คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5877/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผู้อื่นกระทำความผิดและประเด็นการริบของกลาง ศาลฎีกาวินิจฉัยการปรับบทลงโทษและอำนาจริบ
โจทก์อ้างผู้ที่จำเลยใช้ให้กระทำความผิดซึ่งถูกฟ้องในอีกคดีหนึ่งมาเป็นพยานโจทก์ในคดีที่จำเลยถูกฟ้องฐานเป็น ผู้ใช้ได้ ไม่ถือว่าเป็นการอ้างจำเลยเป็นพยานอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 232
ศาลจะสั่งริบของกลางซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ริบไว้แล้วในอีกคดีหนึ่งไม่ได้
เมื่อปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 แล้วก็ไม่ต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา 288 อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีล้มละลายที่มีทุนทรัพย์น้อยกว่า 20,000 บาท ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาต้องปฏิบัติตาม
ในคดีล้มละลายที่ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยืนยันและเรียกให้ชำระหนี้นั้น ถือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ หากหนี้ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทมีจำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ย่อมต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ประกอบกับพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวและถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับไว้พิจารณาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5665/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาคดีกัญชา: ลงโทษตามฟ้อง แม้ศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ผิดพลาด
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษในความผิดที่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้อง เมื่อมีอุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมา และศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณา ว่า เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทหรือไม่ ถ้าเห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาผิดพลาดก็ต้องแก้ไขให้ตรงตามความจริงเพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย
ศาลยกขึ้นอ้างเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 เมื่อ ศาลอุทธรณ์ไม่แก้ให้ตรงความเป็นจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษา ความผิดให้ตรงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
จำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครอง และพยายามนำกัญชาดังกล่าว ออกนอกราชอาณาจักร เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ศาลต้องลงโทษฐานพยายามนำกัญชาออกนอกราชอาณาจักร อันเป็นบทหนักที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5665/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษผิดกระทง ศาลฎีกาแก้ไขให้ตรงตามฟ้องและลงโทษกรรมเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษในความผิดที่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้อง เมื่อมีอุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมา และศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณา ว่า เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทหรือไม่ ถ้าเห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาผิดพลาดก็ต้องแก้ไขให้ตรงตามความจริงเพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลยกขึ้นอ้างเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 เมื่อ ศาลอุทธรณ์ไม่แก้ให้ตรงความเป็นจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษา ความผิดให้ตรงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
จำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครอง และพยายามนำกัญชาดังกล่าว ออกนอกราชอาณาจักร เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ศาลต้องลงโทษฐานพยายามนำกัญชาออกนอกราชอาณาจักร อันเป็นบทหนักที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระค่าขึ้นศาลและการถือว่าเป็นการทิ้งฟ้อง: ศาลฎีกาพิจารณาเหตุผลในการขอเลื่อนชำระค่าขึ้นศาลและพิจารณาว่าเป็นการจงใจขัดขืนหรือไม่
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าที่พิพาทซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดไว้เป็นของผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ถอนการยึด ในวันพิจารณานัดแรกศาลชั้นต้นแจ้งให้คู่ความทราบว่าตามคำร้องของผู้ร้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้เสียค่าขึ้นศาลก่อน ผู้ร้องเพียงแต่แถลงต่อศาลว่ายังไม่อาจทราบได้แน่นอนว่าที่พิพาทมีราคาเท่าใด ขอเลื่อนไปเพื่อจะไปสืบราคาปานกลางจากเจ้าพนักงานที่ดินและจะนำเงินค่าขึ้นศาลมาเสียในนัดหน้าศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดพร้อมและนัดไต่สวนพยานผู้ร้องถึงวันนัดผู้ร้องแถลงว่าสอบราคาแล้วราคาปานกลางประมาณสองล้านบาท แต่ยังหาเงินค่าขึ้นศาลมาวางไม่ได้ขอเลื่อนคดีดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องจงใจขัดขืนไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาลจึงไม่เป็นการทิ้งฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5582/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตฎีกาต้องระบุปัญหาสำคัญ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากคำสั่งไม่ชัดเจน
การที่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งในฎีกาของจำเลยที่ขอให้รับฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงว่า "พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยมีเหตุสมควรที่จะได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา จึงรับฎีกาของจำเลยสำเนาให้โจทก์" นั้น ยังถือไม่ได้ว่าได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพราะคำสั่งดังกล่าวมิได้มีข้อความใดที่แสดงว่าข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5402/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าร่วมกับผู้อื่น แม้ไม่มีการตกลงกันไว้ก่อน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำแสดงเจตนาชัดเจน
ผู้ตายด่า ล. และจำเลยก่อน ล. จึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแม้จำเลย จะไม่ได้พูดจาตกลงกับ ล. ในการที่จะฆ่าผู้ตาย แต่เมื่อ ล. ยิงผู้ตาย ล้มลงแล้ว จำเลยได้วิ่งเข้ามาใช้มีดแทงผู้ตายที่หน้าอกระหว่างนม เป็นบาดแผลกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร ลึก 2 เซนติเมตรครึ่ง ในเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่ผู้ตายถูกยิง และพูดในลักษณะที่มีความประสงค์จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายแสดงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ ล. ในการที่จะฆ่าผู้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับ ล. ฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5020/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวฯ เบิกความเท็จและนำสืบพยานหลักฐานเท็จ ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
จำเลยกระทำความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 พร้อมกันไปกับการกระทำผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4824/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารและการเบิกความเท็จในคดีแพ่ง ศาลฎีกาชี้เฉพาะความผิดฐานเบิกความเท็จ
จำเลยกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์ลงชื่อมอบให้จำเลยซื้อที่ดินของ ด. แทนโดยฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์และลงวันที่ย้อนหลัง แล้วนำไปใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานและนำสืบในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทระหว่าง จำเลยกับ ว. เพื่อให้ศาลหลงเชื่อว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยจัดการเกี่ยวกับที่ดินแปลงอื่นมิใช่มอบให้จัดการซื้อที่ดินของ ด. ดังนี้ เป็นการปลอมหนังสือมอบอำนาจขึ้นเพื่อนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานต่อศาลในคดีแพ่ง โดยเจตนาให้ศาลหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง หากจำเลยจะมีความผิดเนื่องจากการกระทำดังกล่าวของจำเลย จำเลยก็จะมีความผิดเฉพาะฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 อันเป็นเจตนาที่แท้จริงของจำเลยเท่านั้น จำเลยหามีความผิดตามมาตรา 264 และ 268 ไม่เพราะไม่ปรากฏว่าข้อความที่จำเลยปลอมขึ้นในหนังสือมอบอำนาจได้ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่ประการใด
ประเด็นสำคัญในคดีแพ่งมีว่า โจทก์สั่งจ่ายเช็คให้จำเลยไปวางมัดจำและชำระราคาที่ดินบางส่วนในการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินของ ด. แทนโจทก์แต่จำเลยรับโอนที่ดินนั้นใส่ชื่อตนเองจริงหรือไม่ ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจ จำเลยจะไม่ส่งอ้างหนังสือมอบอำนาจนี้ก็ได้ เพราะเป็นการมอบอำนาจให้จัดการเกี่ยวกับที่ดินต่างแปลงกัน การที่จำเลยนำสืบถึงเอกสารหนังสือมอบอำนาจนี้จึงไม่เป็นการนำสืบพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดี จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คให้จำเลยนำไปว่างมัดจำและชำระค่าที่ดินของ ด. มิใช่จ่ายเช็คชำระหนี้ให้จำเลยการที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คดังกล่าวชำระหนี้ให้จำเลย จึงเป็นการเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีแพ่ง อันเป็นประเด็นข้อสำคัญในคดีจำเลยจึงมีความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4735/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำซ้อนและขอบเขตการกระทำผิดตามกฎหมายพิมพ์ โดยศาลฎีกาตัดสินว่าการพิมพ์กับจำหน่ายจ่ายแจกเป็นคนละกรรม
แม้ในคดีก่อนจะมีการบรรยายฟ้องด้วยว่าจำเลยจัดพิมพ์เอกสารเดียวกันกับสิ่งพิมพ์ในคดีนี้ แต่ก็เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงอันเป็นที่มาของการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดและขอให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นสมเด็จพระราชินีและรัชทายาทด้วยการโฆษณาด้วยการจำหน่ายจ่ายแจกเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ดังกล่าวเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเท่านั้น มิใช่เป็นการฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดและขอให้ลงโทษในฐานะที่เป็นผู้พิมพ์ การกระทำที่จำเลยถูกฟ้องคดีก่อนจึงต่างกรรมกับที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยพิมพ์เอกสารหรือสิ่งพิมพ์โดยฝ่าฝืนข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์ สิทธิในการนำคดีมาฟ้องสำหรับการกระทำนี้จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) ส่วนการจ่ายแจกหรือเสนอจ่ายแจกเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ดังกล่าวโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์ซึ่งเป็นอีกกรรมหนึ่งของฟ้องคดีนี้ เป็นการกระทำกรรมเดียวกันกับการโฆษณาด้วยการจำหน่ายจ่ายแจกเอกสารอันเป็นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นสมเด็จพระราชินีและรัชทายาทตามฟ้องคดีก่อนซึ่งได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วสิทธิในการนำคดีมาฟ้องสำหรับการกระทำนี้ย่อมระงับไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเดียวกันดังกล่าวข้างต้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยเฉพาะข้อหาพิมพ์เอกสารหรือสิ่งพิมพ์โดยฝ่าฝืนข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์เท่านั้น.
of 344