พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพชั้นสอบสวนไม่อาจใช้ลงโทษจำเลยได้หากจำเลยปฏิเสธในชั้นศาล และพยานหลักฐานในชั้นศาลไม่เพียงพอ
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ในชั้นศาลฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ลำพังแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งจำเลยทุกคนต่างปฏิเสธในขั้นพิจารณา ไม่อาจนำมาฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพชั้นสอบสวนนำมาลงโทษจำเลยไม่ได้ หากจำเลยปฏิเสธในชั้นศาล และพยานหลักฐานในชั้นศาลไม่เพียงพอ
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ในชั้นศาลฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ ลำพังแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งจำเลยทุกคนต่างปฏิเสธในชั้นพิจารณา ไม่อาจนำมาฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2425/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำตายของผู้ถูกยิงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้หากปรากฏในขณะที่รู้ตัว
ผู้ตายถูกกระสุนปืนตัดอวัยวะในช่องท้อง เลือดออกมากได้แสดงอาการเจ็บปวดและพูดว่าท่าทางจะไม่รอด ก่อนจะสิ้นใจ 2-3 นาที พูดว่าแน่นมากเห็นจะไม่รอด แล้วผู้ตายถึงแก่ความตายหลังจากเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมงดังนี้ คำบอกกล่าวของผู้ตายที่ระบุชื่อคนร้ายในขณะที่รู้ตัวว่าจะตายรับฟังได้ ทั้งโจทก์ก็มีพยานซึ่งรู้เห็นเหตุการณ์ในเวลากระชั้นชิดหลังเกิดเหตุได้พบผู้ตายนอนอยู่ข้างถนนที่เกิดเหตุประกอบคำบอกเล่าของผู้ตาย จึงมีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2206/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารประกอบพยานหลักฐาน: ศาลมีอำนาจพิจารณาความจริงตามเอกสาร แม้ไม่คัดค้าน
แม้คู่ความฝ่ายหนึ่งจะมิได้คัดค้านการอ้างเอกสารเป็นพยานของคู่ความอีกฝ่ายเสียก่อนวันนัดสืบพยานทราบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 ก็เพียงแต่ห้ามมิให้คู่ความฝ่ายนั้นคัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงของเอกสารหรือความถูกต้องของสำเนาเอกสารนั้นเมื่อพ้นกำหนดเวลาเท่านั้น หาใช่เป็นการบังคับให้ศาลยอมรับว่าความจริงเป็นดังที่ปรากฏในเอกสารนั้นไม่เพราะความจริงเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องฟังจากพยานหลักฐานทั้งปวงอีกชั้นหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1518/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างของอาวุธที่ใช้ทำร้ายในฟ้องไม่กระทบต่อการพิพากษา หากโจทก์นำสืบพยานหลักฐานสนับสนุนข้อเท็จจริงใหม่ได้
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยใช้ของแข็งมีคมเป็นอาวุธฟันทำร้าย แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยใช้ท่อนเหล็กกลมตีทำร้ายนั้น เป็นข้อแตกต่างที่มิใช่สารสำคัญ ทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้เพราะจำเลยต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพาทเรื่องบุกรุกที่ดิน: ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์กรรมสิทธิ์ก่อนตัดสินว่ามีมูลความผิดอาญาหรือไม่
ในคดีอาญาเรื่องบุกรุก เพียงแต่จำเลยต่อสู้อ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยครอบครองแต่ผู้เดียวตลอดมา ถึงแม้เป็นที่ดินมือเปล่า จะถือว่าเป็นเรื่องพิพาทกันในทางแพ่งไม่มีมูลความผิดทางอาญาเสียเลยทีเดียวไม่ได้ ศาลต้องพิจารณาจากพยานโจทก์และพยานจำเลยเสียก่อนว่า ข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะฟังได้หรือไม่ว่า ที่พิพาทเป็นของผู้เสียหาย เมื่อยังไม่ได้วินิจฉัยจึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่เคลือบคลุม ขาดรายละเอียดข้อหาและพยานหลักฐาน ศาลฎีกายกคำร้อง
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสมาผู้แทนราษฎรบรรยายว่า ในการตรวจนับคะแนน ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ร้อง กรรมการก็จงใจตัดสินให้เป็นบัตรเสีย แต่ถ้าบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้ง ถึงแม้จะเป็นบัตรเสีย กรรมการจงใจนับให้เป็นบัตรดี ซึ่งบัตรเสียบัตรดีเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 บัตร มิได้กล่าวว่าบัตรเสียนั้นมีลักษณะอย่างไร เสียอย่างไร กรรมการนับบัตรเสียเป็นบัตรดีจำนวนเท่าไร นับบัตรดีเป็นบัตรเสียจำนวนเท่าไร และที่ว่าเพิ่มคะแนนเลือกตั้ง ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่น จงใจนับคะแนนให้ผิดพลาดจากความเป็นจริง ก็ไม่ได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน และเสมียนคะแนน ผู้ควบคุมหน่วยเลือกตั้งหน่วยใดเพิ่มคะแนนเลือกตั้งให้ผู้สมัครคนใด จำนวนใด ใช้สิทธิลงคะแนนแทนผู้อื่นนั้นเป็นใครบ้างและที่ว่าจงใจนับคะแนนให้ผิดจากความจริง ผิดไปเป็นจำนวนเท่าใด จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ละคะแนนให้แก่ตนเอง มิได้กล่าวว่าให้เงินแก่ผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใดบ้าง และที่ว่าผู้ได้รับเลือกตั้งจัดพาหนะ คือรถยนต์ให้แก่ผู้เลือกตั้งโดยไม่เสียค่าพาหนะนั้น ไม่ทราบว่ายานพาหนะจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้เลือกตั้งที่รับไปลงคะแนนมีจำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงของการเลือกตั้งหรือไม่ จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยาว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถยนต์โดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 15 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดอ่างทองกับกรุงเทพมหานครว่า จะติดต่อวิ่งเต้นกับทางราชการไม่ให้รถยนต์โดยสารของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 99 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานครวิ่งรับคนโดยสารที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกต่อไป เพราะจะทำให้รถยนต์โดยสารสาย 15 ขาดผลประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถยนต์โดยสารเหล่านั้นลงคะแนนเลือกตั้งให้นั้นตามคำร้องมิได้กล่าวจูงใจใครบ้างที่ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งต่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอป่าโมก อำเภอโพธิ์ทอง ที่มีหน่วยเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ทราบว่าจะให้เงินแก่วัดใด จำนวนเท่าใด และเพียงแต่รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น ไม่ทราบว่าวัดไหน หรือคณะกรรมการวัดไหนตกลงจะช่วยเหลือบ้าง หรือมีการช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ละคะแนนให้แก่ตนเอง มิได้กล่าวว่าให้เงินแก่ผู้ใด ในหน่วยเลือกตั้งใดบ้าง และที่ว่าผู้ได้รับเลือกตั้งจัดพาหนะ คือรถยนต์ให้แก่ผู้เลือกตั้งโดยไม่เสียค่าพาหนะนั้น ไม่ทราบว่ายานพาหนะจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้เลือกตั้งที่รับไปลงคะแนนมีจำนวนมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงของการเลือกตั้งหรือไม่ จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องบรรยาว่าผู้ได้รับเลือกตั้งได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บรรดาเจ้าของรถยนต์โดยสารร่วมของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 15 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดอ่างทองกับกรุงเทพมหานครว่า จะติดต่อวิ่งเต้นกับทางราชการไม่ให้รถยนต์โดยสารของบริษัทขนส่งจำกัด สาย 99 ซึ่งวิ่งรับส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานครวิ่งรับคนโดยสารที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกต่อไป เพราะจะทำให้รถยนต์โดยสารสาย 15 ขาดผลประโยชน์ เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถยนต์โดยสารเหล่านั้นลงคะแนนเลือกตั้งให้นั้นตามคำร้องมิได้กล่าวจูงใจใครบ้างที่ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่าผู้ได้รับเลือกตั้งต่อเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอป่าโมก อำเภอโพธิ์ทอง ที่มีหน่วยเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ทราบว่าจะให้เงินแก่วัดใด จำนวนเท่าใด และเพียงแต่รับว่าจะให้เงินแก่วัดเหล่านั้น ไม่ทราบว่าวัดไหน หรือคณะกรรมการวัดไหนตกลงจะช่วยเหลือบ้าง หรือมีการช่วยเหลือกันอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขีดฆ่าอากรแสตมป์ไม่จำเป็นต้องลงวันเดือนปี หากมีเจตนาทำให้ใช้ไม่ได้ สัญญาใช้เป็นพยานหลักฐานได้
แม้ประมวลรัษฎากร มาตรา 103 จะให้ความหมายของคำว่า "ขีดฆ่า" ว่า "การกระทำเพื่อมิใช้แสตมป์ได้อีก โดยในกรณีแสตมป์ปิดทับได้ลงลายมือชื่อ หรือลงชื่อห้างร้านบนแสตมป์ หรือขีดเส้นคร่อมฆ่าแสตมป์ที่ปิดทับกระดาษและลงวัน เดือน ปี ที่กระทำสิ่งเหล่านี้ด้วย ฯลฯ"ก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่า ความมุ่งหมายขอคำว่า "ขีดฆ่า" นั้น ก็เพื่อจะให้แสตมป์ที่ปิดทับเอกสารนั้นใช้ไม่ได้ต่อไปเท่านั้น มาตรา 103 จึงให้ความหมายไว้ในตอนแรกว่า เป็นการกระทำเพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีก ส่วนข้อความตอนต่อไปนั้นเป็นเพียงการอธิบายเพิ่มเติมวิธีกระทำเพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีกเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อได้กระทำการใด ๆ ให้แสตมป์นั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แม้จะมิได้ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามข้อความที่อธิบายเพิ่มเติมไว้ก็ถือได้ว่าเป็นการขีดฆ่าตามความหมายของมาตรา 103 ที่ได้บัญญัติเกี่ยวกับคำว่า ขีดฆ่า นั้นแล้ว
การขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดบนเอกสารสัญญากู้ด้วยหมึกเพื่อมิให้อากรแสตมป์นั้นใช้ไดอีกต่อไป เป็นการขีดฆ่าที่ชอบแล้ว แม้จะมิได้ลงวัน เดือน ปี ที่ขีดฆ่าก็ถือว่า สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องนี้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยตั้งแต่ทำสัญญากู้เพราะดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นโมฆะก็ตาม แต่จำเลยต้งอรับผิดใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไปในต้นเงินกู้ให้โจทก์ในระหว่างที่จำเลยผิดนัดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 224 และเมื่อไม่ปรากฏว่าก่อนฟ้องคดีได้มีการผิดนัด จำเลยจึงต้องชดใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2519)
การขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดบนเอกสารสัญญากู้ด้วยหมึกเพื่อมิให้อากรแสตมป์นั้นใช้ไดอีกต่อไป เป็นการขีดฆ่าที่ชอบแล้ว แม้จะมิได้ลงวัน เดือน ปี ที่ขีดฆ่าก็ถือว่า สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องนี้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยตั้งแต่ทำสัญญากู้เพราะดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นโมฆะก็ตาม แต่จำเลยต้งอรับผิดใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไปในต้นเงินกู้ให้โจทก์ในระหว่างที่จำเลยผิดนัดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 224 และเมื่อไม่ปรากฏว่าก่อนฟ้องคดีได้มีการผิดนัด จำเลยจึงต้องชดใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขีดฆ่าอากรแสตมป์และการใช้สัญญากู้เป็นพยานหลักฐาน รวมถึงดอกเบี้ยผิดนัด
แม้ประมวลรัษฎากร มาตรา 103 จะให้ความหมายของคำว่า "ขีดฆ่า" ว่า "การกระทำเพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีก โดยในกรณีแสตมป์ปิดทับได้ลงลายมือชื่อหรือ ลงชื่อ ห้างร้านบนแสตมป์ หรือขีดเส้นคร่อมฆ่าแสตมป์ที่ปิดทับกระดาษ และลงวัน เดือน ปี ที่กระทำสิ่งเหล่านี้ด้วย ฯลฯ" ก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่า ความมุ่งหมายของคำว่า "ขีดฆ่า" นั้น ก็เพื่อจะให้แสตมป์ที่ปิดทับเอกสารนั้นใช้ไม่ได้ต่อไปเท่านั้น มาตรา 103 จึงให้ความหมายไว้ในตอนแรกว่า เป็นการ กระทำเพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีก ส่วนข้อความตอนต่อไปนั้นเป็นเพียงการอธิบายเพิ่มเติมวิธีกระทำเพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีกเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อได้กระทำการใด ๆ ให้แสตมป์นั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แม้จะมิได้ปฏิบัติให้ครบถ้วนตามข้อความที่อธิบายเพิ่มเติมไว้ก็ถือได้ว่าเป็นการขีดฆ่าตามความหมายของ มาตรา 103 ที่ได้บัญญัติเกี่ยวกับคำว่า ขีดฆ่า นั้นแล้ว
การขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดบนเอกสารสัญญากู้ด้วยหมึกเพื่อมิให้อากรแสตมป์นั้นใช้ได้อีกต่อไป เป็นการขีดฆ่าที่ชอบแล้ว แม้จะมิได้ลง วัน เดือน ปี ที่ขีดฆ่าก็ถือว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องนี้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยตั้งแต่วันทำสัญญากู้เพราะดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นโมฆะก็ตาม แต่จำเลยต้องรับผิดใช้ ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินกู้ให้โจทก์ในระหว่างที่จำเลย ผิดนัดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 224 และเมื่อไม่ปรากฏว่าก่อนฟ้องคดีได้ มีการผิดนัด จำเลยจึงต้องชดใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2519)
การขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดบนเอกสารสัญญากู้ด้วยหมึกเพื่อมิให้อากรแสตมป์นั้นใช้ได้อีกต่อไป เป็นการขีดฆ่าที่ชอบแล้ว แม้จะมิได้ลง วัน เดือน ปี ที่ขีดฆ่าก็ถือว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องนี้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยตั้งแต่วันทำสัญญากู้เพราะดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นโมฆะก็ตาม แต่จำเลยต้องรับผิดใช้ ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินกู้ให้โจทก์ในระหว่างที่จำเลย ผิดนัดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 224 และเมื่อไม่ปรากฏว่าก่อนฟ้องคดีได้ มีการผิดนัด จำเลยจึงต้องชดใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การพิจารณาความเชื่อมโยงของข้อหาและพยานหลักฐานก่อนวินิจฉัย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังยักยอกเงินศาสนสมบัติจากอำเภอไชยา และอำเภอพระแสง หลายครั้งรวมเป็นเงิน 52,922 บาท 55 สตางค์ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคดีถึงที่สุดไปแล้วส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยว่าทุจริตเบียดบังเงินศาสนสมบัติสำหรับซ่อมแซมพระอุโบสถวัดน้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดเดียวกันไปเป็นจำนวน30,000 บาท แม้ว่าเหตุในคดีนี้จะเกิดอยู่ในช่วงระยะเวลาของคดีก่อนสถานที่เกิดเหตุอยู่ที่เดียวกันและเงินที่จำเลยทุจริตเบียดบังเอาไปนั้นเป็นเงินประเภทเดียวกันก็ตาม แต่ตามคำบรรยายฟ้องยังไม่ชี้ชัดลงไปว่าเงินจำนวน 30,000 บาท ที่โจทก์หาว่าจำเลยเบียดบังในคดีนี้ เป็นจำนวนเดียวกันรวมอยู่ในคดีก่อนหรือไม่ และโจทก์สามารถจะฟ้องรวมมาในคดีก่อนได้อยู่แล้วหรือไม่จึงชอบที่จะฟังจากการนำสืบพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยเสียก่อน ไม่ควรสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเป็นฟ้องซ้ำ