คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช็ค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่าย 'หรือผู้ถือ' ผู้ทรงเช็คมีสิทธิเรียกเก็บเงิน แม้ได้มาโดยมิได้มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้สั่งจ่าย
บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงินแต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อหากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็คย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไรแม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรเป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่นและบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่าย 'หรือผู้ถือ' โอนเปลี่ยนมือได้ ผู้ทรงเช็คร้องฟ้องได้ แม้รับเช็คมาโดยมิได้มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้สั่งจ่าย
บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงิน. แต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น. ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อ. หากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น. เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์. โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็ค.ย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย. เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้. ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไร. แม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง. ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป.
จำเลยให้การต่อสู้ว่า. โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริต.และไม่ชอบด้วยกฎหมาย. แต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร. เป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง.
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่น.และบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้. แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้. เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการออกเช็ค – การเซ็นรับรองลายมือผู้สั่งจ่ายเช็คถือเป็นความร่วมกระทำผิด
การที่จำเลยเซ็นรับรองลายมือของบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็ค และจำเลยนำเช็คดังกล่าวไปใช้จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เพราะมาตรา 17 แห่งประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติว่าบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญานี้ ให้ใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วยเว้นแต่กฎหมายนั้นๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และมาตรา 83 ก็เป็นบทบัญญัติในภาค 1 ทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 ก็มิได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาทุจริต ผู้ให้เงินและเซ็นรับรองลายมือมีความผิดฐานตัวการ
การที่จำเลยเซ็นรับรองลายมือของบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายในเช็ค และจำเลยนำเช็คดังกล่าวไปใช้. จำเลยจำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83. เพราะมาตรา 17 แห่งประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติว่าบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญานี้ ให้ใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย. เว้นแต่กฎหมายนั้นๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และมาตรา 83 ก็เป็นบทบัญญัติในภาค 1. ทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 ก็มิได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารประมาทเลินเล่อเรียกเก็บเช็คเข้าบัญชีบุคคลอื่น แม้สุจริตแต่เจ้าของเช็คมีสิทธิเรียกร้อง
ชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY เป็นชื่อที่ตัวโจทก์ขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์เพื่อใช้ในการประกอบพาณิชยกิจและนายทะเบียนได้จดทะเบียนให้แล้วโจทก์จึงเป็นเจ้าของชื่อนั้นโดยชอบเมื่อเช็คที่พิพาทระบุชื่อโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบ ก. เป็นแต่ผู้ทำการแทนร้านและเซ็นสัญญาในนามของร้านไม่ใช่ผู้มีชื่อที่ระบุในเช็คก. จึงไม่ใช่ผู้ทรงเมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของธนาคารจำเลย จึงมีอำนาจฟ้อง
เช็คพิพาทระบุชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY ซึ่งเป็นชื่อโจทก์จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล้วเป็นผู้ถือและขีดคร่อมพร้อมทั้งเขียนคำสั่งว่า ACCOUNTPAYEEONLY คือเป็นทำนองห้ามเปลี่ยนมือ ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก. จากการเป็นตัวแทนเสียแล้ว ก.ไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของตนได้ถึงแม้ว่าธนาคารจำเลยเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตไม่ทราบเรื่องการบอกเลิกการเป็นตัวแทนแต่การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของ ก.เท่ากับเป็นการนำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ ก. โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นทางให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้เป็นทางปฏิบัติที่ธนาคารทั้งหลายไม่พึงกระทำถือว่าธนาคารจำเลยประมาทเลินเล่อแม้ธนาคารจำเลยจะสุจริตจริงแต่เมื่อ ก. ไม่มีสิทธิในเช็คธนาคารจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้น กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1000

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารประมาทเลินเล่อเรียกเก็บเช็คเข้าบัญชีผู้อื่น แม้มีหนังสือมอบอำนาจ แต่ตัวแทนสิ้นสภาพแล้ว เจ้าของเช็กร้องเรียนได้
ชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY เป็นชื่อที่ตัวโจทก์ขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์. เพื่อใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ. และนายทะเบียนได้จดทะเบียนให้แล้ว. โจทก์จึงเป็นเจ้าของชื่อนั้นโดยชอบ. เมื่อเช็คที่พิพาทระบุชื่อโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบ. ก.เป็นแต่ผู้ทำการแทนร้านและเซ็นสัญญาในนามของร้าน. ไม่ใช่ผู้มีชื่อที่ระบุในเช็ค. ก.จึงไม่ใช่ผู้ทรง. เมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของธนาคารจำเลย จึงมีอำนาจฟ้อง.
เช็คพิพาทระบุชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY ซึ่งเป็นชื่อโจทก์.จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล้วเป็นผู้ถือและขีดคร่อม. พร้อมทั้งเขียนคำสั่งว่า ACCOUNTPAYEEONLY คือเป็นทำนองห้ามเปลี่ยนมือ. ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก.จากการเป็นตัวแทนเสียแล้ว. ก.ไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของตนได้. ถึงแม้ว่าธนาคารจำเลยเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตไม่ทราบเรื่องการบอกเลิกการเป็นตัวแทน. แต่การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของก.. เท่ากับเป็นการนำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ ก. โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโจทก์. ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นทางให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้. เป็นทางปฏิบัติที่ธนาคารทั้งหลายไม่พึงกระทำ. ถือว่าธนาคารจำเลยประมาทเลินเล่อ. แม้ธนาคารจำเลยจะสุจริตจริง. แต่เมื่อ ก. ไม่มีสิทธิในเช็ค.ธนาคารจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้น. กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1000.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเรียกเงินตามเช็คกับฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากสัญญาจ้างทำของ ไม่เกี่ยวพันกัน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลัง จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์รับจ้างจำเลยต่อตัวถังรถยนต์ และจำเลยมอบเช็คดังกล่าวให้โจทก์ไว้เป็นประกันสินจ้าง โจทก์ผิดสัญญาทำงานล่าช้า จำเลยบอกเลิกสัญญา เรียกรถยนต์และเช็คประกันคืน โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็ค ปรากฏว่ารถยนต์ของจำเลยที่จ้างโจทก์ต่อตัวถัง อุปกรณ์หายไปหลายอย่าง จำเลยต้องจ้างบุคคลอื่นต่อตัวถังรถเสียค่าจ้างเพิ่มขึ้น และจำเลยต้องขาดรายได้จากการเสียเวลาไม่ได้รับจ้างบรรทุกสินค้า จึงฟ้องแย้งเรียกค่าอุปกรณ์หาย ค่าจ้างที่เสียเพิ่มและค่าขาดรายได้จากโจทก์ ดังนี้เป็นฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม เพราะตามคำฟ้องเดิมมีประเด็นเพียงว่า. จำเลยจะต้องรับผิดชอบกับเช็คที่ออกไปนั้นเพียงใดตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเช็ค ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาหรือเนื่องมาจากสัญญาอีกส่วนหนึ่งต่างหาก กรณีไม่เกี่ยวพันกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวพันกับคำฟ้องเดิม: เช็คกับการผิดสัญญาจ้างทำของเป็นคนละประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลังจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับจ้างจำเลยต่อตัวถังรถยนต์ และจำเลยมอบเช็คดังกล่าวให้โจทก์ไว้เป็นประกันสินจ้างโจทก์ผิดสัญญาทำงานล่าช้าจำเลยบอกเลิกสัญญา เรียกรถยนต์และเช็คประกันคืนโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็ค ปรากฏว่ารถยนต์ของจำเลยที่จ้างโจทก์ต่อตัวถังอุปกรณ์หายไปหลายอย่างจำเลยต้องจ้างบุคคลอื่นต่อตัวถังรถเสียค่าจ้างเพิ่มขึ้น และจำเลยต้องขาดรายได้จากการเสียเวลาไม่ได้รับจ้างบรรทุกสินค้า จึงฟ้องแย้งเรียกค่าอุปกรณ์หาย ค่าจ้างที่เสียเพิ่มและค่าขาดรายได้จากโจทก์ ดังนี้เป็นฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมเพราะตามคำฟ้องเดิมมีประเด็นเพียงว่า จำเลยจะต้องรับผิดชอบกับเช็คที่ออกไปนั้นเพียงใดตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเช็ค ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาหรือเนื่องมาจากสัญญาอีกส่วนหนึ่งต่างหากกรณีไม่เกี่ยวพันกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คสำคัญกว่าการไม่สามารถชำระเงิน แม้เช็คสูญหายหรือถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยออกเช็คเพื่อกู้เงินบุคคลอื่นมาซื้อกระดาษ แต่ยังกู้ไม่ได้จึงเก็บเช็คไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานต่อมาเช็คนั้นหายไป จำเลยจึงได้บอกกล่าวอายัดเช็คต่อธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็ค และแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานฉะนั้น แม้เช็คดังกล่าวจะไปตกอยู่แก่ผู้เสียหายซึ่งรับเงินไม่ได้ก็ตาม จำเลยก็หามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มูลหนี้จากสัญญาซื้อขายที่ดินสำคัญกว่าเช็คค้างชำระ ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ซื้อที่ดินโฉนดที่ 14664ของโจทก์ราคา 113,000 บาท. จำเลยชำระค่าที่ดินให้โจทก์โดยเช็คสองฉบับ ฉบับหนึ่งเงิน 13,000 บาท อีกฉบับหนึ่งเงิน 100,000 บาท. จำเลยได้รับโอนที่ดินจากโจทก์ไปเรียบร้อยในวันซื้อขาย. เช็คฉบับเงิน 100,000 บาท โจทก์นำไปขึ้นเงินไม่ได้. คงขึ้นเงินได้แต่เฉพาะเช็คฉบับเงิน 13,000 บาท. จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ 100,000บาท. โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระเงิน 100,000 บาท หลายครั้ง. จำเลยก็ไม่ชำระ. โจทก์จึงฟ้อง ตามคำฟ้องดังกล่าวแสดงว่า ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกร้องโดยอาศัยสิทธิอันมีมูลหนี้มาจากสัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่. การที่โจทก์บรรยายฟ้องถึงเรื่องเช็คมาด้วย ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระราคาที่ดินจากจำเลยเท่านั้น. มิใช่ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค.
ฎีกาที่กล่าวอ้างถึงข้อเท็จจริงซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว. ทั้งมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์นั้น. ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
of 187