คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การกระทำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 443 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ถ้อยคำติเตียนการกระทำ ไม่ถึงหมิ่นประมาท
ถ้อยคำพูดของจำเลยที่กล่าวถึงโจทก์ต่อบุคคลอื่นว่า "บักคมเป็นตำรวจหมา ๆ บ่ฮู้จักอีหยัง ไปบอกมันแน่ ถ้ามันเว้าอีกกูสิเอาเรื่อง" เป็นเพียงถ้อยคำพูดไม่สุภาพที่จำเลยกล่าวติเตียนการกระทำของโจทก์เท่านั้น ไม่ถึงขนาดที่จะทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าโจทก์เป็นตำรวจเลวหรือไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีลักษณะเป็นการใส่ความอันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพูดติเตียนไม่ถึงหมิ่นประมาท: ถ้อยคำไม่สุภาพเฉพาะการกระทำ ไม่ทำให้เสียชื่อเสียง
ถ้อยคำพูดของจำเลยที่กล่าวถึงโจทก์ต่อบุคคลอื่นว่า 'บักคมเป็นตำรวจหมาๆบ่ฮู้จักอีหยัง ไปบอกมันแน่ถ้ามันเว้าอีกกูสิเอาเรื่อง'เป็นเพียงถ้อยคำพูดไม่สุภาพที่จำเลยกล่าวติเตียนการกระทำของโจทก์เท่านั้น ไม่ถึงขนาดที่จะทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าโจทก์เป็นตำรวจเลวหรือไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีลักษณะเป็นการใส่ความอันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างต้องชัดเจน คำขู่หรือหนังสือเตือนที่ไม่ระบุการเลิกจ้าง ไม่ถือเป็นการเลิกจ้าง
โจทก์หยุดงานโดยยื่นใบลาย้อนหลังอันเป็นการผิดระเบียบของจำเลย จำเลยจึงออกหนังสือเตือนและให้โจทก์ลงชื่อรับทราบ โจทก์ไม่ยอมลงชื่อ ผู้จัดการฝ่ายโรงงานของจำเลยจึงพูดกับโจทก์ว่า "ถ้าคุณไม่ยอมเซ็นผมปลดคุณ" โจทก์พากันกลับไปและไม่มาทำงานอีกพฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินและการขัดขวางการก่อสร้าง: การกระทำไม่ถือเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทการที่จำเลยรื้อผังไม้สำหรับการปลูกสร้างโรงเรียนซึ่งผู้เสียหายได้ทำไว้ในที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปกองไว้ย่อมเห็นเจตนาได้ว่าเพื่อระงับยับยั้งมิให้ก่อสร้างอาคารโรงเรียนในที่ดินของจำเลย เป็นการใช้สิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็มีเหตุสมควรที่จำเลยจะปฏิบัติเช่นนั้นได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 89/2519)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2830/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการสมัครรับเลือกตั้ง: การลาออกจากตำแหน่งก่อนยื่นใบสมัครแสดงเจตนาที่ถูกต้อง
หนังสือลาออกของจำเลยระบุชัดเจนว่าขอลาออกจากตำแหน่งกำนันก่อนที่จะยื่นใบสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดดังนั้น แม้หนังสือลาออกของจำเลยจะไปถึงจังหวัดและจำเลยได้รับการอนุมัติให้ออกจากตำแหน่งหลังจากที่จำเลยยื่นใบสมัครแล้วก็ตาม ก็เป็นการปฏิบัติของทางราชการจำเลยมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยการกระทำของจำเลยจึงเป็นการขาดเจตนาจำเลยไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2334/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดหลายบท: การกระทำต่อเนื่องโดยมีเจตนาเดียวกัน
จำเลยเข้าไปจับนมผู้เสียหายขณะกำลังนอนอยู่บนแคร่หน้าบ้าน ผู้เสียหายวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน จำเลยวิ่งตามเข้าไปกอดจับนมผู้เสียหายในบ้านอีก การกระทำผิดของจำเลยตอนแรกกับตอนหลังเป็นการกระทำต่อเนื่องยังมิได้ขาดตอนกัน และเจตนาของจำเลยก็เพื่อกอดจับนมผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งความรับผิดในคดีละเมิด: พิจารณาจากการกระทำละเมิดเป็นหลัก ไม่ใช่ความเสียหาย
ในเรื่องละเมิด ข้อที่ว่าฝ่ายไหนจะต้องรับผิดเพียงใดนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223 ให้พิจารณาถึงพฤติการณ์ด้วยว่าฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร ต้องถือเอาการกระทำละเมิดมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ไม่ถือความเสียหายมากน้อยเป็นเกณฑ์ ดังนั้น เมื่อต่างฝ่ายต่างกระทำละเมิดต่อกันและมีส่วนประมาทพอๆ กัน จึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายจากกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาฐานทำให้เสียทรัพย์ต้องระบุการกระทำที่ทำให้ทรัพย์เสียหายชัดเจน มิใช่แค่การบุกรุกและปิดกั้นสถานที่
ฟ้องบรรยายว่า.จำเลยเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวของโจทก์แล้วจำเลยทำให้ทรัพย์สิ่งของของโจทก์ที่อยู่ในตึกแถวเสียหาย โดยมิได้บรรยายชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำการใดแก่ทรัพย์สิ่งของต่างๆ ของโจทก์ให้เสียหาย ลำพังจำเลยเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวดังกล่าว ย่อมไม่ทำให้เห็นได้ว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ทำลายหรือทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์แก่ทรัพย์สิ่งของต่างๆของโจทก์ ความเสียหายของแบตเตอรี่และอาหารบูดเน่านั้นเป็นไปตามสภาพของทรัพย์นั้นเอง หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่ ดังนี้ ถือได้ว่า ฟ้องโจทก์ไม่ระบุถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลย กระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากการลงชื่อในใบมอบอำนาจที่ยังมิได้กรอกข้อความ ทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อและเกิดนิติกรรมสัญญา
จำเลยลงชื่อในใบมอบอำนาจมอบให้ ล. ไปดำเนินการแบ่งแยกที่พิพาทโดยมิได้กรอกข้อความ แม้ ล. ได้กรอกข้อความใบมอบอำนาจนั้นขายฝากที่พิพาทไว้กับโจทก์ซึ่งรับซื้อฝากโดยสุจริตการที่จำเลยลงชื่อในใบมอบอำนาจโดยมิได้กรอกข้อความนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ทำให้บุคคลภายนอกหลงเชื่อจำเลยจำต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับซื้อฝากโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821,822

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายโดยตรงจากการละเว้นการจับกุมและการแจ้งความเท็จ ผู้เสียหายต้องมีความเสียหายโดยตรงจากการกระทำ
เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ตามที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่ประการใด การที่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการจับกุมผู้บุกรุกที่สาธารณะ จึงมิใช่เป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โจทก์จึงมิใช่เป็นผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานนี้
of 45