พบผลลัพธ์ทั้งหมด 219 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2883/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์สินสมรสไม่ชอบ ศาลคุ้มครองสิทธิเจ้าของร่วม
ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้จำเลย ถือไม่ได้ว่าเป็นการให้โดยเสน่หาจำเลยยกข้อต่อสู้ว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคมไม่ได้
การที่ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์พิพาทอันเป็นสินสมรสซึ่งโจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของให้แก่จำเลยทั้งหมด พินัยกรรมเกี่ยวกับสินสมรสส่วนของโจทก์จึงไม่ชอบ โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามทรัพย์ส่วนของตนคืนได้ จะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 240 อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเพิกถอนการฉ้อฉลปรับกรณีนี้มิได้
การที่ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์พิพาทอันเป็นสินสมรสซึ่งโจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของให้แก่จำเลยทั้งหมด พินัยกรรมเกี่ยวกับสินสมรสส่วนของโจทก์จึงไม่ชอบ โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามทรัพย์ส่วนของตนคืนได้ จะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 240 อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเพิกถอนการฉ้อฉลปรับกรณีนี้มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยไม่ชอบและการขอพิจารณาคดีใหม่หลังพ้นกำหนดเวลา ศาลต้องไต่สวนก่อน
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ซึ่งจะต้องยื่นภายในไม่เกินหกเดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 นั้น จะต้องเป็นกรณีที่มีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้ว ถ้าการส่งคำบังคับได้กระทำโดยมิชอบจะถือว่ามีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่เมื่อพ้นเวลากำหนดไม่ได้
การส่งหมายโดยใช้วิธีประกาศหนังสือพิมพ์และปิดประกาศหน้าศาล โดยไม่ปรากฏเหตุที่ไม่สามารถจะส่ง ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักงานทำการงานที่แน่นอนของจำเลยนั้น ย่อมไม่ชอบ
การส่งหมายโดยใช้วิธีประกาศหนังสือพิมพ์และปิดประกาศหน้าศาล โดยไม่ปรากฏเหตุที่ไม่สามารถจะส่ง ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักงานทำการงานที่แน่นอนของจำเลยนั้น ย่อมไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งฟ้องฎีกาโดยผู้มิได้รับอนุญาตเป็นทนายความ ทำให้ฎีกานั้นไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
น.มิได้เป็นผู้ซึ่งจดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความ และไม่ปรากฏว่าเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามวรรคสองของมาตรา 36 พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2508 การที่น.ได้เรียงหรือแต่งฟ้องฎีกาให้จำเลยซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมีโทษทางอาญาตามมาตรา 37 ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาซึ่งเกิดจากการกระทำอันไม่ชอบศาลฎีกาไม่อาจรับพิจารณาให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี: การไม่อนุญาตเลื่อนคดีไม่ใช่การขาดนัด และศาลมีอำนาจเพิกถอนกระบวนการพิจารณาที่ไม่ชอบ
ในวันนัดสืบพยาน จำเลยที่ 2 ได้มาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีหากแต่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน ไม่ใช่กรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาศาลในวันสืบพยาน และมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยาน อันจะถือได้ว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง
กรณีมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีและการพิจารณาพยานหลักฐาน เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วยมาตรา 247
กรณีมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีและการพิจารณาพยานหลักฐาน เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วยมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602-2603/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากยื่นข้อเรียกร้อง: การเลิกจ้างไม่ชอบตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
การที่ลูกจ้างยื่นข้อเรียกร้องต่อบริษัทผู้เป็นนายจ้าง แม้จะยื่นในระหว่างที่ยังใช้ข้อบังคับเดิมที่ตกลงกัน ก็ถือได้ว่าได้มีการยื่นข้อเรียกร้องแล้ว บริษัทนายจ้างจึงต้องห้ามมิให้เลิกจ้างลูกจ้าง เพราะเหตุที่ยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 161 การเลิกจ้างจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602-2603/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างที่ยื่นข้อเรียกร้อง: การเลิกจ้างไม่ชอบตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ มาตรา 121
การที่ลูกจ้างยื่นข้อเรียกร้องต่อบริษัทผู้เป็นนายจ้างแม้จะยื่นในระหว่างที่ยังใช้ข้อบังคับเดิมที่ตกลงกันก็ถือได้ว่าได้มีการยื่นข้อเรียกร้องแล้ว บริษัทนายจ้างจึงต้องห้ามมิให้เลิกจ้างลูกจ้าง เพราะเหตุที่ยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 121 การเลิกจ้างจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่ระบุเหตุคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยกล่าวในฎีกาเพียงว่า "จำเลยขอให้การกลับคำให้การในชั้นสอบสวนและในชั้นศาลทุปกระการและทุกถ้อยกระทงความ โดยจำเลยขอให้การว่ามิได้กระทำความผิดตามคำกล่าวหาของพนักงานสอบสวนและคำฟ้องของโจทก์" โดยมิได้ระบุข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จำเลยประสงค์จะยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาแต่ประการใด ทั้งมิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไม่ถูกต้องในข้อใดอย่างไรฎีกาเช่นนี้ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายต้องเชื่อมโยงกับฟ้องเดิม หากปฏิเสธการรับประกันภัย ฟ้องแย้งต่อบริษัทประกันภัยจึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันวินาศภัยรถยนต์คันเกิดเหตุ และรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถโดยประมาทชนรถที่เอาประกันเสียหายจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธว่าโจทก์มิได้เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าว กรมธรรม์ประกันภัยเป็นเอกสารปลอม ความเสียหายเกิดเพราะความประมาทของลูกจ้างผู้เอาประกัน ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย และขอให้เรียกผู้เอาประกันกับลูกจ้างเข้ามาเป็นจำเลยตามฟ้องแย้งด้วย ดังนี้เมื่อจำเลยที่ 2ปฏิเสธฟ้องว่า โจทก์มิใช่ผู้รับประกันภัย จึงไม่มีมูลที่จำเลยที่ 2 จะฟ้องแย้งโจทก์ตามสัญญาประกันภัยเพราะมิได้เกี่ยวกับฟ้องเดิม เมื่อศาลไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่อาจเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยตามฟ้องแย้งได้เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดกโดยไม่ชอบ โจทก์มีสิทธิขอเพิกถอนการจดทะเบียนได้
การที่จำลยยื่นเรื่องราวขอรับมรดกของเจ้ามรดกในที่ดินพิพาทและจดทะเบียนโอนรับมรดกที่ดินพิพาทมา ตลอดจนการยอมรับว่าบิดาจำเลยเป็นผู้เสียภาษีบำรุงท้องที่แทนในนามของเจ้ามรดกตลอดมา เท่ากับเป็นการยอมรับความเป็นเจ้าของของเจ้ามรดก มิใช่เป็นการครอบครองในลักษณะเป็นปรปักษ์ต่อเจ้ามรดก จำเลยจึงไม่อาจอ้างการได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
หลังจากเจ้ามรดกตายมีทายาทอื่นที่มิใช่โจทก์จำเลยครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทต่อมา โฉนดที่ดินพิพาทยังคงมีชื่อเจ้ามรดกถือกรรมสิทธิ์ และจำเลยเพิ่งจะยื่นขอโอนรับมรดก แสดงว่าที่ดินพิพาทยังเป็นของเจ้ามรดกอันจะพึงตกได้แก่บรรดาทายาทซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าของร่วมกันมา ในเบื้องต้นต้องถือว่าได้ครอบครองไว้แทนกัน
การที่จำเลยซึ่งมิใช่ทายาทของเจ้ามรดก เอาที่ดินพิพาทไปจดทะเบียนโอนรับมรดกโดยปราศจากความรู้เห็นยินยอมของทายาทที่แท้จริง แล้วจดทะเบียนโอนยกให้แก่ ข. โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดกชอบที่จะขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนรับมรดก และการจดทะเบียนการให้นั้นเสียได้ เพราะจำเลยได้สิทธิมาโดยไม่ชอบ ข.ผู้รับโอนที่ดินจากจำเลยย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
หลังจากเจ้ามรดกตายมีทายาทอื่นที่มิใช่โจทก์จำเลยครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทต่อมา โฉนดที่ดินพิพาทยังคงมีชื่อเจ้ามรดกถือกรรมสิทธิ์ และจำเลยเพิ่งจะยื่นขอโอนรับมรดก แสดงว่าที่ดินพิพาทยังเป็นของเจ้ามรดกอันจะพึงตกได้แก่บรรดาทายาทซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าของร่วมกันมา ในเบื้องต้นต้องถือว่าได้ครอบครองไว้แทนกัน
การที่จำเลยซึ่งมิใช่ทายาทของเจ้ามรดก เอาที่ดินพิพาทไปจดทะเบียนโอนรับมรดกโดยปราศจากความรู้เห็นยินยอมของทายาทที่แท้จริง แล้วจดทะเบียนโอนยกให้แก่ ข. โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดกชอบที่จะขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนรับมรดก และการจดทะเบียนการให้นั้นเสียได้ เพราะจำเลยได้สิทธิมาโดยไม่ชอบ ข.ผู้รับโอนที่ดินจากจำเลยย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดแล้ว การสั่งรับฎีกาของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ
ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้าย ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาของผู้ร้อง และให้ผู้ร้องนำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในเวลาที่กำหนดนับแต่วันฟังคำพิพากษาหากผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป