พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2399/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของรถ กรณีคนขับรถทำละเมิด จำเป็นต้องแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคนขับกับเจ้าของรถ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า หญิงไม่ทราบชื่อขับรถยนต์ของจำเลยชนโจทก์โดยประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้จำเลยร่วมรับผิดกับหญิงไม่ทราบชื่อใช้ค่าเสียหายให้โจทก์โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าหญิงไม่ทราบชื่อนั้นมีฐานะความสัมพันธ์กับจำเลยอย่างไร เช่นมีฐานะเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยและกระทำไปในทางการที่จ้างหรือในกิจการแทนจำเลยดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2246/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีแพ่งหลังคดีอาญา: นับใหม่เมื่อศาลอาญาพิพากษายกฟ้องและมีมูลละเมิด
บทบัญญัติเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 50 วรรค 2 บัญญัติเพื่อให้มีผลบังคับสำหรับกรณีที่จะมีการฟ้องคดีแพ่งตามมาภายหลังที่ได้พิจารณาพิพากษาคดีอาญาเด็ดขาด ไปแล้วดังที่บัญญัติไว้ในวรรค 3 และ 8 รวมทั้งกรณีที่ได้มีการฟ้องคดีแพ่งเข้ามาในระหว่างพิจารณาคดีอาญาด้วย
ก่อนฟ้องคดีแพ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีอาญาหาว่ายักยอกทรัพย์ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว กรณีจึงต้องด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 41 วรรค 4 ถือสิทธิของโจทก์ในอันที่จะฟ้องคดีแพ่งสำหรับจำเลยที่ 2 ย่อมมีอายุความตามหลักทั่วไปในเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในคดีอาญาศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมยักยอกทรัพย์ของโจทก์ด้วย ดังนั้นเมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีแพ่งขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย กรณีจึงต้องนับอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก ซึ่งบัญญัติให้ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะถึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
ก่อนฟ้องคดีแพ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีอาญาหาว่ายักยอกทรัพย์ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว กรณีจึงต้องด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 41 วรรค 4 ถือสิทธิของโจทก์ในอันที่จะฟ้องคดีแพ่งสำหรับจำเลยที่ 2 ย่อมมีอายุความตามหลักทั่วไปในเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในคดีอาญาศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมยักยอกทรัพย์ของโจทก์ด้วย ดังนั้นเมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีแพ่งขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย กรณีจึงต้องนับอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก ซึ่งบัญญัติให้ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะถึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีละเมิดทางแพ่ง, การประเมินค่าเสียหายรถยนต์ และการพิสูจน์สภาพรถก่อนเกิดเหตุ
รถยนต์โจทก์ถูกชนเสียหายจนไม่อาจซ่อมได้โจทก์ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายคิดเท่าราคารถที่โจทก์ซื้อกับราคาค่ายางที่ติดรถกับยางอะไหล่ยางรถและยางอะไหล่เป็นส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของตัวรถตามปกติประเพณีการค้าย่อมรวมอยู่ในราคาของรถที่ทำการซื้อขาย เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นกับรถการเสื่อมค่าหรือราคาย่อมเป็นไปตามสภาพอยู่ด้วยกันทั้งหมด
อายุความละเมิด 1 ปีนับตั้งแต่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ทำละเมิดด้วยคือนับตั้งแต่อธิบดีกรมตำรวจในฐานะตัวแทนกรมตำรวจรู้ความดังกล่าว
อายุความละเมิด 1 ปีนับตั้งแต่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ทำละเมิดด้วยคือนับตั้งแต่อธิบดีกรมตำรวจในฐานะตัวแทนกรมตำรวจรู้ความดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของข้าราชการ: ต้องพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการละเว้นหน้าที่กับความเสียหาย
การที่ข้าราชการละเว้นไม่ปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติราชการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและคำสั่งของทางราชการนั้น อาจทำให้ข้าราชการต้องรับผิดในทางวินัยก็จริงแต่จะถือเป็นหลักแน่นอนตายตัวว่า เมื่อข้าราชการผู้ใดกระทำผิดวินัยแล้วต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 เสมอไปหาได้ไม่ การที่จะให้จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิดต่อโจทก์นั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการที่จำเลยกระทำผิดวินัยนั้นเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้โจทก์เสียหาย
จำเลยรับราชการเป็นครู อาจารย์ใหญ่ได้ออกคำสั่งแต่ตั้งจำเลยเป็นครูเวรรักษาการณ์ตามมติคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่ควบคุมคนยามมิให้ละทิ้งหน้าที่แต่ต้องมาอยู่เวร ที่โรงเรียน และนอนในห้องที่โรงเรียนจัดไว้ คืนเกิดเหตุจำเลยไม่ได้มาอยู่เวร คงมีแต่ภารโรงทำหน้าที่เป็นคนยาม ระหว่างอยู่ยามรักษาการณ์คนยามได้หลับยาม คนร้ายจึงได้งัดเข้าไปลักทรัพย์ในโรงงานที่ 4 และ ที่ 6 ของโรงเรียนที่อยู่ห่างที่ครูเวรนอนออกไปถึง 50 เมตร และ 250 เมตร ตามลำดับ ซึ่งไม่อยู่ในวิสัยที่ผู้อยู่เวรจะล่วงรู้ได้ ถึงหากจำเลยจะมาอยู่เวรก็ไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดการลักทรัพย์ดังกล่าวขึ้นได้ เพราะไม่มีหน้าที่เป็นคนยามตรวจตราเฝ้าขโมย การที่โรงเรียนถูกลักทรัพย์ จึงไม่ใช่ผลโดยตรงจากการที่จำเลยไม่มาอยู่เวร จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิด
จำเลยรับราชการเป็นครู อาจารย์ใหญ่ได้ออกคำสั่งแต่ตั้งจำเลยเป็นครูเวรรักษาการณ์ตามมติคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่ควบคุมคนยามมิให้ละทิ้งหน้าที่แต่ต้องมาอยู่เวร ที่โรงเรียน และนอนในห้องที่โรงเรียนจัดไว้ คืนเกิดเหตุจำเลยไม่ได้มาอยู่เวร คงมีแต่ภารโรงทำหน้าที่เป็นคนยาม ระหว่างอยู่ยามรักษาการณ์คนยามได้หลับยาม คนร้ายจึงได้งัดเข้าไปลักทรัพย์ในโรงงานที่ 4 และ ที่ 6 ของโรงเรียนที่อยู่ห่างที่ครูเวรนอนออกไปถึง 50 เมตร และ 250 เมตร ตามลำดับ ซึ่งไม่อยู่ในวิสัยที่ผู้อยู่เวรจะล่วงรู้ได้ ถึงหากจำเลยจะมาอยู่เวรก็ไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดการลักทรัพย์ดังกล่าวขึ้นได้ เพราะไม่มีหน้าที่เป็นคนยามตรวจตราเฝ้าขโมย การที่โรงเรียนถูกลักทรัพย์ จึงไม่ใช่ผลโดยตรงจากการที่จำเลยไม่มาอยู่เวร จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของข้าราชการ: การพิสูจน์ความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างการละเว้นหน้าที่กับความเสียหาย
การที่ข้าราชการละเว้นไม่ปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติราชการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและคำสั่งของทางราชการนั้น อาจทำให้ข้าราชการต้องรับผิดในทางวินัยก็จริง แต่จะถือเป็นหลักแน่นอนตายตัว ว่า เมื่อข้าราชการผู้ใดกระทำผิดวินัยแล้วต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 เสมอไป หาได้ไม่การที่จะให้จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิดต่อโจทก์นั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการที่จำเลยกระทำผิดวินัยนั้นเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้โจทก์เสียหาย
จำเลยรับราชการเป็นครู อาจารย์ใหญ่ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งจำเลยเป็นครูเวรรักษาการณ์ตามมติคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่ควบคุมคนยามมิให้ละทิ้งหน้าที่แต่ต้องมาอยู่เวรที่โรงเรียนและนอนในห้องที่โรงเรียนจัดไว้ คืนเกิดเหตุจำเลยไม่ได้มาอยู่เวร คงมีแต่ภารโรงทำหน้าที่เป็นคนยาม ระหว่างอยู่ยามรักษาการณ์คนยามได้หลับยาม คนร้ายจึงได้งัดเข้าไปลักทรัพย์ในโรงงานที่ 4 และที่ 6 ของโรงเรียนที่อยู่ห่างจากห้องที่ครูเวรนอนออกไปถึง 50 เมตร และ 250เมตร ตามลำดับ ซึ่งไม่อยู่ในวิสัยที่ผู้อยู่เวรจะล่วงรู้ได้ ถึงหากจำเลยจะมาอยู่เวรก็ไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดการลักทรัพย์ดังกล่าวขึ้นได้ เพราะไม่มีหน้าที่เป็นคนยามคอยตรวจตราเฝ้าขโมย การที่โรงเรียนถูกลักทรัพย์ จึงไม่ใช่ผลโดยตรง จากการที่จำเลยไม่มาอยู่เวร จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิด
จำเลยรับราชการเป็นครู อาจารย์ใหญ่ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งจำเลยเป็นครูเวรรักษาการณ์ตามมติคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่ควบคุมคนยามมิให้ละทิ้งหน้าที่แต่ต้องมาอยู่เวรที่โรงเรียนและนอนในห้องที่โรงเรียนจัดไว้ คืนเกิดเหตุจำเลยไม่ได้มาอยู่เวร คงมีแต่ภารโรงทำหน้าที่เป็นคนยาม ระหว่างอยู่ยามรักษาการณ์คนยามได้หลับยาม คนร้ายจึงได้งัดเข้าไปลักทรัพย์ในโรงงานที่ 4 และที่ 6 ของโรงเรียนที่อยู่ห่างจากห้องที่ครูเวรนอนออกไปถึง 50 เมตร และ 250เมตร ตามลำดับ ซึ่งไม่อยู่ในวิสัยที่ผู้อยู่เวรจะล่วงรู้ได้ ถึงหากจำเลยจะมาอยู่เวรก็ไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดการลักทรัพย์ดังกล่าวขึ้นได้ เพราะไม่มีหน้าที่เป็นคนยามคอยตรวจตราเฝ้าขโมย การที่โรงเรียนถูกลักทรัพย์ จึงไม่ใช่ผลโดยตรง จากการที่จำเลยไม่มาอยู่เวร จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการปิดกั้นทางน้ำ – การใช้สิทธิโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของผู้อื่น
ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดต่อกัน โดยที่ดินของจำเลยแปลงหนึ่งอยู่ติดถนน ฟากตะวันตกตรงกันข้ามกับที่ดินของจำเลย อีกแปลงหนึ่งซึ่งติดต่อกับที่ดินโจทก์ฟากตะวันออก ทั้งโจทก์จำเลยต่างใช้ที่ดินทำนาข้าวโดยอาศัยน้ำฝน เมื่อฝนตกน้ำฝนจะไหลจากที่ดินของผู้อื่นทางทิศตะวันออก มาสู่ที่ดินโจทก์จำเลยทางทิศตะวันออกเขตถนน แล้วไหลผ่านท่อระบายน้ำ ผ่านถนนลงที่นาจำเลยแปลงทิศตะวันตก จำเลยทำคันดินหรือผนังขวางทางน้ำไหลจากท่อ ระบายมิให้ลงสู่ที่นา ของจำเลยดังที่เคยเป็นมา เป็นเหตุให้น้ำทางฟากถนนตะวันออกเอ่อท่วมทั้งที่นาจำเลยกับที่นาโจทก์มีระดับสูงแค่อก โจทก์ให้ประโยชน์ที่ดินทำนาไม่ได้ แม้จะฟังได้ว่า จำเลยทำคันดินหรือผนังกั้นน้ำ เพื่อมิให้น้ำซึ่งไหลจากท่อระบายเข้านาทำความเสียหายแก่ข้าวกล้าของจำเลย และไม่ใช่กรณีน้ำที่ไหลจากพื้นดินสูงลงสู่พื้นดินต่ำตามธรรมดา แต่ก็ได้ความว่า ถ้าจำเลยแก้ไขทำเหมืองให้น้ำผ่านนาของจำเลยไป ความเสียหายของโจทก์ผู้มีที่นาใกล้เคียงอีกฟากหนึ่งของถนนก็จะไม่เสียหาย เกินกว่า ที่ควรคิดหรือคาดหมายว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร แต่จำเลยก็ไม่ยอมแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ปิดกั้นน้ำโดยทำคันดินหรือผนังดังกล่าว จึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่นเป็นละเมิด ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการให้ความเสียหายนั้นสิ้นไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการปิดกั้นทางน้ำ – การใช้สิทธิก่อความเสียหาย – แก้ไขเพื่อบรรเทา – ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.421, 1337
ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดต่อกัน โดยที่ดินของจำเลยแปลงหนึ่งอยู่ติดถนนฟากตะวันตกตรงกันข้ามกับที่ดินของจำเลย อีกแปลงหนึ่งซึ่งติดต่อกับที่ดินโจทก์ฟากตะวันออกทั้งโจทก์จำเลยต่างใช้ที่ดินทำนาข้าวโดยอาศัยน้ำฝน เมื่อฝนตก น้ำฝนจะไหลจากที่ดินของผู้อื่นทางทิศตะวันออกมาสู่ที่ดินโจทก์จำเลยทางทิศตะวันออกเขตถนน แล้วไหลผ่านท่อระบายน้ำผ่านถนนลงที่นาจำเลยแปลงทิศตะวันตก จำเลยทำคันดินหรือพนังขวางทางน้ำไหลจากท่อระบายมิให้ลงสู่ที่นาของจำเลยดังที่เคยเป็นมา เป็นเหตุให้น้ำทางฟากถนนตะวันออกเอ่อท่วมทั้งที่นาจำเลยกับที่นาโจทก์มีระดับสูงแค่อก โจทก์ใช้ประโยชน์ที่ดินทำนาไม่ได้ แม้จะฟังได้ว่าจำเลยทำคันดินหรือพนังกั้นน้ำเพื่อมิให้น้ำซึ่งไหลจากท่อระบายเข้านาทำความเสียหายแก่ข้าวกล้าของจำเลยและไม่ใช่กรณีน้ำที่ไหลจากพื้นดินสูงลงสู่พื้นดินต่ำตามธรรมดา แต่ก็ได้ความว่า ถ้าจำเลยแก้ไขทำเหมืองให้น้ำผ่านนาของจำเลยไป ความเสียหายของโจทก์ผู้มีที่นาใกล้เคียงอีกฟากหนึ่งของถนนก็จะไม่เสียหายเกินกว่าที่ควรคิดหรือคาดหมายว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรแต่จำเลยก็ไม่ยอมแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ปิดกั้นน้ำโดยทำคันดินหรือพนังดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นเป็นละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการให้ความเสียหายนั้นสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของผู้เช่าซื้อเมื่อรถเสียหายจากละเมิด ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดชอบเต็มจำนวน
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อมาเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับคืนดีได้ แม้โจทก์จะชำระราคาค่าเช่าซื้อยังไม่ครบ โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหาย และต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำละเมิดโดยตรงต่อโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนได้เต็มราคารถจักรยานยนต์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1882/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง: การเพิ่มเจ้าของรถและผู้รับประกันภัยใหม่เข้าในคำฟ้องเดิมที่เกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิด
เดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยจากจำเลยที่ 1 ส.ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถคันดังกล่าวมาตามทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์ขอให้ใช้ค่าเสียหาย ต่อมาโจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุร่วมกับจำเลยที่ 1 และเป็นผู้เอาประกันภัย ส.เป็นลูกจ้างของจำเลยที่1กับห้างหุ้นส่วนจำกัดส.แม้คำฟ้องที่ยื่นภายหลังจะกล่าวอ้างพาดพิงไปถึงห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แต่โจทก์ยังขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามข้อหาเดิม กรณีจึงเป็นเรื่องเพิ่มเติมข้อเท็จจริงฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ คำฟ้องเดิมและที่ยื่นภายหลังเกี่ยวข้องกัน โจทก์ชอบที่จะขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับละเมิดของเด็กเยาว์ต้องได้รับอนุญาตศาลจึงจะมีผลผูกพัน
บิดาเด็กชาย บ. โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับบิดาเด็กชาย ว. ผู้ทำละเมิดต่อผู้เยาว์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลมูลละเมิดที่เด็กชาย ว. ก่อขึ้นหามีผลระงับไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความอันเป็นโมฆะไม่และไม่มีผลผูกพันเด็กชาย บ. โจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้โจทก์จะมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้โจทก์จะมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้