พบผลลัพธ์ทั้งหมด 246 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบถามจำเลยเรื่องทนายก่อนการพิจารณาคดี และการรับฟังคำให้การเพื่อเพิ่มโทษ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 บัญญัติให้ศาลสอบถามจำเลยเรื่องทนาย. ถ้าจำเลยไม่มีทนาย และจำเลยต้องการ ก็ให้ศาลตั้งทนายให้จำเลยเสียก่อนเริ่มพิจารณาถ้าศาลสอบถามคำให้การจำเลยก่อนสอบถามเรื่องทนายก็ย่อมเป็นการไม่ชอบ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ในเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 บัญญัติขึ้นเพื่อให้จำเลยมีทนายต่อสู้คดีที่เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษจำคุกตามที่ระบุไว้ มิใช่หมายความรวมถึงโทษที่จำเลยจะพึงได้รับจากการเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย การที่จำเลยจะถูกเพิ่มโทษหรือไม่ เป็นคนละส่วนกับกรณีความผิดที่จำเลยถูกฟ้องร้อง ฉะนั้น แม้จำเลยจะให้การก่อนที่ศาลสอบถามจำเลยเรื่องทนาย คำให้การนั้นก็ไม่เสียไป ทั้งตามรูปคดีก็ไม่มีเหตุน่าสงสัยว่าคำให้การของจำเลยในข้อนี้จะไม่เป็นความจริง คำรับของจำเลยในข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษ จึงรับฟังเพื่อเพิ่มโทษจำเลยได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10-11/2509)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 บัญญัติขึ้นเพื่อให้จำเลยมีทนายต่อสู้คดีที่เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษจำคุกตามที่ระบุไว้ มิใช่หมายความรวมถึงโทษที่จำเลยจะพึงได้รับจากการเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย การที่จำเลยจะถูกเพิ่มโทษหรือไม่ เป็นคนละส่วนกับกรณีความผิดที่จำเลยถูกฟ้องร้อง ฉะนั้น แม้จำเลยจะให้การก่อนที่ศาลสอบถามจำเลยเรื่องทนาย คำให้การนั้นก็ไม่เสียไป ทั้งตามรูปคดีก็ไม่มีเหตุน่าสงสัยว่าคำให้การของจำเลยในข้อนี้จะไม่เป็นความจริง คำรับของจำเลยในข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษ จึงรับฟังเพื่อเพิ่มโทษจำเลยได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10-11/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักลอบนำเข้าสินค้าหลีกเลี่ยงภาษีและการส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่อยู่นอกประเทศ
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลย 9 คน โดยยื่นสำเนาฎีกาให้ศาลฉบับเดียว เพื่อส่งให้จำเลยที่ 1 ดังนี้ การที่โจทก์มิได้คัดสำเนาฟ้องฎีกาส่งศาลพร้อมฟ้องฎีกาเพื่อส่งให้จำเลยที่ 2 ถึง 9 แต่ศาลชั้นต้นได้สั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว ในกรณีเช่นนี้ศาสฎีการับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปได้
ในกรณีที่ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยไม่ได้เนื่องจากจำเลยออกไปนอกประเทศไทยนั้น ถือได้ว่าส่งไม่ได้ เพราะหาตัวไม่พบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 แล้ว
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 38 นั้น เป็นกรณีที่เรือบรรทุกสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามช่องทางท่าอนุมัติ แต่การลักลอบนำสินค้าเข้ามาตามช่องทางซึ่งมิใช่ท่าอนุมัติ ไม่ผิดตามมาตรา 38
(ปัญหาข้อ 1 และ ข้อ 2 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2507)
ในกรณีที่ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยไม่ได้เนื่องจากจำเลยออกไปนอกประเทศไทยนั้น ถือได้ว่าส่งไม่ได้ เพราะหาตัวไม่พบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 แล้ว
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 38 นั้น เป็นกรณีที่เรือบรรทุกสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามช่องทางท่าอนุมัติ แต่การลักลอบนำสินค้าเข้ามาตามช่องทางซึ่งมิใช่ท่าอนุมัติ ไม่ผิดตามมาตรา 38
(ปัญหาข้อ 1 และ ข้อ 2 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการงดสืบพยาน: ศาลชอบที่จะชี้ขาดโดยไม่ต้องสืบพยานเมื่อจำเลยประวิงคดีโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ศาลนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกวันที่ 28 สิงหาคม 2504 จำเลยขอเลื่อน 11 ครั้งอ้างเหตุทนายป่วยบ้าง ตัวจำเลยป่วยบ้าง ตัวจำเลยไปต่างจังหวัดบ้าง จนถึงนัดสุดท้ายวันที่ 14 มกราคม 2506 ทนายจำเลยแถลงลอย ๆ ว่า จำเลยป่วยอยู่ต่างจังหวัด พยานอื่นก็ไม่ได้นำมาขอเลื่อนคดีอีก เช่นนี้ ส่อให้เห็นว่าเป็นการประวิงคดีศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการงดสืบพยาน: ศาลชอบที่จะพิจารณาคดีโดยไม่ต้องสืบพยานจำเลยหากมีพฤติการณ์ประวิงคดีอย่างชัดเจน
ศาลนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกวันที่ 28 สิงหาคม 2504 จำเลยขอเลื่อน 11 ครั้งอ้างเหตุทนายป่วยบ้าง ตัวจำเลยป่วยบ้าง ตัวจำเลยไปต่างจังหวัดบ้าง จนถึงนัดสุดท้ายวันที่ 14 มกราคม 2506 ทนายจำเลยแถลงลอยๆว่า จำเลยป่วยอยู่ต่างจังหวัด พยานอื่นก็ไม่ได้นำมาขอเลื่อนคดีอีกเช่นนี้ ส่อให้เห็นว่าเป็นการประวิงคดี ศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสิ้น คู่ความยังไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความลงเป็นฟ้องซ้ำศาลชั้นต้นสั่งให้รอไว้รวมวินิจฉัยสั่งคำร้องในคำพิพากษา และให้ดำเนินการสืบพยานต่อไปนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์คัดค้านไม่ถือเป็นยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้องอุทธรณ์ ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐาน
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ จำเลยไม่แก้อุทธรณ์ จะถือว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์ของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา: ศาลต้องพิจารณาหนี้สมยอมเพื่อคุ้มครองสิทธิโจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยไว้เพื่อขายชำระหนี้ตามคำพิพากษา โดยผู้ร้องอ้างว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งและว่า จำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกแล้วเช่นนี้ แม้โจทก์จะยอมรับว่าผู้ร้องไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกและยอมรับว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาในคดีที่ผู้ร้องอ้างจริงก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ยังคัดค้านอยู่ว่า หนี้ตามคำพิพากษาที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยทรัพย์นั้นเป็นหนี้ที่เกิดจากการสมยอมกันระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ดังนี้ศาลไม่ชอบที่จะสั่งงดไต่สวนและอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้เลย เพราะคำพิพากษาในคดีระหว่างผู้ร้องกับจำเลยนั้นไม่มีผลผูกพันโจทก์ในคดีนี้ซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วยในคดีนั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านว่า หนี้ตามคำพิพากษาที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยนั้น เป็นหนี้ที่ไม่ชอบไม่ควรอย่างใดก็ย่อมได้เพื่อศาลจะได้ไม่ยอมให้ผู้ร้องเฉลี่ย ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาไต่สวนคำขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องกับคำคัดค้านของโจทก์ แล้ววินิจฉัยสั่งไปตามประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งคำสั่งศาลและการขาดนัด พิจารณาจากเจตนาและการสื่อสารคำสั่งอย่างถูกต้อง
ในคดีอาญา โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไปจนกว่าจะจับตัวจำเลยได้ และในท้ายคำร้อง ทนายโจทก์ได้เซ็นที่หมายเหตุว่า"ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว" ศาลได้มีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นว่าให้เลื่อนคดีไปโดยโจทก์ยังไม่ทราบคำสั่งศาล ดังนี้ ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มาตามกำหนดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166,181 หาชอบไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยหลบหนี และทนายยื่นฎีกาแทน การมีอำนาจพิจารณาของศาลฎีกา
ในคดีอาญา จำเลยหลบหนีไปก่อน ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังแล้ว ทนายจำเลยยื่นฎีกาแทนจำเลย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากบาดเจ็บสาหัสเป็นบาดเจ็บทั่วไป ศาลมีอำนาจลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา300 ทางพิจารณาได้ความว่า บาดแผลของผู้เสียหายไม่ถึงสาหัส ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 390 ไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง