คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงเดิมหลังศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตาม ม. 300 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับลงโทษจำเลยเพียงทำร้ายร่างกายตาม ม. 254 เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริง แม้จะอ้างเหตุผลไปคนละนัย แต่ในที่สุดก็เห็นต้องกันว่าจำเลยไม่ผิดฐานลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ดังข้อหาของโจทก์จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานชิงทรัพย์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ดังนี้ โจทก์จะฎีกาข้อเท็จจริงขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์หาได้ไม่ เป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา ม. 219
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/249+)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาในคดีอาญาปนแพ่ง: วินิจฉัยสิทธิในทรัพย์สินได้แม้ศาลอุทธรณ์ยังไม่ชี้ขาด
ความผิดฐานลักทรัพย์เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยข้อเท็จจริงโจทก์จะฎีกาข้อเท็จจริงหาได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
แต่ในกรณีที่ศาลฎีกาจะพิพากษาในคดีส่วนแพ่งคือจะสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาไม้รายพิพาทได้หรือไม่นั้นเมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าไม้รายพิพาทเป็นของโจทก์ และศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยชี้ข้อเท็จจริงให้แน่นอนลงไปว่าไม้เป็นของโจทก์หรือผู้ใดแล้วเช่นนี้ศาลฎีกาก็ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้ว่าไม้รายพิพาทเป็นของฝ่ายใด และจำเลยจำต้องรับผิดชดใช้ให้เพียงใดหรือไม่
ในเรื่องคดีอาญาปนแพ่งนั้น การพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญา(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46) แต่ต้องถือตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งด้วย (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นคำแถลงการณ์ภายในเวลาที่สมควร ศาลอุทธรณ์ไม่จำเป็นต้องรอ
คู่ความขอแถลงการณ์เป็นหนังสือ แต่ไม่ยื่นเสียภายในเวลาอันสมควร ปล่อยไว้จนเนิ่นช้าเป็นอันมาก ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่จำเป็นรอคำแถลงการณ์ที่ร้องขอโดยไม่มีกำหนดนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมโนสาเร่ ศาลฎีกาต้องยึดข้อเท็จจริงเดิมของศาลชั้นต้น หากศาลอุทธรณ์ไม่ได้โต้แย้ง
คดีมโนสาเร่ซึ่งคู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อก.ม.นั้น ศาลอุทธรณ์ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ฉนั้นถ้าศาลอุทธรณ์กลับไปถือเอาข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยไว้โดยศาลอุทธรณ์มิได้ยกเหตุว่าการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นผิดต่อก.ม.อย่างใดแล้ว และเมื่อปรากฎว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่เป็นการผิดต่อ ก.ม.ศาลฎีกาก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาในการวินิจฉัยปัญหาข้อ ก.ม.ที่มาสู่ศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมโนสาเร่ ศาลอุทธรณ์ต้องยึดข้อเท็จจริงเดิมของศาลชั้นต้น หากไม่ยกเหตุว่าข้อเท็จจริงเดิมผิดกฎหมาย
คดีมโนสาเร่ซึ่งคู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลอุทธรณ์ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ฉะนั้นถ้าศาลอุทธรณ์กลับไปถือเอาข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยไว้โดยศาลอุทธรณ์มิได้ยกเหตุว่าการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นผิดต่อ กฎหมายอย่างใดแล้ว และเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่เป็นการผิดต่อ กฎหมาย ศาลฎีกาก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมโนสาเร่: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงชั้นต้น หากศาลอุทธรณ์มิได้พิสูจน์ว่าผิดกฎหมาย
คดีมโนสาเร่ซึ่งคู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลอุทธรณ์ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ฉะนั้นถ้าศาลอุทธรณ์กลับไปถือเอาข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยไว้โดยศาลอุทธรณ์มิได้ยกเหตุว่าการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นผิดต่อ กฎหมายอย่างใดแล้ว และเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่เป็นการผิดต่อ กฎหมาย ศาลฎีกาก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญา: การยุติคดีเฉพาะจำเลยเมื่อโจทก์ไม่ติดใจอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยลงโทษ
จำเลยผู้ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว และโจทก์เห็นพ้องด้วย ไม่ติดใจอุทธรณ์ขึ้นมา คดีเฉพาะตัวจำเลยผู้นั้นจึงเป็นอันยุติเพียงศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จะกลับยกขึ้นมาวินิจฉัยชี้ขาดลงโทษจำเลยผู้นั้นด้วยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกฟ้องแม้โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษหนักขึ้น หากเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด
คดีอาญา ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวขอให้ศาลวางโทษหนักขึ้นอีก เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่มีความผิด ก็พิพากษายกฟ้องเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกฟ้องแม้โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษหนักขึ้น
คดีอาญา ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวขอให้ศาลวางโทษหนักขึ้นอีกเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่มีความผิดก็พิพากษายกฟ้องเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาที่อ้างการแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบ หากไม่ได้ระบุรายละเอียดชัดเจน
ฎีกาที่กล่าวว่าศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา โดยไม่กล่าวให้ชัดแจ้งว่าศาลอุทธรณ์แก้ข้อไหน อย่างไร เป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
of 225