คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 359 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการสอบสวนการคัดค้านการยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย
ความในมาตรา 158 แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 ที่ว่า "เมื่อผู้มีส่วนได้เสียคัดค้านการยึดทรัพย์ก็ให้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สอบสวน"มิใช่หมายความถึงกับต้อง สอบสวนพยานของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียด้วยเสมอไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีดุลพินิจที่จะพิจารณาว่าพยานหลักฐาน ที่ได้สอบสวนแล้วพอที่จะมีคำสั่งได้แล้วหรือไม่ โดยพิจารณาพยาน หลักฐานและพฤติการณ์ที่เพียงพอจะทราบความจริงได้ว่า ทรัพย์ ที่ยึดมานั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิยึดหรือไม่ก็ย่อม ถือได้แล้วว่าเป็นการสอบสวนตามความหมายในมาตรา 158 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 ไม่จำต้องสอบสวน พยานหลักฐานของผู้ร้องต่อไปให้ล่าช้าผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ล้มละลายอันเป็นกฎหมายพิเศษ ซึ่งต้องการให้กระบวนพิจารณา ดำเนินไปโดยด่วนอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการสอบสวนการยึดทรัพย์และการพิจารณาพยานหลักฐานตามกฎหมายล้มละลาย
ความในมาตรา 158 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483ที่ว่า เมื่อผู้มีส่วนได้เสียคัดค้านการยึดทรัพย์ ก็ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนนั้น มิใช่หมายความถึงกับต้องสอบสวนพยานผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียด้วยเสมอไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีดุลพินิจที่จะพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ได้สอบสวนแล้วพอที่จะมีคำสั่งได้แล้วหรือไม่ โดยพิจารณาพยานหลักฐานและพฤติการณ์ที่เพียงพอจะทราบความจริงได้ว่าทรัพย์ที่ยึดมานั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิยึดหรือไม่ ก็ถือได้แล้วว่าเป็นการสอบสวนตามความหมายในมาตรา 158 แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่จำต้องสอบสวนพยานหลักฐานของผู้ร้องต่อไปให้ล่าช้าผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมายล้มละลายอันเป็นกฎหมายพิเศษซึ่งต้องการให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยด่วนก็ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการสอบสวนการยึดทรัพย์: ไม่ต้องสอบสวนพยานผู้คัดค้านเสมอไป
ตามบทบัญญัติในมาตรา 158 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 นั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีดุลพินิจที่จะพิจารณาว่า พยานหลักฐานที่ ได้สอบสวนแล้วพอที่จะมีคำสั่งได้แล้วหรือไม่ โดยพิจารณาพยานหลักฐานและพฤติการณ์ที่เพียงพอจะทราบความจริง ได้ว่า ทรัพย์ที่ยึด มา นั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิยึด หรือไม่ ก็ย่อมถือได้แล้วว่า เป็นการสอบสวนตามความหมายในมาตรา 158 แล้วไม่จำต้องสอบสวนพยานหลักฐานของผู้ร้องต่อไปให้ล่าช้า ผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมายล้มละลาย อัน เป็นกฎหมายพิเศษซึ่ง ต้องการให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยด่วน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาเฉพาะการในการจัดตั้งบริษัทและการปฏิเสธหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งหมายนัดชอบด้วยกฎหมาย
แม้ผู้ร้องจะมีชื่อในทะเบียนบ้านเลขที่ 507/292 แต่ผู้ร้องยังใช้บ้านเลขที่ 766/26 ซึ่งผู้ร้องเคยอยู่ในการขอจดทะเบียนตั้งบริษัทลูกหนี้และใช้บ้านเลขที่ดังกล่าวปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ถือได้ว่าผู้ร้องเจตนาประสงค์จะใช้บ้านเลขที่ 766/26เป็นภูมิลำเนาเฉพาะการในการจัดตั้งบริษัทลูกหนี้และในการปฏิเสธหนี้การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งหมายนัดไปยังผู้ร้องที่บ้านเลขที่ดังกล่าวโดยวิธีปิดหมายนั้น ถือว่าชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้นจึงมีอำนาจดำเนินคดี
จำเลยยื่นฎีกาด้วยตนเองภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตั้งแต่แรก แม้คดีล้มละลายจะอยู่ในระหว่างจำเลยขอพิจารณาใหม่ ซึ่งไม่ว่าศาลจะอนุญาตให้พิจารณาใหม่ในภายหลังหรือไม่ก็ตาม ก็มิอาจลบล้างกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบดังกล่าวได้ และปัญหานี้เป็นเรื่องอำนาจฟ้อง เป็นปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6494/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระภาษีบำรุงท้องที่ระหว่างถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และสิทธิในการไล่เบี้ยจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ และเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้ชำระหนี้ภาษีบำรุงท้องที่ที่จำเลยต้องรับผิดให้แก่โจทก์ หากจำเลยจะมีสิทธิไล่เบี้ยจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อย่างใด ก็มิใช่เป็นหนี้เกี่ยวกับภาษีอากรหรือคดีที่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจศาลภาษีอากร ศาลภาษีอากรกลางไม่มีอำนาจพิจารณาคดีเกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ ของจำเลยที่มีต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะเรียกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีภาษีอากร แม้จำเลยจะอยู่ในระหว่างที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อจำเลยยังมิได้ชำระภาษีบำรุงท้องที่ จำเลยก็ต้องรับผิดในเงินเพิ่มร้อยละยี่สิบต่อปีของจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่จะอ้างเหตุว่าถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้วไม่ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6494/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระภาษีบำรุงท้องที่หลังถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และสิทธิในการไล่เบี้ยจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้ชำระหนี้ภาษีบำรุงท้องที่ที่จำเลยต้องรับผิดให้แก่โจทก์นั้นหากจำเลยจะมีสิทธิไล่เบี้ยจากเจ้าพนักงานพิทักษ์อย่างใด ก็มิใช่เป็นหนี้เกี่ยวกับภาษีอากร หรือคดีที่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจศาลภาษีอากร ศาลภาษีอากรไม่มีอำนาจพิจารณาคดีเกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ ของจำเลยที่มีต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะเรียกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าเป็นจำเลยร่วมพระราชบัญญัติ ญญัติภาษีบำรุงท้องที่ฯ มาตรา 45(4) กำหนดไว้ว่า ถ้าไม่ชำระภาษีบำรุงท้องที่ภายในเวลาที่กำหนดให้เสียเงินเพิ่ม ฯลฯมิได้กำหนดข้อยกเว้นที่ไม่ต้องชำระเงินเพิ่ม ทั้งไม่มีกฎหมายใดกำหนดว่าในระหว่างที่จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียเงินเพิ่มสำหรับภาษีบำรุงท้องที่ ดังนั้น ตราบใดที่จำเลยยังมิได้ชำระภาษีบำรุงท้องที่ก็ต้องรับผิดเงินเพิ่มอยู่จนกว่าจะชำระจะอ้างว่าถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้วไม่ต้องรับผิดเงินเพิ่มหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6484/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมโอนทรัพย์สินหลังล้มละลาย: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจเฉพาะ และหมดอำนาจเมื่อยกเลิกการล้มละลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสัญญายกให้กันระหว่างโจทก์กับ พ.ผู้คัดค้าน และ พ.ได้ขายและโอนให้จำเลยที่ 1 ในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนโจทก์ล้มละลาย ถือว่าเป็นการจัดการทรัพย์สินของโจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้และเป็นผู้ล้มละลาย ในอันที่จะต้องจัดการรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้นำมาชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ ซึ่งเป็นอำนาจและหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยเฉพาะเท่านั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กระทำการในฐานะแทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในคดีล้มละลาย ไม่ใช่กระทำการแทนโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยหรือลูกหนี้ในคดีล้มละลาย คำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 ได้เป็นคู่ความในคดีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินแปลงดังกล่าวนั้นด้วยก็ตาม และการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว เป็นอำนาจและหน้าที่โดยเฉพาะของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483ทั้งปรากฏว่าคดีล้มละลายนั้น ศาลได้ยกเลิกการล้มละลายและโจทก์หลุดพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงหมดอำนาจที่จะดำเนินการต่อไป โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยลูกหนี้ในคดีล้มละลายดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยผู้รับโอนเป็นคดีนี้เพื่อบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาฎีกาในคดีล้มละลายดังกล่าวเพราะมิฉะนั้นเท่ากับโจทก์เป็นผู้ทำการแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งหมดอำนาจไปแล้ว โจทก์ไม่อาจดำเนินการได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6484/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมโอนทรัพย์สินในคดีล้มละลาย: สิทธิของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และจำกัดสิทธิของลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้เพิกถอนสัญญายกให้ระหว่างโจทก์กับ พ.และพ. ได้ขายและโอนให้จำเลยที่ 1ในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนโจทก์ล้มละลาย ถือว่าเป็นการจัดการทรัพย์สินของโจทก์ ซึ่งเป็นลูกหนี้ผู้ล้มละลายเพื่อรวบรวมทรัพย์สินมาแบ่งแก่เจ้าหนี้ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยเฉพาะ และเป็นการกระทำในฐานะแทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในคดีล้มละลายไม่ใช่กระทำแทนโจทก์ซึ่งเป็นจำเลย หรือลูกหนี้ผู้ล้มละลาย และการที่จะบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลที่ให้เพิกถอนการโอนนั้นก็เป็นอำนาจและหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เช่นกัน เมื่อปรากฏว่าเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ถอนคำขอรับชำระหนี้ และศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายแล้ว ดังนี้ อำนาจที่จะบังคับคดีต่อไปของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงหมดไป โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยลูกหนี้ในคดีล้มละลายไม่มีสิทธิฟ้องเพื่อบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีล้มละลาย เพราะมิฉะนั้นเท่ากับโจทก์เป็นผู้ทำการแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งหมดอำนาจไปแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6415/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องกระทำภายใน 14 วันนับแต่วันได้รับแจ้ง หากพ้นกำหนด ถือเป็นหนี้เด็ดขาด
การที่ผู้ร้องได้รับหนังสือจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งให้ชำระหนี้แก่กองทรัพย์สินของจำเลย หากผู้ร้องจะปฏิเสธหนี้ผู้ร้องมีหน้าที่ต้องปฏิเสธหนี้เป็นหนังสือไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 14 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งเมื่อปรากฏว่าหนังสือปฏิเสธหนี้ของผู้ร้องส่งถึงเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ล่วงเลยกำหนดเวลาดังกล่าว ดังนี้ ถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทรัพย์สินของลูกหนี้เด็ดขาด
of 36