พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินมัดจำจากการขายทอดตลาดบังคับคดี: สิทธิของเจ้าหนี้และการจัดการเงินหลังการยกเลิกการขาย
เงินที่ผู้ประมูลซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดได้นำมาวางศาลเป็นเงินมัดจำนั้น แม้ผู้ซื้อผิดสัญญาและศาลสั่งริบเงินมัดจำ ก็หาทำให้เงินที่ศาลสั่งริบตกเป็นรายได้ของแผ่นดินไม่ แต่ถือว่าเงินจำนวนดังกล่าวนี้เป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ในการบังคับคดี ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะได้รวบรวมไว้ เพื่อเอาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่อไป
เมื่อการขายทอดตลาดยังไม่แล้วเสร็จ ศาลชั้นต้นสั่งให้ขายทอดตลาดใหม่ แม้ว่าเงินมัดจำที่ศาลสั่งริบจะถือว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยลูกหนี้ โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิขอรับไปจากศาล แต่จะต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินให้เสร็จและหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้เสียก่อน จึงจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 318, 319
เมื่อการขายทอดตลาดยังไม่แล้วเสร็จ ศาลชั้นต้นสั่งให้ขายทอดตลาดใหม่ แม้ว่าเงินมัดจำที่ศาลสั่งริบจะถือว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยลูกหนี้ โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิขอรับไปจากศาล แต่จะต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินให้เสร็จและหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้เสียก่อน จึงจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 318, 319
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินมัดจำจากการขายทอดตลาดบังคับคดี: สิทธิของเจ้าหนี้และขั้นตอนการรับชำระหนี้
เงินที่ผู้ประมูลซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดได้นำมาวางศาลเป็นเงินมัดจำนั้น แม้ผู้ซื้อผิดสัญญาและศาลสั่งริบเงินมัดจำ ก็หาทำให้เงินที่ศาลสั่งริบตกเป็นรายได้ของแผ่นดินไม่ แต่ถือว่าเงินจำนวนดังกล่าวนี้เป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ในการบังคับคดีซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะได้รวบรวมไว้เพื่อเอาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่อไป
เมื่อการขายทอดตลาดยังไม่แล้วเสร็จ ศาลชั้นต้นสั่งให้ขายทอดตลาดใหม่ แม้ว่าเงินมัดจำที่ศาลสั่งริบจะถือว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยลูกหนี้โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิขอรับไปจากศาล แต่จะต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินให้เสร็จและหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้เสียก่อน จึงจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 318,319
เมื่อการขายทอดตลาดยังไม่แล้วเสร็จ ศาลชั้นต้นสั่งให้ขายทอดตลาดใหม่ แม้ว่าเงินมัดจำที่ศาลสั่งริบจะถือว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยลูกหนี้โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิขอรับไปจากศาล แต่จะต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินให้เสร็จและหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้เสียก่อน จึงจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 318,319
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดการบังคับคดีชั่วคราวเมื่อมีการฟ้องแย้งและวางหลักประกัน การดำเนินการบังคับคดีต่อเมื่อหลักประกันเพียงพอ
จำเลยขอให้งดการบังคับคดีเพราะได้ยื่นฟ้องโจทก์เป็นคดีเรื่องอื่นในศาลเดียวกัน หากจำเลยเป็นฝ่ายชนะก็สามารถหักกลบลบหนี้กันได้ ซึ่งต่อมาจำเลยได้นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารมาวางศาล เป็นเงื่อนไขในการขอให้งดการบังคับคดีไว้ชั่วคราว โดยโจทก์ยินยอม ต่อมาโจทก์กลับขอให้บังคับคดีเอาแก่ธนาคารในฐานะผู้ค้ำประกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์และให้งดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 293 คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุ่ดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคท้าย ศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์และมีคำพิพากษาเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฎีกาจำเลยตลอดไปถึงคำสั่งและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องรับผิดหากลูกหนี้โอนทรัพย์ก่อนแจ้งการยึด แม้แจ้งล่าช้าเล็กน้อย
พนักงานยึดทรัพย์ในการบังคับคดียึดที่ดินตามที่โจทก์นำยึดแล้วรายงานหัวหน้าแผนกในวันเดียวกัน หัวหน้าแผนกแจ้งการยึดต่อลูกหนี้ 10 วันต่อมา แต่เป็นวันหยุดราชการเสีย 5 วัน มีเวลาทำงาน 4 วัน ลูกหนี้โอนทรัพย์นั้นไปเสียก่อนแจ้งการยึด 3 วันแล้ว ดังนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งการยึดในเวลารวดเร็วตามสมควร ส่วนที่แจ้งการยึดต่อเจ้าพนักงานที่ดินล่าช้าต่อมาจากการที่ลูกหนี้ขายทรัพย์ไปแล้วไม่เป็นผลโดยตรง พนักงานยึดทรัพย์ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องซ้ำในกระบวนการบังคับคดีเมื่อไม่พอใจคำสั่งศาล ชอบที่จะอุทธรณ์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
คำร้องฉบับแรกและฉบับหลังของจำเลยมีใจความอย่างเดียวกันว่าโจทก์ยึดที่ดินที่โจทก์นำยึดไม่ได้ เพราะเป็นสินสมรส ต้องขอแยกเสียก่อน ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดเมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องฉบับแรก จำเลยไม่พอใจอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ แต่จำเลยไม่อุทธรณ์ กลับมายื่นคำร้องใหม่ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องซ้ำในคดีบังคับคดี การอุทธรณ์คำสั่งศาล และข้อห้ามในการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
คำร้องฉบับแรกและฉบับหลังของจำเลยมีใจความอย่างเดียวกันว่าโจทก์ยึดที่ดินที่โจทก์นำยึดไม่ได้ เพราะเป็นสินสมรส ต้องขอแยกเสียก่อน ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด เมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องฉบับแรก จำเลยไม่พอใจอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ แต่จำเลยไม่อุทธรณ์ กลับมายื่นคำร้องใหม่ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 329/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการบังคับคดีและการยึดทรัพย์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่ตกลงกัน
คำพิพากษาตามยอมมีความว่า เมื่อโจทก์ไม่สามารถบังคับคดีจากจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยที่ 2 ยอมชำระแทนภายใน 6 เดือนดังนี้ หมายความว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์ที่โจทก์จะยึดมาขายทอดตลาดได้โจทก์จึงจะยึดทรัพย์จำเลยที่ 2 ได้ โจทก์จึงยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1,2 พร้อมกันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3223/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการคัดค้านการบังคับคดี กรณีอ้างว่าทรัพย์สินเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่จำเลย
ในกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าที่ดินที่โจทก์ขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษามิใช่ของจำเลย แต่เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงชอบที่จะยื่นคำร้องขอต่อศาลได้ตามนัยแห่งบทบัญญัติมาตรา 7(2)288 และ 296 แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เมื่อผู้ร้องได้เสียค่าธรรมเนียมตามคำร้องในเรื่องนี้แล้ว ไม่จำเป็นที่ผู้ร้องจะต้องไปฟ้องเป็นคดีใหม่อีกต่างหาก
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 802/2491)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 802/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยหนี้จากการบังคับคดี: เจ้าหนี้สามัญมิอาจเปลี่ยนฐานะเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิย้อนหลังได้
เติมโจทก์ขอให้บังคับคดีทำยึดและขายทอดตลาดที่ดินซึ่งจำเลยทั้งสองจำนองกับโจทก์เพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าเงินขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ตามาคำพิพากษาจึงขอให้ยึดที่ดินโฉนดที่ 9096 และ 9097 ซึ่งจำเลยที่ 1 จำนองไว้กับโจทก์เช่นกันมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้ครบถ้วน ปรากฏว่าตามสัญญาจำนองที่ดินทั้งสองโฉนดนั้นจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์รวมดอกเบี้ยด้วยเป็นเงิน 609,924.58 บาท ศาลชั้นต้นอนุญาต และเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองโฉนดดังกล่าวได้เงิน 1,290,000 บาท เมื่อหักหนี้บุริมสิทธิให้โจทก์ก่อนแล้ว ยังมีเงินเหลือที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจะร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินที่เหลือนี้ได้ ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษา ได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้ส่วนที่เกินบุริมสิทธิของโจทก์ คือขอเฉลี่ยเงินที่เหลือจากการชำระหนี้แก่โจทก์ โดยขอรับเฉลี่ยในฐานะเจ้าหนี้สามัญซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาถึงที่สุดให้ผู้ร้องได้เข้าเฉลี่ยหนี้อย่างเจ้าหนี้สามัญ ดังนี้ ผู้ร้องจะมาอ้างขึ้นใหม่ว่าจะขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ หรือเจ้าหนี้จำนองอันดับ 2 ก่อนเจ้าหนี้สามัญในภายหลังอีกหาได้ไม่ ต้องฟังว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ในฐานะบุริมสิทธิ จะเฉลี่ยหนี้โดยหักหนี้บุริมสิทธิของโจทก์เงินที่เหลือเอาชำระหนี้บุริมสิทธิของผู้ร้อง และเมื่อมีเงินเหลือจากการชำระหนี้บุริมสิทธิของผู้ร้องแล้ว จึงนำไปเฉลี่ยเป็นหนี้สามัญระหว่างโจทก์กับผู้ร้องหาได้ไม่
ิ
ิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการกันเงินจากทรัพย์สินที่ได้มาจากการอยู่กินฉันสามีภรรยา กรณีลูกหนี้ผิดสัญญา
จำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลที่ทำไว้กับโจทก์ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินหนึ่งแปลงพร้อมเรือนหนึ่งหลังซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าว อ้างว่าเป็นของจำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลกันเงินที่ขายทอดตลาดที่ดิน และโรงเรือนดังกล่าวไว้จ่ายให้ผู้ร้องครึ่งหนึ่ง เพราะทรัพย์ดังกล่าวเป็นผู้ร้องและจำเลยรวมกันได้มาระหว่างอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องและจำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาและต่างก็มีรายได้ ที่ดินและเรือนพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกัน หนี้สินระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นเรื่องเฉพาะตัว ดังนี้ การที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยไปยืมเงินโจทก์มาใช้จ่ายในการดำรงชีพและนำมาซื้อที่ดินพร้อมทั้งปลูกเรือนพิพาท และผู้ร้องรู้เห็นในการกู้ยืมด้วย จึงเป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 6 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย