คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แก้ไขคำฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 190 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขชื่อโจทก์ในคำฟ้องและการส่งมอบหนังสือมอบอำนาจใหม่หลังศาลอนุญาต ไม่ขัดต่อ ป.วิ.พ.มาตรา 90
ก่อนวันชี้สองสถานโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขชื่อโจทก์ในคำฟ้องและหนังสือมอบอำนาจโดยส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยแล้วศาลอนุญาตให้แก้ไขและให้โจทก์ส่ง(หนังสือมอบอำนาจ)ฉบับที่ถูกต้องภายหลังได้ดังนี้แม้โจทก์ส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจภายหลัง3วันก่อนวันสืบพยานก็ไม่ขัดต่อป.วิ.พ.มาตรา90.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขชื่อโจทก์ในคำฟ้องและการส่งมอบหนังสือมอบอำนาจใหม่ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90
ก่อนมีการชี้สองสถานโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องโจทก์ว่าชื่อโจทก์ในคำฟ้องหน้าแรกช่องระบุชื่อคู่ความและช่องระบุชื่อโจทก์ขอแก้ไขจากบริษัทอาทิตย์-จันทร์การลงทุนจำกัดเป็นบริษัทอาทิตย์-จันทร์ลงทุนจำกัดและสำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมาย2(หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี)โจทก์จะได้นำส่งฉบับที่ถูกต้องต่อศาลต่อไปศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องของโจทก์ว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยอนุญาตสำเนาให้จำเลยและปรากฏว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องไปแล้วเมื่อศาลอนุญาตคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงถือว่าคำฟ้องของโจทก์ก็ดีหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ก็ดีได้รับอนุญาตจากศาลให้แก่คำว่าบริษัทอาทิตย์-จันทร์การลงทุนจำกัดมาเป็นคำว่าบริษัทอาทิตย์-จันทร์ลงทุนจำกัดทุกๆคำ จำเลยได้รับสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับเดิมท้ายฟ้องซึ่งศาลอนุญาตให้แก้ไขแล้วไม่น้อยกว่า3วันก่อนวันนัดสืบพยานซึ่งจำเลยก็ทราบข้อความที่ศาลอนุญาตให้แก้ไขอยู่ก่อนแล้วเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ส่งฉบับที่ถูกต้องภายหลังได้การที่โจทก์ส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจภายหลัง3วันก่อนสืบพยานย่อมไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา90.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4795/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องค่าเสียหายจากการเป็นชู้ และการแก้ไขคำฟ้องหลังชี้สองสถาน
ฟ้องโจทก์บรรยายชัดแจ้งว่าโจทก์ได้ทราบว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ ทำนองชู้สาวกับภริยาโจทก์ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2525 และคิดดอกเบี้ย จากเงินค่าสินไหมทดแทนร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 29 มกราคม 2525 จำเลยให้การด้วยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องที่อ้างว่าจำเลยล่วงเกินภริยาโจทก์ในทำนองชู้สาวเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2525 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2526 จึงเป็นการฟ้องเมื่อพ้นกำหนด หนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ความจริงที่ยกขึ้นอ้าง ศาลชั้นต้นชี้สองสถานและกำหนดประเด็นข้อพิพาทแล้วนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไข คำฟ้องในวันนัดสืบพยานโจทก์ ดังนี้ ศาลชอบที่จะสั่งให้ยกคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 เพราะโจทก์ขอแก้ไข ก่อนวันชี้สองสถานได้ และคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4795/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชู้ และการแก้ไขคำฟ้องหลังวันชี้สองสถาน
ฟ้องโจทก์บรรยายชัดแจ้งว่าโจทก์ได้ทราบว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ ทำนองชู้สาวกับภริยาโจทก์ เมื่อวันที่ 28มกราคม 2525 และคิดดอกเบี้ย จากเงินค่าสินไหมทดแทนร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 29 มกราคม 2525 จำเลยให้การด้วยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องที่อ้างว่าจำเลยล่วงเกินภริยาโจทก์ในทำนองชู้สาวเมื่อวันที่28 มกราคม 2525 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 31 มกราคม2526 จึงเป็นการฟ้องเมื่อพ้นกำหนด หนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ความจริงที่ยกขึ้นอ้าง ศาลชั้นต้นชี้สองสถานและกำหนดประเด็นข้อพิพาทแล้วนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไข คำฟ้องในวันนัดสืบพยานโจทก์ ดังนี้ ศาลชอบที่จะสั่งให้ยกคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180เพราะโจทก์ขอแก้ไข ก่อนวันชี้สองสถานได้ และคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มจำเลยและการผูกพันตามการซื้อขายที่ปรากฏต่อหน้าคู่กรณี
การแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา179 จะต้องเป็นการแก้ไขข้อหา ข้ออ้างที่มีต่อจำเลยคือตัวบุคคลที่จะต้อง ระบุไว้แน่ชัดตามมาตรา 55, 67 โดยการเพิ่มหรือลดทุนทรัพย์ หรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทในฟ้องเดิมหรือสละข้อหาในฟ้องเดิม ประกอบด้วยมาตราบางข้อ หรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อ ซ. เข้ามาเป็นจำเลยในภายหลังจึงเท่ากับเป็นการฟ้องบุคคลอื่นเป็นจำเลยเพิ่มเข้ามาในคดีอีกคนหนึ่ง จึงมิใช่เป็นเรื่องขอแก้ไขคำฟ้องตามนัยแห่งบทกฎหมายดังกล่าว
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาว่าโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามมาตรา 142(5)
แม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงกันว่า ในการสั่งซื้อสินค้าและลงชื่อรับสินค้าจะกระทำได้เฉพาะจำเลยที่ 2 ก็ตามแต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส. พนักงานของจำเลยเคยลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าแทนจำเลยและจำเลยก็ได้ชำระราคาสินค้านั้น จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีสมัครใจซื้อขายโดยมิได้คำนึงถึงตัวบุคคล ผู้มีอำนาจสั่งซื้อหรือรับสินค้าตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้อง ผูกพันตามที่ได้ปฏิบัติต่อกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มจำเลยใหม่และการผูกพันตามการปฏิบัติจริงในการซื้อขาย
การแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา179 จะต้องเป็นการแก้ไขข้อหา ข้ออ้างที่มีต่อจำเลยคือตัวบุคคลที่จะต้อง ระบุไว้แน่ชัดตามมาตรา 55,67 โดยการเพิ่มหรือลดทุนทรัพย์ หรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทในฟ้องเดิมหรือสละข้อหาในฟ้องเดิม ประกอบด้วยมาตราบางข้อ หรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อ ซ. เข้ามาเป็นจำเลยในภายหลังจึงเท่ากับเป็นการฟ้องบุคคลอื่นเป็นจำเลยเพิ่มเข้ามาในคดีอีกคนหนึ่ง จึงมิใช่เป็นเรื่องขอแก้ไขคำฟ้องตามนัยแห่งบทกฎหมายดังกล่าว
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาว่าโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามมาตรา 142(5) แม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงกันว่า ในการสั่งซื้อสินค้าและลงชื่อรับสินค้าจะกระทำได้เฉพาะจำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส. พนักงานของจำเลยเคยลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าแทนจำเลยและจำเลยก็ได้ชำระราคาสินค้านั้น จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีสมัครใจซื้อขายโดยมิได้คำนึงถึงตัวบุคคล ผู้มีอำนาจสั่งซื้อหรือรับสินค้าตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้อง ผูกพันตามที่ได้ปฏิบัติต่อกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเลขที่เช็คในคำฟ้อง: ไม่ใช่การแก้ไขคำฟ้องตาม ป.วิ.พ. จึงไม่ต้องอยู่ในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด
ภายหลังการชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเลขที่ของเช็คในคำฟ้อง การขอแก้ไขดังกล่าวเป็นเรื่องแก้ไขรายละเอียด หาใช่เป็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ไม่ จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องขอแก้ในระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเลขที่เช็คในคำฟ้อง: ไม่ใช่การแก้ไขคำฟ้องตาม ป.วิ.พ. จึงไม่อยู่ในกรอบเวลามาตรา 180
ภายหลังการชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเลขที่ของเช็คในคำฟ้อง การขอแก้ไขดังกล่าวเป็นเรื่องแก้ไขรายละเอียด หาใช่เป็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ไม่ จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องขอแก้ในระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องหลังสืบพยาน, ที่ดินพิพาท, การออกโฉนดทับที่ดินเดิม ศาลฎีกายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินโฉนดเลขที่ 488 หลังจากจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว โจทก์ขอแก้เลขที่โฉนดเป็น 448 เมื่อปรากฏว่าฟ้องนอกจากอ้างเลขโฉนดแล้ว ยังได้อ้างเลขที่ดินเลขหน้าสำรวจ เล่มที่และหน้า ซึ่งตรงกับโฉนดเลขที่ 448 แสดงว่าโจทก์อ่านเลขโฉนดผิด การแก้ไขดังกล่าวไม่อยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ศาลอนุญาตให้แก้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2446/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้อง, การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้ทำตามกฎหมาย, และสิทธิของเจ้าหนี้ในการบังคับคดี
คดีไม่มีการชี้สองสถาน คู่ความมีสิทธิขอแก้ไขคำฟ้องหรือคำให้การได้ก่อนวันนัดสืบพยาน
คำขอท้ายฟ้องในส่วนแพ่งมี 2 ข้อ จำเลยฎีกาว่า คำขอท้ายฟ้องในส่วนแพ่ง โจทก์ไม่มีสิทธิขอมาในคดีนี้ และไม่เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา โดยจำเลยมิได้กล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกาว่าเป็นคำขอข้อใด ฎีกาดังนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลย่อมไม่วินิจฉัยให้
จำเลยที่ 1 ขายห้องแถวให้จำเลยที่ 3 โดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการซื้อขายจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ห้องแถวยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีเอากับห้องแถวนั้นได้ ศาลจึงไม่ต้องวินิจฉัยว่า การซื้อขายนั้นเป็นการฉ้อฉลหรือไม่
of 19