คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม-อายุความละเมิด: ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้พิจารณาพยานหลักฐานใหม่
การกระทำอย่างเดียวกันอาจเป็นทั้งละเมิดและผิดสัญญาด้วยในขณะเดียวกันได้ โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความโดยละเอียดแล้วว่าในฐานะที่จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยมีหน้าที่ตามข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานประการใด กระทำหรืองดเว้นการกระทำประการใด ผลเสียหายอันเกิดแต่การนั้นเป็นประการใดเป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพร้อมด้วยคำขอบังคับครบถ้วนตามความต้องการแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แล้วส่วนการกระทำของจำเลยเกิดแต่มูลหนี้อันใดจะปรับด้วยมูลหนี้สัญญาหรือมูลหนี้ละเมิดเป็นปัญหาข้อกฎหมายสุดแต่ศาลจะวินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริงที่ได้ความ การฟ้องด้วยมูลหนี้สองประการมาในคำฟ้องหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
ศาลแรงงานกลางรับฟังคำให้การของจำเลยในสำนวนการสอบสวนสามฉบับที่โจทก์ส่งศาลโดยสั่งงดสืบพยานไม่รับฟังพยานหลักฐานใด ๆ ในชั้นพิจารณาที่คู่ความจะนำสืบต่อไปนั้นหาชอบด้วยกระบวนพิจารณาไม่ คดีจึงปรากฏเหตุที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายวิธีพิจารณาความว่าด้วยการพิจารณาพิพากษา มีเหตุสมควรที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาใหม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจากเหตุชุลมุน: ศาลฎีกาตัดสินว่าการกระทำเป็นเพียงทำร้ายร่างกาย ไม่ถึงขั้นฆ่า
ญาติของจำเลยทะเลาะและเข้าชุลมุนกอดปล้ำกับผู้เสียหายทั้งสอง จำเลยซึ่งกำลังทำครัวอยู่เห็นเหตุการณ์ จึงได้เข้าช่วยญาติของตน ด้วยการใช้มีดทำครัวฟันผู้เสียหายทั้งสองผู้เสียหายคนหนึ่งมีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ 2 แผลกว้าง0.5 เซนติเมตร ยาว 3 เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลกศีรษะ กับมีบาดแผลอื่นที่ศีรษะซึ่งมิได้เกิดจากถูกจำเลยฟันอีก 2 แผล บาดแผลทั้งหมดแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน 15 วัน ส่วนผู้เสียหายอีกคนหนึ่งมีบาดแผลทั้งหมด 8 แผล แต่บาดแผลที่เกิดจากถูกจำเลยฟันมี 2 แผล แผลหนึ่งกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตรลึกแค่ผิวหนัง อีกแผลหนึ่งที่กลางใบหูซ้ายขาดลึกถึงกระดูกอ่อนที่ใบหูยาวตลอดลำคอด้านซ้าย กว้าง 2 เซนติเมตรยาว 15 เซนติเมตร ลึกถึงกล้ามเนื้อแพทย์มิได้เบิกความว่าบาดแผลนี้จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย บาดแผลดังกล่าวไม่เป็นบาดแผลที่ทำให้เกิดอันตรายแก่กายสาหัส ไม่มีรายงานการชันสูตรไว้โดยเฉพาะว่ารักษาหายภายในกี่วัน จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,91 เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2163/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเฮโรอีนแม้ปริมาณน้อย และการขัดขวางเจ้าพนักงาน ศาลฎีกาพิพากษากลับ
การที่จำเลยมีหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาซึ่งมีเฮโรอีนติดอยู่แม้เฮโรอีนนั้นจะมีจำนวนเล็กน้อยจนชั่งน้ำหนักไม่ได้ ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 296 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 296 โดยมิได้วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 138 ด้วยจึงไม่ถูกต้อง แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ศาลฎีกาก็ชอบที่จะแก้ให้ถูกต้องโดยลงโทษเท่าเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2163/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเฮโรอีนปริมาณน้อย และขัดขวางเจ้าพนักงาน ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ลงโทษ
การที่จำเลยมีหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาซึ่งมีเฮโรอีนติดอยู่แม้เฮโรอีนนั้นจะมีจำนวนเล็กน้อยจนชั่งน้ำหนักไม่ได้ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138,296 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 296 โดยมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 138 ด้วยจึงไม่ถูกต้อง แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ศาลฎีกาก็ชอบที่จะแก้ให้ถูกต้องโดยลงโทษเท่าเดิมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1997/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติด: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้ลงโทษฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายเพิ่ม
จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีไว้ในครอบครองซึ่งเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 9.247 กิโลกรัม อันมีน้ำหนักเกินกว่ายี่สิบกรัมถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง และจำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีนมีปริมาณเกินกว่าหนึ่งร้อยกรัม จึงมีความผิดต้องระวางโทษตามมาตรา 66 วรรคสอง
จำเลยที่ 1 ตกลงขายเฮโรอีนของกลางให้แก่ ส. เจ้าหน้าที่ผู้ล่อซื้อ ได้ตรวจเงินที่ซื้อเฮโรอีนจาก ส. แล้วพา ส. ไปเอาเฮโรอีนโดยเปิดท้ายรถให้ ส. ตรวจเฮโรอีนของกลางที่ขาย ส. ตรวจดูแล้วถอยออกไปส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมจำเลยที่ 1 ดังนี้ มีการตกลงซื้อขายเฮโรอีนของกลางแล้ว จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน โดยที่เฮโรอีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดกรรมเดียวกันต้องลงโทษตามกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด แต่ความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีนและฐานจำหน่ายเฮโรอีนอันมีปริมาณเกินกว่าหนึ่งร้อยกรัมต้องระวางโทษเท่ากัน จำเลยที่ 1 จึงควรรับโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีน ที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกฐานหนึ่งนั้นยังไม่ถูกต้องและศาลฎีกาเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยแก้ไขถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1997/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายยาเสพติด ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้ลงโทษฐานจำหน่ายเป็นหลัก
จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีไว้ในครอบครองซึ่งเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน 9.247 กิโลกรัมอันมีน้ำหนักเกินกว่ายี่สิบกรัมถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง และจำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีนมีปริมาณเกินกว่าหนึ่งร้อยกรัม จึงมีความผิดต้องระวางโทษตามมาตรา 66 วรรคสอง
จำเลยที่ 1 ตกลงขายเฮโรอีนของกลางให้แก่ ส. เจ้าหน้าที่ผู้ล่อซื้อ ได้ตรวจเงินที่ซื้อเฮโรอีนจาก ส.แล้วพาส. ไปเอาเฮโรอีนโดยเปิดท้ายรถให้ ส. ตรวจเฮโรอีนของกลางที่ขายส. ตรวจดูแล้วถอยออกไปส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมจำเลยที่ 1 ดังนี้ มีการตกลงซื้อขายเฮโรอีนของกลางแล้วจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน โดยที่เฮโรอีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเป็นจำนวนเดียวกันการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดกรรมเดียวกันต้องลงโทษตามกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด แต่ความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีนและฐานจำหน่ายเฮโรอีนอันมีปริมาณเกินกว่าหนึ่งร้อยกรัมต้องระวางโทษเท่ากัน จำเลยที่ 1 จึงควรรับโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีน ที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกฐานหนึ่งนั้นยังไม่ถูกต้องและศาลฎีกาเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยแก้ไขถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้อง, ผลกระทบต่อการรับคำคู่ความ, สิทธิอุทธรณ์, การวินิจฉัยของศาลฎีกา
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องมีผลเป็นการสั่งไม่รับคำคู่ความ แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในระหว่างพิจารณา โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้ภายใน 1 เดือนนับแต่วันมีคำสั่ง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์โจทก์โดยให้เหตุผลว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ เมื่อโจทก์ฎีกาและศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงในสำนวนพอแก่การวินิจฉัยศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวไปเสียทีเดียวว่าจะอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้หรือไม่
โจทก์ฟ้องในฐานะผู้จัดการมรดกว่า จำเลยนำที่ดินตาม น.ส.3เลขที่ 97 เนื้อที่ 29 ไร่ ตามบัญชีทรัพย์อันดับ 23 ของเจ้ามรดกไปออกเป็น น.ส.3 ก. เลขที่ 603 เป็นของจำเลยเป็นส่วนตัวและขอแก้ไขคำฟ้องจากที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 97ฯ เป็นที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 55 หมู่ที่ 6 เนื้อที่ 36 ไร่ ตามบัญชีทรัพย์อันดับ 3 ซึ่งเป็นของ ก. เป็นการขอแก้เป็นที่ดินต่างแปลงกันและเป็นที่ดินของบุคคลอื่นจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1871/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานก่อนการพิพากษาคดีแพ่ง ทำให้ข้อเท็จจริงไม่ชัดเจน ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยยื่นคำให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์เป็นประเด็นไว้หลายประการว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีผลบังคับและค่าเสียหายที่โจทก์เรียกสูงเกินไป ซึ่งจำเลยย่อมมีสิทธินำสืบต่อสู้ตามประเด็นดังกล่าวได้เพียงแต่โจทก์อ้างส่งเอกสารเป็นพยานโดยมิได้มีพยานบุคคลมานำสืบประกอบ จะฟังเป็นจริงตามเอกสารดังกล่าวยังไม่ได้ และจำเลยมีสิทธินำสืบหักล้างเอกสารเหล่านั้นได้ด้วย การที่ศาลชั้นต้นด่วนสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยเสีย ทำให้ข้อเท็จจริงในคดีไม่กระจ่างชัดแจ้งพอที่จะวินิจฉัยคดีได้ ศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระบุวรรคของมาตรา 340 ในความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้ถูกต้อง
จำเลยกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี โดยไม่ระบุมาตรา 340 วรรคใดนั้น ไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ถูกต้องเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลแขวงในปัญหาข้อเท็จจริงเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวง เมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้ร่วมกับชมรมโรงสีจัดซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรสมาชิกของโจทก์และฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินค่าบริการของโจทก์ ย่อมถือว่าเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวง ฯ มาตรา 22 การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยได้ร่วมกับชมรมโรงสีกระทำผิดหน้าที่ของจำเลยและจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ตามอุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่ถูกต้องและต้องถือว่าข้อเท็จจริงยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาจำเลย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
of 344