พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2748/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินเพิ่มช่วยค่าครองชีพเป็นเงินเดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่ตกเป็นทรัพย์สินในการบังคับคดี
คำว่าเงินเดือน ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจ่ายเงิน ฯลฯ หมายความรวมถึง........เงินอื่นที่กระทรวงการคลังกำหนดให้เบิกจ่ายในลักษณะเงินเดือนและคำว่าเงินที่เพิ่มช่วยค่าครองชีพ ตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับเงินเพิ่มช่วยค่าครองชีพชั่วคราว พ.ศ. 2521 มาตรา 4 หมายความถึงเงินสวัสดิการเกี่ยวกับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวที่จ่ายช่วยเหลือข้าราชการหรือลูกจ้างตามภาวะเศรษฐกิจ และตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มาตรา 7 ให้นำพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน ฯลฯ มาใช้บังคับในการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพโดยอนุโลม ดังนั้น เงินเพิ่มช่วยค่าครองชีพก็คือ เงินอื่นที่กระทรวงการคลังกำหนดให้เบิกจ่ายแก่ข้าราชการหรือลูกจ้างในลักษณะเงินเดือนจึงเป็นเงินเดือนตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2) ไม่ตกอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2748/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินเพิ่มช่วยค่าครองชีพ (พ.ช.ค.) เป็นเงินเดือนตามกฎหมาย ไม่ตกเป็นเป้าบังคับคดี
คำว่าเงินเดือน ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน ฯลฯ หมายความรวมถึง.....เงินอื่นที่กระทรวงการคลังกำหนดให้เบิกจ่ายในลักษณะเงินเดือนและคำว่าเงินเพิ่มช่วยค่าครองชีพ ตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการ เกี่ยวกับเงินเพิ่มช่วยค่าครองชีพชั่วคราวพ.ศ.2521 มาตรา 4 หมายความถึงเงินสวัสดิการเกี่ยวกับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวที่จ่ายช่วยเหลือข้าราชการหรือ ลูกจ้างตามภาวะเศรษฐกิจ และตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มาตรา 7 ให้นำพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน ฯลฯ มาใช้บังคับในการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพโดยอนุโลม ดังนั้นเงินเพิ่มช่วยค่าครองชีพก็คือเงิน อื่นที่กระทรวงการคลังกำหนดให้เบิกจ่ายแก่ข้าราชการหรือลูกจ้างในลักษณะเงินเดือนจึงเป็นเงินเดือนตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286(2) ไม่ตกอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ปลอมเป็นหลักฐานการกู้ยืมไม่ได้ ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้
จำเลยกู้เงินไป 8,000 บาท โจทก์ให้จำเลยลงชื่อในช่องผู้กู้โดยมิได้กรอกข้อความอื่นในสัญญากู้ ต่อมาโจทก์จึงกรอกข้อความในสัญญากู้และเขียนจำนวนเงินที่กู้เป็น 80,000 บาท แล้วฟ้องเรียกเงินจากจำเลย สัญญากู้ดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่อาจแสดงสิทธิจากเอกสารปลอมได้ ถือได้ว่าการกู้เงินระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์สินสาธารณสมบัติของแผ่นดินจากการบังคับคดี การโอนสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ที่บัญญัติถึงสิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลหรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้น ใช้บังคับเฉพาะทรัพย์สินที่มิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
โจทก์ซื้อส่วนหนึ่งของที่ดินของนิคมสร้างตนเองอันเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ซึ่งโจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแม้โจทก์จะซื้อมาโดยสุจริต โจทก์ผู้รับโอนมาก็ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นเพราะ การโอนมิได้อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกา ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1305 จำเลย ครอบครองที่ดินดังกล่าวอยู่ก่อน ย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์ โจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
โจทก์ซื้อส่วนหนึ่งของที่ดินของนิคมสร้างตนเองอันเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ซึ่งโจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแม้โจทก์จะซื้อมาโดยสุจริต โจทก์ผู้รับโอนมาก็ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นเพราะ การโอนมิได้อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกา ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1305 จำเลย ครอบครองที่ดินดังกล่าวอยู่ก่อน ย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์ โจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์จากการบังคับคดีต้องยื่นภายใน 14 วันนับจากวันขายทอดตลาด มิฉะนั้นไม่มีสิทธิ
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2519ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2520 อันเป็นวันภายหลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับจากวันขายทอดตลาดแล้วไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290วรรคสาม ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งหุ้นจากการบังคับคดี: หน้าที่ของบริษัทในการจดทะเบียนผู้ถือหุ้นใหม่ แม้ขัดต่อข้อบังคับบริษัท
โจทก์ซื้อหุ้นพิพาทของบริษัทจำเลยจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาล โจทก์จึงเป็นบุคคลอื่นผู้มีสิทธิจะได้หุ้นเหล่านั้นมาในเหตุบางอย่าง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1132 บริษัท จำเลยมีหน้าที่ต้องลงทะเบียนรับโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นเหล่านั้นแทนเจ้าของหุ้นเดิมสืบไป จะอ้างว่าโจทก์ได้หุ้นดังกล่าวมาโดยขัดต่อข้อบังคับของบริษัทจำเลยบังคับให้บริษัทจำเลยจดทะเบียนให้โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยไม่ได้หาชอบไม่ เพราะการโอนหุ้นตามข้อบังคับของบริษัทเป็นคนละเรื่องกับการได้หุ้นมาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการร้องขอเปิดกิจการที่ถูกปิดบังคับคดี หากเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย
ศาลพิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดส่งมอบโรงภาพยนตร์คืนแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ยกฟ้องจำเลยร่วม จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงปิดโรงภาพยนตร์ตามหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยร่วมร้องเข้ามาในคดีขอให้เปิดโรงภาพยนตร์ โดยอ้างว่าเป็นของจำเลยร่วม ไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยได้ จำเลยร่วมแถลงว่าตนไม่ใช่เจ้าของ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงภาพยนตร์ไม่เป็นยุติมิให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการขอเปิดกิจการที่ถูกปิดบังคับคดี หากเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย
ศาลพิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดส่งมอบโรงภาพยนตร์คืนแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ยกฟ้องจำเลยร่วม จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงปิดโรงภาพยนตร์ตามหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยร่วมร้องเข้ามาในคดีขอให้เปิดโรงภาพยนตร์ โดยอ้างว่าเป็นของ จำเลยร่วม ไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยได้ จำเลยร่วม แถลงว่าตนไม่ใช่เจ้าของ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงภาพยนตร์ ไม่เป็นยุติมิให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2096/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการชำระหนี้ที่ดิน: จำเลยต้องฟ้องแย้งใหม่เพื่อขอที่ดินคืน แม้จะชำระหนี้ได้
มารดาจำเลยกู้เงินบิดาโจทก์ และมอบที่พิพาทให้บิดาโจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยบิดาโจทก์และมารดาจำเลยต่างถึงแก่กรรมไปแล้ว จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทโดยมิได้ชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ โจทก์จึง ฟ้องขับไล่จำเลย ศาลพิพากษาให้ขับไล่คดีถึงที่สุดแล้วต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกจำเลยมาศาล บังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จำเลยมาศาลจำเลยขอชำระต้นเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้โจทก์และขอที่ดินคืน โจทก์อ้างว่าจำเลยไม่มีสิทธิทำเช่นนั้นขอให้บังคับคดีต่อไปเช่นนี้เมื่อคดีเดิมจำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้โจทก์รับเงินและคืนที่พิพาทให้แก่จำเลย ผลคำพิพากษาจึงมีแต่เพียงให้ขับไล่จำเลยออกจาก ที่พิพาท ส่วนการจะขอชำระเงินและขอที่พิพาทคืนนั้น จำเลยจะต้อง ฟ้องโจทก์เป็นคดีขึ้นใหม่แต่อย่างไรก็ดี การที่จะงดการบังคับคดีไว้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 เป็นอำนาจและ ดุลพินิจของศาลที่จะสั่งตามที่เห็นสมควร ศาลจึงงดการบังคับคดีไว้ ชั่วคราวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาเรื่องแบ่งทรัพย์มรดก จำเลยต้องปฏิบัติตามลำดับในคำพิพากษา
แม้ศาลจะมีคำพิพากษาและคดีถึงที่สุดเกี่ยวกับที่ดินมรดกว่าให้จำเลยแบ่งที่ดินมรดกแก่โจทก์ทั้งสามคนละ 1 ใน 4 ส่วนหรือให้จำเลยชำระเงินค่าที่ดินแก่โจทก์ส่วนละ 1,250 บาท หรือมิฉะนั้นให้ขายที่ดินทั้งแปลงเอาเงินมาแบ่งกันตามส่วนก็ตาม ในการบังคับคดีจำเลยจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้ตามลำดับของคำพิพากษาทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยไม่สามารถจะแบ่งที่ดินมรดกให้แก่โจทก์ทั้งสามตามคำพิพากษาได้ ดังนี้ จำเลยจะเลือกวิธีการนำเงินค่าที่ดินมาชำระให้โจทก์ส่วนละ 1,250 บาท โดยโจทก์ไม่ตกลงด้วยไม่ได้