คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,377 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกาศข้อกำหนดทางกฎหมายต้องทำเป็นหนังสือ เพื่อให้มีหลักฐานตรวจสอบได้และเป็นธรรมต่อประชาชน
"ออกประกาศหรือสั่งเป็นหนังสือ"ในมาตรา 18(1) แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 คำว่า"ออกประกาศ"หมายความว่าออกประกาศเป็นหนังสือ หาใช่ออกประกาศด้วยวาจาก็ได้ไม่ เพราะมาตรานี้มุ่งบังคับเอากับประชาชน ถ้าตีความว่าออกประกาศด้วยวาจาก็ใช้ได้ ก็ย่อมปราศจากหลักฐานและเป็นช่องทางให้โต้เถียงกันได้
สัตวแพทย์ประกาศเป็นหนังสือกำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราวและประกาศด้วยวาจาให้จำเลยและเจ้าของสัตว์แจ้งจำนวน โค กระบือ และให้นำโคกระบือมาให้ตรวจและฉีดยา จำเลยฝ่าฝืน ยังไม่เป็นความผิดเพราะสัตวแพทย์ประกาศด้วยวาจามิใช่เป็นหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเลี้ยงดูจากสัญญาประนีประนอม vs. ค่าอุปการะเลี้ยงดูตามกฎหมาย: ศาลฎีกาชี้ขาด
คำฟ้องเดิมของโจทก์เรียกร้องค่าเลี้ยงดูเฉพาะตัวโจทก์เองเท่านั้น การที่โจทก์ร้องขอให้เพิ่มค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกจึงต้องเป็นเรื่องสืบเนื่องโดยตรงจากคำฟ้องเดิมของโจทก์นั้นเอง จะยกเอาประเด็นใหม่ขึ้นมาประกอบ อาทิเรื่องความจำเป็นเกี่ยวแก่การศึกษาของบุตรอีกด้วยเช่นนี้ไม่ได้ เพราะค่าอุปการะเลี้ยงดูสำหรับตัวโจทก์เองโดยเฉพาะในฐานะที่เคยเป็นภรรยา กับค่าอุปการะเลี้ยงดูสำหรับบุตร เป็นคนละเรื่องคนละประเด็น และอาศัยหลักกฎหมายต่างกัน
แม้ในคำร้องของโจทก์ ที่ขอค่าอุปการะเลี้ยงดูเพิ่มขึ้น จะได้กล่าวอ้างถึงเรื่องบุตรตลอดจนไม่มีเงินค่าเล่าเรียนให้แก่บุตร และศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ก็ได้วินิจฉัยกล่าวอ้างถึงเช่นนั้น และฝ่ายจำเลยจะไม่โต้แย้งด้วยก็ตาม แต่เมื่อไม่ใช่ประเด็น ศาลฎีกาก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงความข้อนี้
เมื่อเงินค่าเลี้ยงดูที่โจทก์ได้รับอยู่เป็นผลสืบเนื่องมาจากนิติกรรมโดยศาลบังคับให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งได้กระทำไว้ต่อกันในวันจดทะเบียนหย่านั้น ย่อมไม่ใช่เป็นเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูที่ศาลกำหนดให้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1506 และ มาตรา 1594 วรรคสอง คำว่า "ค่าเลี้ยงดู" กับ "ค่าอุปการะเลี้ยงดู" นั้นมีความหมายอย่างเดียวกัน แต่เหตุแห่งการได้มาซึ่งค่าเลี้ยงดูหรือค่าอุปการะเลี้ยงดูสำหรับภรรยานั่นแหละเป็นสาระสำคัญที่ก่อให้เกิดผลแตกต่างกันขึ้นได้
ตามมาตรา 1506 นั้น ศาลจะต้องพิจารณาเห็นว่า สามีเป็นผู้ผิดแต่ฝ่ายเดียว หากตรงข้ามภรรยาเป็นฝ่ายผิดแล้ว ศาลจะให้สามีจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่ภรรยาก็ไม่ได้กรณีที่ศาลกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่ภรรยาตามมาตรานี้จึงเป็นไปตาม มาตรา 1594 นั้นด้วยซึ่งเป็นกำหนดตามที่ศาลพิจารณาเห็นสมควร ในวาระหนึ่งต่อมาเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ศาลจึงมีอำนาจที่จะสั่งให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามควรแก่กรณี โดยอาศัย มาตรา 1596นั้น
เมื่อโจทก์ได้รับสิทธิ(เกี่ยวกับค่าเลี้ยงดู)ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลก็ไม่ต้องคำนึงถึงความผิดความถูกของฝ่ายใด จำนวนเงินมากหรือน้อยไปเพียงใด กรณีมิได้เป็นไปตาม มาตรา 1506 และ 1594 จึงจะยกเอา มาตรา 1596 ขึ้นมาปรับแก่คดีไม่ได้ เมื่อศาลบังคับคดีให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวและคดีถึงที่สุดไปแล้ว ข้อพิพาททั้งมวลก็ต้องยุติไปตามนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดข่มขืนโดยจำเลยไม่ใช่ผู้ปกครองตามกฎหมาย: การตีความอำนาจปกครองเด็ก
เด็กหญิงเชื่อมอายุ 12 ปีเป็นบุตรติดนางมามารดาแล้วนางมาสมรสกับจำเลย จำเลยข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงเชื่อมจำเลยย่อมมีความผิดเพียงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 เท่านั้น กรณียังไม่ต้องด้วย มาตรา 285 อันเป็นบทบัญญัติที่ให้วางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ หนึ่งในสาม เพราะอำนาจปกครองเด็กหญิงเชื่อมตกอยู่แก่นางมามารดาตาม ป.พ.พ. มาตรา 1540 เด็กหญิงเชื่อมมิได้อยู่ในความปกครองของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะและการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ทำให้ศาลลดโทษจำเลยได้ตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนคนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กำลังเพื่อป้องกันการหลบหนีของผู้ต้องขัง: การกระทำของเจ้าพนักงานเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
จำเลยเป็นผู้ช่วยพัศดีเรือนจำใช้วิธีจับผู้ตายซึ่งเป็นผู้ต้องขังปีนกำแพงเรือนจำหลบหนี โดยชั้นแรกจำเลยร้องบอกให้ผู้ตายหยุดวิ่ง ผู้ตายไม่ยอมหยุดจำเลยใช้ปืนยิงขู่ไป 1 นัด ผู้ตายคงวิ่งหนีต่อไป จำเลยจึงยิงอีก 1 นัด ถูกแขนโดยมิได้เจตนาจะฆ่าผู้ตาย แต่ยิงเพื่อจับกุม ถ้าไม่ยิงผู้ตายก็น่าจะหลบหนีไปได้ จำเลยมีพวกไปด้วยอีก 2 คน แต่ผู้ตายมีสิ่วปลายแหลมในมือ ผู้ตายไม่ได้ตายเพราะแผลที่ถูกยิง แต่ตายเพราะแผลถูกตีที่ศีรษะ เช่นนี้ ย่อมถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นวิธีป้องกันมิให้ผู้ตายหลบหนีเท่าที่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งการจับกุมผู้ตาย ซึ่งหลบหนีจากที่คุมขังแล้ว จำเลยยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนของกองปราบปราม: ความต่อเนื่องของเขตอำนาจตามกฎหมาย แม้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย
เมื่อได้ความตามหลักฐานพยานโจทก์ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาศัยอำนาจตามพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกรมตำรวจ พ.ศ. 2496 ได้ประกาศในราชกิจจาฯ กำหนดหน่วยงานเขตอำนาจการรับผิดชอบและเขตพื้นที่การปกครองว่าให้กองปราบปรามกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีเขตอำนาจการรับผิดชอบและเขตพื้นที่การปกครองในการปฏิบัติหน้าที่ตาม ป.วิ. อ. และบทกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับความผิดคดีอาญาทั้งหลายทั่วราชอาณาจักรแล้ว เช่นนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม กองบัญชาการตำตรวจสอบสวนกลางก็ย่อมมีอำนาจทำการสอบสวนคดีความผิดที่เกิดในอำเภอบ้านตาก จังหวัดตากได้
พระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกรมตำรวจ พ.ศ. 2498 ที่ออกมาใหม่ มีข้อความในมาตรา 5 เช่นเดียวกับพระราชกฤษฎีกาฯ พ.ศ. 2496 คือ มีบทบัญญัติว่า ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้กำหนดหน่วยงานและเขตอำนาจการรับผิดชอบ หรือเขตพื้นที่การปกครองของหน่วยราชการตามความใน มาตรา 4 โดยประกาศในราชกิจจา ฯ เช่นนี้ อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในอันที่จะประกาศข้อบังคับทั้งหลายอันว่าด้วยอำนาจและหน้าที่ของพนักงานตำรวจนั้น หาได้ถูกยกเลิกไปอย่างไรไม่ ประกาศที่มีมาแต่เดิมโดยอาศัยอำนาจที่ชอบด้วยกฎหมายเดิม (พระราชกฤษฎีกา ฯ ฉบับ พ.ศ. 2496) ก็คงใช้ได้ต่อไป ไม่จำต้องมีประกาศใหม่ทับซ้ำโดยอาศัยอำนาจกฎหมายใหม่อย่างไรอีก หน่วยงานที่ตั้งมาแต่เดิมตลอดจนเขตอำนาจที่มีอยู่ ก็ต้องคงอยู่ตลอดมา จนกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะอาศัยอำนาจตามกฎหมายประกาศเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอนเป็นอย่างอื่น
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 679/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตผู้ได้รับอนุญาตขายสุราตามกฎหมาย รวมถึงตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจ
คำว่าผู้ได้รับอนุญาตขายสุรา ตามความในกฎหมายสุรา ในพระราชกฤษฎีกาควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2495 มาตรา 4(1) หมายความรวมถึงผู้ที่ขายสุราได้โดยมีใบอนุญาตคุ้มครอง ณ สถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนั้นด้วย มิใช่จำกัดเฉพาะแต่ผู้ที่มีนามเป็นผู้ถือใบอนุญาตเท่านั้น
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันที่ไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ค้ำประกัน ย่อมไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
สำเนาสัญญาค้ำประกันที่โจทก์ส่งพร้อมฟ้อง มีลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน ผู้ให้กู้ และลายมือชื่อ ผู้เขียนสัญญาและพยานตามต้นสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างและส่งศาลมีลายพิมพ์นิ้วมือและเขียนบอกชื่อผู้ค้ำประกันกับมีพยานลงชื่อไว้ 3 คนซึ่งโจทก์ไม่ได้อ้างพยานเหล่านั้นเป็นพยานแต่กลับนำพยานอื่นมาสืบว่าผู้ค้ำประกันลงลายพิมพ์นิ้วมือไว้โดยมีพยาน 3 คนลงชื่อไว้ กับมีพยานอีกคนหนึ่งลงลายมือชื่อไว้ในฐานะผู้เขียนสัญญาแต่อย่างเดียว หาได้มีฐานะเป็นพยานด้วยไม่ส่วนลายมือชื่อผู้ให้กู้ไม่มีดังนี้ ถือว่าโจทก์นำสืบขัดแย้งกับฟ้องของตนเพราะสำเนาสัญญาค้ำประกันเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องและต้องฟังว่าสัญญาค้ำประกันอันเป็นหลักฐานฟ้องผู้ค้ำประกันไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้ค้ำประกันตามบทบัญญัติมาตรา 9 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีผลเท่ากับผู้ค้ำประกันมิได้ลงลายมือชื่อไว้ไม่เป็นหลักฐานที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้ตาม มาตรา 680 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองเกินจำนวนหนี้จริง การเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญาจำนองเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
จำเลยจะขอนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความจำนวนหนี้ในเอกสารสัญญาจำนองหาได้ไม่ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้น้ำมนต์รักษาโรคจิต ไม่ถือเป็นการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมาย
จำเลยใช้น้ำมนต์ให้ผู้ป่วยเป็นโรคจิตอาบและกินและรับเงินเป็นค่ารักษาเป็นค่าน้ำมนตร์ในการรักษาบำบัดโรคของผู้ป่วย ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการบำบัดโรคด้วยจิตวิเคราะห์ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3.
of 238