรือเนื่องจากสัญญาซื้อขายอันโจทก์จะต้องเสนอต่ออนุญาโตตุลาการก่อนฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5717/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการพิจารณาคดีเมื่อมีคดีอาญาเชื่อมโยง ศาลฎีกาไม่มีอำนาจสั่งรอ หากอุทธรณ์ยังไม่รับพิจารณา
แม้โจทก์จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลแรงงานกลางที่มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต่อศาลฎีกาก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงก็ยังไม่ปรากฏว่าศาลฎีกามีคำสั่งให้รับคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาและได้มีการส่งคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไปให้ศาลฎีกาพิจารณาแล้วแต่อย่างใด ฉะนั้น จึงยังถือไม่ได้ว่าคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้รอการพิจารณาคดีไว้ก่อนจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ศาลฎีกาไม่มีอำนาจพิจารณาสั่งคำร้องดังกล่าวของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5447/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: มูลคดีเกิดขึ้นที่ใด ฟ้องได้ที่นั่น แม้ไม่ได้ระบุในคำฟ้อง
ตามบทบัญญัติมาตรา 4(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กำหนดให้การเสนอคำฟ้องสามารถกระทำได้ต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาหรือศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์อยู่ที่ตำบลเสม็ด จังหวัดชลบุรี ประกอบอาชีพค้าขายส่งไรให้แก่ลูกค้าทั่วไปจำเลยเป็นลูกค้าสั่งซื้อไรจากโจทก์ ตามคำฟ้องจึงพอฟังได้ว่ามูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดชลบุรี ซึ่งในคำให้การจำเลยอ้างเพียงประการเดียวว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดฉะเชิงเทราเท่านั้น มิได้ให้การว่ามูลคดีมิได้เกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดชลบุรี ดังนั้น เมื่อมูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดชลบุรีโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องที่ศาลจังหวัดชลบุรีได้ ทั้งการฟ้องคดีต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นก็ไม่มีบทบัญญัติบังคับว่าจะต้องบรรยายมาในฟ้องว่ามูลคดีเกิดขึ้นที่ใด เป็นเรื่องที่ศาลสามารถพิจารณาได้จากสภาพแห่งข้อหาที่ปรากฏตามคำฟ้องได้ การที่ศาลจังหวัดชลบุรีรับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5226-5227/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลงโทษฐานฉ้อโกงจัดหางาน แม้ไม่เข้าฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต และการแก้ไขคำพิพากษาเรื่องค่าชดใช้
พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรี เป็นบทบัญญัติที่กำหนดลักษณะการกระทำผิดและโทษไว้เป็นการเฉพาะ มิได้อาศัยฐานความผิดอื่นฐานใดฐานหนึ่งในบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดตามมาตรา 91 ตรี ได้แม้จำเลยมิได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง,80
โจทก์มีคำขอให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้งสองคนละ 80,000 บาทศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(9) และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ในเรื่องนี้จึงไม่มีอำนาจสั่งคืนเงินดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองนั้นแม้คู่ความจะมิได้อุทธรณ์ฎีกาในข้อกฎหมายดังกล่าว แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเองได้ตามมาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 โดยพิพากษาแก้ไขให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5134/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลภาษีอากรกลาง: การส่งความเห็นขัดแย้งบทบัญญัติกฎหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฯ มาตรา 264 วรรคหนึ่ง กรณีที่ศาลจะต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ต้องเป็นกรณีที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นบังคับแก่คดีที่ศาลพิจารณาอยู่ การที่จะพิจารณาว่าศาลภาษีอากรกลางมีอำนาจพิจารณาคดีนี้หรือไม่ จะต้องพิจารณาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร ฯ มาตรา 7 จำเลยให้การว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางแต่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามรัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา 276 ที่ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง ฯ มาตรา 9 บัญญัติยกเว้นมิให้อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา 6 นั้น มิใช่เป็นการกล่าวอ้างว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่จะใช้บังคับแก่คดีต้องด้วยรัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา 6 จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5134/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลภาษีอากรกลาง: การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
การที่ศาลจะต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามบทบัญญัติมาตรา 264 วรรคหนึ่ง แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ นั้น ต้องเป็นกรณีที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นบังคับแก่คดีที่ศาลพิจารณาอยู่ การที่จะพิจารณาว่าศาลภาษีอากรกลางมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่ จะต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรฯ มาตรา 7 ฉะนั้นการที่จำเลยให้การว่าคดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางแต่อยู่ในอำนาจของศาลปกครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ มาตรา 276ที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ มาตรา 9 บัญญัติยกเว้นมิให้อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ มาตรา 6นั้น จึงมิใช่เป็นการกล่าวอ้างว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีต้องด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ มาตรา 6 จึงไม่มีเหตุที่ศาลภาษีอากรกลางจะต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5134/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลภาษีอากรกลาง: การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องเกิดจากบทบัญญัติที่ศาลจะใช้บังคับในคดี
การที่ศาลจะต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ต้องเป็นกรณีที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นบังคับแก่คดีที่ศาลพิจารณาอยู่ การที่จะพิจารณาว่าศาลภาษีอากรกลางมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่ จะต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 7 ดังนั้น การที่จำเลยให้การว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง แต่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มาตรา 276 ที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 9 บัญญัติยกเว้นมิให้อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มาตรา 6 จึงมิใช่เป็นการกล่าวอ้างว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีต้องด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540มาตรา 6 จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
of 222