พบผลลัพธ์ทั้งหมด 258 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1942/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินทำลายผลของพินัยกรรม: เจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิขับไล่ผู้รับพินัยกรรม
แม้เจ้ามรดกจะได้เคยทำพินัยกรรมยกที่พิพาทให้แก่จำเลยแต่เมื่อต่อมาเจ้ามรดกได้โอนที่พิพาทดังกล่าวให้แก่โจทก์ โดยสมบูรณ์ข้อกำหนดพินัยกรรมนั้นย่อมเป็นอันเพิกถอนไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1696
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้: ไม่เข้าข่ายโกงเจ้าหนี้หากยังไม่ได้บังคับคดี
จำเลยที่ 1 ออกเช็ค 18 ฉบับรวมเป็นเงิน 640,000 บาท สั่งจ่ายเงินโดยไม่ลงวันที่สั่งจ่ายเงินทุกฉบับ บางฉบับออกก่อนและบางฉบับออกภายหลังที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินและบ้านให้จำเลยที่ 2 โดยตกลงกันว่า ถ้าโจทก์ต้องการใช้เงินให้บอกให้ จำเลยที่ 1 ทราบ เพื่อโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีโจทก์เรียกเก็บเงิน ภายหลังจากจำเลยที่1 โอนที่ดินและบ้านให้จำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่1 ออกเช็คชำระหนี้ โจทก์ก็ยอมรับไว้และนำเช็คทั้งหมดมาลงวันที่นำไปเข้าบัญชีโจทก์เรียกเก็บเงิน เช็คทั้ง18 ฉบับ ถึงกำหนดชำระเงินภายหลังจากจำเลยที่ 1 โอนที่ดินและบ้านให้จำเลยที่ 2 ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่า โจทก์ได้ใช้สิทธิหรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แล้ว จำเลยที่ 1 จึงโอนที่ดินและบ้านให้ให้จำเลยที่ 2 เพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ และการที่ตกลงกันว่า ถ้าโจทก์ต้องการใช้เงินให้บอกให้จำเลยที่ 1 ทราบ เพื่อโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินนั้น เป็นการแสดงว่าโจทก์ยังจะไม่ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ คดีไม่มีมูลความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส มรดก และการโอนทรัพย์สิน: สิทธิของทายาทและเจ้าของร่วม
การเป็นสามีภริยากันก่อนใช้บทบัญญัติบรรพ 5 และต่อมาแยกกันอยู่ภายหลังที่ใช้บังคับบทบัญญัติบรรพ 5 แล้ว โดยมิได้ทำหนังสือหย่าขาดจากกันตามนัยแห่งมาตรา 1497,1498 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ย่อมไม่ทำให้ขาดจากการเป็นสามีภริยากัน
โจทก์มีสิทธิได้ที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนที่เป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และได้ครอบครองที่พิพาทอยู่ด้วย โดยเข้าทำกินในที่พิพาทแล้วให้เงินแก่จำเลยที่ 1 ทายาทผู้รับมรดกอีกผู้หนึ่งเป็นรายปีทุกปีตลอดมายังมิได้แบ่งปันกันต้องถือว่าต่างเป็นเจ้าของร่วมกันตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1745 การที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทอันเป็นมรดกนี้ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไปทั้งแปลง จึงผูกพันได้เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 โจทก์ขอให้เพิกถอนการโอนในส่วนของตนที่จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิโอน กลับคืนมาได้
โจทก์มีสิทธิได้ที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนที่เป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และได้ครอบครองที่พิพาทอยู่ด้วย โดยเข้าทำกินในที่พิพาทแล้วให้เงินแก่จำเลยที่ 1 ทายาทผู้รับมรดกอีกผู้หนึ่งเป็นรายปีทุกปีตลอดมายังมิได้แบ่งปันกันต้องถือว่าต่างเป็นเจ้าของร่วมกันตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1745 การที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทอันเป็นมรดกนี้ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไปทั้งแปลง จึงผูกพันได้เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 โจทก์ขอให้เพิกถอนการโอนในส่วนของตนที่จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิโอน กลับคืนมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2204/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินในคดีล้มละลาย: การโอนโดยไม่มีค่าตอบแทนและเจตนายินยอม
ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นภริยาของลูกหนี้ (จำเลยในคดีล้มละลาย) มีบุตรด้วยกัน 3 คนคือ ผู้คัดค้านที่ 2,3,4 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ ผู้คัดค้านที่ 1 นำที่ดินที่ตนซื้อมาระหว่างสมรสไปจำนองเอาเงินมาสร้างตึกแถวบนที่ดินต่อมานำเงินอันเป็นสินส่วนตัวไปไถ่จำนอง แล้วจดทะเบียนยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นให้ผู้คัดค้านที่ 2,3,4 โดยลูกหนี้รู้เห็นยินยอม และเป็นการโอนในระหว่าง 3 ปี ก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายดังนี้หนี้จำนองนั้นเป็นหนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินบริคณห์ถือได้ว่าเป็นหนี้ร่วมของผู้คัดค้านที่ 1 กับลูกหนี้การที่ผู้คัดค้านที่ 1 ใช้เงินสินส่วนตัวชำระหนี้นั้น เป็นคนละส่วนกับการโอนที่ดินให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2,3,4 เงินไถ่จำนองไม่ใช่ค่าตอบแทนในการโอนที่ดิน การโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2,3,4 เป็นการโอนโดยไม่มีค่าตอบแทนและเป็นกรณีที่ลูกหนี้ยอมให้ผู้คัดค้านที่ 1 กระทำการโอนที่ดินในส่วนของตนอันจำต้องเพิกถอนศาลย่อมสั่งให้เพิกถอนสัญญาให้ที่ดินเฉพาะส่วนของลูกหนี้มิฉะนั้นก็ให้ผู้คัดค้านที่ 1 ใช้ราคา
ปัญหาว่านิติกรรมยกให้เป็นนิติกรรมอำพราง มิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาว่านิติกรรมยกให้เป็นนิติกรรมอำพราง มิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2039/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินที่ได้จากการโอนเพื่อระงับข้อพิพาท ถือเป็นสินส่วนตัว ไม่ใช่สินสมรส
ในระหว่างสมรสของโจทก์จำเลย จำเลยได้ที่ดินโฉนดที่ 4084และ 4198 โดย ผ. ยกให้โดยเสน่หาระบุว่าให้เป็นสินส่วนตัวกับได้ที่ดินโฉนดที่ 5191 โดย ผ. ทำพินัยกรรมยกให้และระบุให้เป็นสินส่วนตัวเช่นเดียวกัน ต่อมา ล. อ้างว่าที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ของ ผ. แต่เป็นของภรรยาซึ่งเป็นบุตรของ น. และฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งกับแจ้งความกล่าวหาจำเลยทางอาญาหลายคดี ในที่สุด ล. กับจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีหนึ่งซึ่งศาลพิพากษาตามยอมมีใจความสำคัญว่า ให้จำเลยได้ที่ดินโฉนดที่ 1176 และให้ ล. ได้ที่ดินโฉนดที่ 5191 ส่วนที่ดินโฉนดที่ 4198 และ 4084 นั้น จำเลยตกลงโอนให้ ล. โดย ล. ต้องจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทนให้ 3,100,000 บาท ดังนี้ต้องถือว่าที่ดินโฉนดที่ 4084 และ 4198 กับโฉนดที่ 5191 เดิมเป็นที่ดินที่จำเลยได้รับมาเป็นสินส่วนตัว แม้จำเลยจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ ล. ดังกล่าว ก็เป็นการระงับข้อพิพาทระหว่างจำเลยกับ ล. ในคดีนั้นซึ่งมีประเด็นเพียงว่าที่พิพาทเป็นของ ผ. และ ย. มีอำนาจยกให้จำเลยหรือไม่เท่านั้นไม่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะของทรัพย์ยังต้องถือว่าที่ดินทั้งสามแปลงดังกล่าวเป็นสินส่วนตัวของจำเลยอยู่นั่นเอง และเมื่อจำเลยต้องโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินอันเป็นสินส่วนตัวทั้งสามแปลงนั้นให้แก่ ล. ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเหตุให้จำเลยได้มาซึ่งที่ดินโฉนดที่ 1176 กับมีสิทธิได้เงินค่าตอบแทน 3,100,000 บาท ก็ต้องถือว่าที่ดินและเงินค่าตอบแทนดังกล่าวเข้ามาแทนที่ที่ดินทั้งสามแปลง อันเป็นสินส่วนตัวของจำเลยซึ่งมีผลเช่นเดียวกับการขายหรือแลกเปลี่ยนตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1465(1) ดังนั้น ที่ดินโฉนดที่ 1176 กับเงินค่าตอบแทน 3,100,000 บาท ซึ่งเป็นสินส่วนตัวของจำเลย หาใช่สินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ญาติ เจ้าหนี้มีสิทธิเพิกถอนการชำระหนี้
ผู้คัดค้านให้การต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในชั้นสอบสวนว่ารู้จักกับลูกหนี้ (จำเลย) มานานถึง 20 ปีแล้วทั้งปรากฏว่าผู้คัดค้านเป็นญาติทางสมรสกับลูกหนี้ (จำเลย) การที่ผู้คัดค้านรับโอนสิทธิการเช่าตึกแถวจากจำเลยก็เป็นการกระทำที่รีบร้อน โอนกันก่อนวันลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องล้มละลายเพียงไม่กี่วัน แสดงว่าผู้คัดค้านรู้ดีว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย ไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ได้ชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้รายอื่นซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 15 ราย จำนวนเงินถึง 20 ล้านบาทเศษเลย การกระทำของลูกหนี้ (จำเลย) ถือได้ว่าทำให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: สิทธิและหน้าที่ในการชำระหนี้และการโอนทรัพย์สินต้องควบคู่กันไป
ข้อตกลงให้จำเลยชำระเงินตามเวลาที่กำหนด โจทก์จะโอนที่ดินแก่จำเลย แต่ไม่ได้กำหนดว่าโจทก์จะโอนที่ดินแก่จำเลยเมื่อใด ดังนี้ โจทก์ต้องโอนที่ดินแก่จำเลยตอบแทนในคราวเดียวกันโดยปลอดภาระติดพันด้วย เมื่อศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยวางเงินได้ภายใน 7 วันนับแต่วันมีคำสั่ง และเป็นหน้าที่ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งการบังคับคดี แต่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดวิธีการบังคับคดี ก็ไม่ถือว่าจำเลยที่ 3 ผิดนัด จะถือกำหนดวันที่จำเลยที่ 3 ต้องวางเงินตามข้อตกลงเดิมไม่ได้ ศาลให้จำเลยนำเช็คของธนาคารมาวางศาลใน7 วัน นับแต่ฟังคำพิพากษา ให้โจทก์โอนที่ดินแก่จำเลยโดยปลอดภาระติดพัน แล้วให้โจทก์รับเช็คไปจากศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินโดยเสน่หาเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน เจ้าหนี้มีสิทธิขอเพิกถอนได้ แม้ผู้รับโอนไม่มีส่วนรู้เห็น
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดิน 2 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่จำเลยที่ 2, ที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรชายและบุตรสะใภ้ จำเลยให้การว่าที่ดินแปลงหนึ่งติดจำนอง อีกแปลงหนึ่งติดขายฝาก จำเลยที่ 2, ที่ 3 นำเงินไปไถ่ถอน จำเลยที่ 1 จึงโอนที่ดินพร้อม สิ่งปลูกสร้างให้เป็นการกระทำโดยสุจริต ที่จำเลยนำสืบว่าที่ดินแปลงหนึ่งพร้อมสิ่งปลูกสร้างเดิมเป็นของ พ. ยกให้จำเลยที่ 2 ในวันแต่งงาน แต่โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ไว้ก่อน ต่อมาจำเลยที่ 1 จึงทำนิติกรรมโอน ทรัพย์นั้นให้แก่จำเลยที่ 2, ที่ 3 เป็นการนำสืบนอกประเด็นศาลไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ไปกู้เงินบุคคลอื่นเอามาให้จำเลยที่ 1 ไถ่ถอนการขายฝากที่ดินแปลงดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงโอนทรัพย์นั้นให้หากจำเลยที่ 2 ทำเช่นนั้นจริง ก็เป็นการทำเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ผู้เป็นมารดาการโอนทรัพย์เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการโอนให้โดยมีค่าภารติดพันหาได้ไม่
ที่จำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ไปกู้เงินบุคคลอื่นเอามาให้จำเลยที่ 1 ไถ่ถอนการขายฝากที่ดินแปลงดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงโอนทรัพย์นั้นให้หากจำเลยที่ 2 ทำเช่นนั้นจริง ก็เป็นการทำเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ผู้เป็นมารดาการโอนทรัพย์เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการโอนให้โดยมีค่าภารติดพันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดในคดีจัดการห้างหุ้นส่วน: การโอนทรัพย์สินชำระหนี้เป็นอำนาจจัดการของหุ้นส่วนผู้จัดการ
การที่หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดโอนขายที่ดินของห้างหุ้นส่วนจำกัดเพื่อชำระหนี้จำนองของห้าง เป็นการจัดกิจการของห้างอย่างหนึ่งซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการมีอำนาจหน้าที่ที่จะทำได้
ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนขายที่ดินดังกล่าว เพราะการฟ้องคดีเป็นการจัดกิจการของห้างอย่างหนึ่งซึ่งเป็นอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดไม่มีอำนาจที่จะฟ้อง
ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนขายที่ดินดังกล่าว เพราะการฟ้องคดีเป็นการจัดกิจการของห้างอย่างหนึ่งซึ่งเป็นอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดไม่มีอำนาจที่จะฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส, การแยกกันอยู่, และการโอนทรัพย์สินโดยเสน่หา
ที่ดินซึ่งภริยาก่อนบรรพ 5 มีอยู่ก่อนสมรสและอาจนำมาใช้ประโยชน์ด้วยกันได้ ไม่ต้องเอามาระคนปนกับสินเดิมของสามีก็ถือเป็นสินเดิมของภริยา
สามีภริยาก่อนบรรพ 5 การขาดจากสมรสต้องบังคับตามบรรพ 5การยินยอมขาดกันเองต้องทำเป็นหนังสือมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อย 2 คน
การที่สามีภริยาไม่ได้หลับนอนร่วมเพศกัน แต่อยู่คนละบ้านในบริเวณเดียวกัน ไม่เป็นการทิ้งร้างกัน
สามีมีภริยาใหม่แต่ไม่จดทะเบียน ทรัพย์ที่ได้มาใหม่จะมีส่วนได้ร่วมกับสามีหรือไม่. ก็ยังเป็นสินสมรสระหว่างสามีกับภริยาเดิม และใส่ชื่อภริยาในโฉนดร่วมด้วยได้ แต่จะระบุส่วนของภริยาว่าหนึ่งในสามโดยยังไม่ถึงเวลาแบ่งทรัพย์สินกันไม่ได้
สามีโอนที่ดินสินสมรสให้โดยเสน่หาแก่ภริยาใหม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนโดยภริยามิได้ยินยอมเป็นหนังสือ การเพิกถอนต้องทำทั้งหมดมิใช่เฉพาะส่วนของภริยา
สามีภริยาก่อนบรรพ 5 การขาดจากสมรสต้องบังคับตามบรรพ 5การยินยอมขาดกันเองต้องทำเป็นหนังสือมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อย 2 คน
การที่สามีภริยาไม่ได้หลับนอนร่วมเพศกัน แต่อยู่คนละบ้านในบริเวณเดียวกัน ไม่เป็นการทิ้งร้างกัน
สามีมีภริยาใหม่แต่ไม่จดทะเบียน ทรัพย์ที่ได้มาใหม่จะมีส่วนได้ร่วมกับสามีหรือไม่. ก็ยังเป็นสินสมรสระหว่างสามีกับภริยาเดิม และใส่ชื่อภริยาในโฉนดร่วมด้วยได้ แต่จะระบุส่วนของภริยาว่าหนึ่งในสามโดยยังไม่ถึงเวลาแบ่งทรัพย์สินกันไม่ได้
สามีโอนที่ดินสินสมรสให้โดยเสน่หาแก่ภริยาใหม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนโดยภริยามิได้ยินยอมเป็นหนังสือ การเพิกถอนต้องทำทั้งหมดมิใช่เฉพาะส่วนของภริยา