พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,012 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5640/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดมิใช่การขายตาม พ.ร.บ.เช่าที่ดินฯ มาตรา 53 ผู้เช่าไม่สามารถใช้สิทธิซื้อก่อนได้
แม้การอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดต่อศาลตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 57 จะไม่ระบุว่าให้ทำเป็นคำฟ้องหรือคำร้องขอแต่การอุทธรณ์ก็บ่งบอกว่าผู้อุทธรณ์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัด หรือคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดนั้นโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้อุทธรณ์เกิดเป็นคดีมีข้อพิพาทระหว่างผู้อุทธรณ์และ คชก. จังหวัดแล้ว ผู้อุทธรณ์จึงจำต้องอุทธรณ์ต่อศาลโดยทำเป็นคำฟ้องอย่างคดีมีข้อพิพาท หาใช่ทำเป็นคำร้องขอฝ่ายเดียวอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทไม่แต่เมื่อคำร้องของผู้ร้องทั้งสามได้บรรยายว่า คชก. จังหวัดสิงห์บุรี โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้องทั้งสามอย่างไร ตลอดทั้งได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อกล่าวหา คำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาทุกประการเสมือนเป็นคำฟ้องคดีมีข้อพิพาทและศาลชั้นต้นได้สั่งรับคำร้องและให้มีการนำส่งสำเนาคำร้องให้ คชก. จังหวัดสิงห์บุรีผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินพิพาททำนามีโอกาสคัดค้านโต้แย้ง และ คชก. จังหวัดสิงห์บุรี ผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ได้ทำคำคัดค้านเสมือนเป็นคำให้การเข้ามาในคดีจนศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างคดีมีข้อพิพาททั้งได้สืบพยานทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นล่วงเลยเวลาที่จะสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสามแล้ว จึงไม่อาจยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสามได้
การที่ ส. เจ้าของที่ดินพิพาทผู้ให้เช่านาถูกธนาคารเจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนองและนำยึดที่ดินพิพาทที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หาได้เป็นการที่ ส. ประสงค์ที่จะขายนา หรือจะโอนนาชำระหนี้จำนองตามจำนวนหนี้จำนองที่ค้างชำระอยู่ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 53 วรรคแรกและวรรคท้ายไม่แต่เป็นเรื่องที่ ส. หรือที่ดินของ ส. ถูกบังคับหรือถูกยึดทรัพย์สินไปขายทอดตลาดแก่ประชาชนทั่วไปเพื่อนำเงินมาชำระหนี้จำนองแก่เจ้าหนี้ผู้รับจำนองตามอำนาจแห่งบทกฎหมายว่าด้วยเรื่องหนี้การจำนองและการบังคับจำนองได้บัญญัติวิธีการไว้เป็นพิเศษต่างหาก ยากที่ ส. ในฐานะผู้ให้เช่านาจะปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา 53 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ เพราะการขายทอดตลาดย่อมมีเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ดำเนินการแทนตามอำนาจหน้าที่ ต้องประกาศขายอย่างเปิดเผยเปิดโอกาสให้ประชาชนรวมทั้งผู้เช่านาเพื่อเข้าสู้ราคา ไม่ใช่ขายให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ ทั้งราคาที่จะขายก็ไม่มีใครสามารถกำหนดได้ล่วงหน้าสุดแต่ผู้เข้าสู้ราคาหรือผู้จะซื้อจะเสนอ ประกอบกับวิธีการชำระเงิน วิธีการขายก็มีบทกฎหมายว่าด้วยการขายทอดตลาดบัญญัติไว้โดยเฉพาะ ไม่มีทางที่ ส. ผู้ให้เช่านาจะแจ้งถึงความจำนงที่จะขายนา ราคาที่จะขาย วิธีการขาย และวิธีการชำระเงินให้แก่ผู้เช่านาทราบล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมดังกล่าวได้ การซื้อขายนาจากการขายทอดตลาดของศาลในกรณีเช่นนี้จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการที่ผู้ให้เช่านาขายนาตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 53 วรรคแรก
การที่ ส. เจ้าของที่ดินพิพาทผู้ให้เช่านาถูกธนาคารเจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนองและนำยึดที่ดินพิพาทที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หาได้เป็นการที่ ส. ประสงค์ที่จะขายนา หรือจะโอนนาชำระหนี้จำนองตามจำนวนหนี้จำนองที่ค้างชำระอยู่ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 53 วรรคแรกและวรรคท้ายไม่แต่เป็นเรื่องที่ ส. หรือที่ดินของ ส. ถูกบังคับหรือถูกยึดทรัพย์สินไปขายทอดตลาดแก่ประชาชนทั่วไปเพื่อนำเงินมาชำระหนี้จำนองแก่เจ้าหนี้ผู้รับจำนองตามอำนาจแห่งบทกฎหมายว่าด้วยเรื่องหนี้การจำนองและการบังคับจำนองได้บัญญัติวิธีการไว้เป็นพิเศษต่างหาก ยากที่ ส. ในฐานะผู้ให้เช่านาจะปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา 53 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ เพราะการขายทอดตลาดย่อมมีเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ดำเนินการแทนตามอำนาจหน้าที่ ต้องประกาศขายอย่างเปิดเผยเปิดโอกาสให้ประชาชนรวมทั้งผู้เช่านาเพื่อเข้าสู้ราคา ไม่ใช่ขายให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ ทั้งราคาที่จะขายก็ไม่มีใครสามารถกำหนดได้ล่วงหน้าสุดแต่ผู้เข้าสู้ราคาหรือผู้จะซื้อจะเสนอ ประกอบกับวิธีการชำระเงิน วิธีการขายก็มีบทกฎหมายว่าด้วยการขายทอดตลาดบัญญัติไว้โดยเฉพาะ ไม่มีทางที่ ส. ผู้ให้เช่านาจะแจ้งถึงความจำนงที่จะขายนา ราคาที่จะขาย วิธีการขาย และวิธีการชำระเงินให้แก่ผู้เช่านาทราบล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมดังกล่าวได้ การซื้อขายนาจากการขายทอดตลาดของศาลในกรณีเช่นนี้จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการที่ผู้ให้เช่านาขายนาตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 53 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5625/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านการขายทอดตลาดและการแจ้งการขายโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ชอบด้วยกฎหมาย
ในการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรายนี้ ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ซื้อได้และชำระเงินค่าซื้อทรัพย์แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือถึงศาลชั้นต้นขอให้แจ้งเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนระงับการจำนองแล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2535 ในวันเดียวกันศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินให้ดำเนินการตามหนังสือของเจ้าพนักงานบังคับคดี และเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนระงับการจำนองพร้อมกับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์เรียบร้อยเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2535 แต่เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำเงินที่ได้จากขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ก่อนจำเลยยื่นคำร้องคัดค้าน ดังนั้นขณะที่จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดจึงยังถือไม่ได้ว่าการบังคับคดีได้เสร็จลงแล้ว และเมื่อจำเลยทราบว่าการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2535 จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2535 ยังอยู่ในระยะเวลาแปดวัน จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องนี้ได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคสอง
ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์แถลงว่าไม่สามารถสืบหาที่อยู่ของจำเลยในสำเนาทะเบียนบ้านตามที่จำเลยให้ไว้แก่โจทก์ จึงขออนุญาตศาลส่งโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ซึ่งศาลอนุญาตและในการนัดสืบพยานโจทก์ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน จำเลยก็ไม่ได้คัดค้าน ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยทราบด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์จึงชอบด้วยป.วิ.พ.มาตรา 79 แล้ว
ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามไม่ให้โจทก์หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโจทก์ ทำการซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด และเมื่อราคาทรัพย์ที่ผู้ซื้อทรัพย์ซื้อได้สูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินพอสมควร ทั้งไม่ปรากฏว่าการบังคับคดีไม่สุจริตอย่างไร การขายทอดตลาดจึงชอบแล้ว
ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์แถลงว่าไม่สามารถสืบหาที่อยู่ของจำเลยในสำเนาทะเบียนบ้านตามที่จำเลยให้ไว้แก่โจทก์ จึงขออนุญาตศาลส่งโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ซึ่งศาลอนุญาตและในการนัดสืบพยานโจทก์ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน จำเลยก็ไม่ได้คัดค้าน ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยทราบด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์จึงชอบด้วยป.วิ.พ.มาตรา 79 แล้ว
ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามไม่ให้โจทก์หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโจทก์ ทำการซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด และเมื่อราคาทรัพย์ที่ผู้ซื้อทรัพย์ซื้อได้สูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินพอสมควร ทั้งไม่ปรากฏว่าการบังคับคดีไม่สุจริตอย่างไร การขายทอดตลาดจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5625/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขายทอดตลาด: การแจ้งการขาย การคัดค้าน และความชอบด้วยกฎหมาย
ในการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรายนี้ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ซื้อและชำระเงินค่าซื้อทรัพย์แล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือถึงศาลชั้นต้น ขอให้แจ้งเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนระงับการจำนองแล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2535 ในวันเดียวกันศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินให้ดำเนินการตามหนังสือของเจ้าพนักงานบังคับคดี และเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนระงับการจำนองพร้อมกับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์เรียบร้อยเมื่อวันที่11 พฤษภาคม 2535 แต่เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำเงินที่ได้จากขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ก่อนจำเลยยื่นคำร้องคัดค้าน ดังนั้นขณะที่จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดจึงยังถือไม่ได้ว่าการบังคับคดีได้เสร็จลงแล้ว และเมื่อจำเลยทราบว่าการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2535 จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านเมื่อวันที่21 พฤษภาคม 2535 ยังอยู่ในระยะเวลาแปดวัน จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์แถลงว่า ไม่สามารถสืบหาที่อยู่ของจำเลยในสำเนาทะเบียนบ้านตามที่ จำเลยให้ไว้แก่โจทก์ จึงขออนุญาตศาลส่งโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ซึ่งศาลอนุญาตและในการนัดสืบพยานโจทก์ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน จำเลยก็ไม่ได้คัดค้าน ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยทราบด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 แล้ว ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามไม่ให้โจทก์หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโจทก์ ทำการซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด และเมื่อราคาทรัพย์ที่ผู้ซื้อทรัพย์ซื้อได้สูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินพอสมควร ทั้งไม่ปรากฏว่าการบังคับคดีไม่สุจริตอย่างไร การขายทอดตลาดจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5350/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดต้องเป็นไปโดยชอบ หากไม่ชอบ ศาลมีอำนาจเพิกถอนได้ แม้ผู้ซื้อจะสุจริตก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง
การซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายก็ต่อเมื่อการขายทอดตลาดอันเป็นทางได้มานั้นเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย
การขายทอดตลาดในคดีนี้เป็นไปโดยมิชอบ เพราะมิได้มีการส่งคำสั่งศาลและวันขายทอดตลาดให้โจทก์ทราบโดยชอบ เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.มาตรา 306 ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนได้ตามมาตรา296 วรรคสาม และต่อมาศาลก็ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าวแล้ว ผลของคำสั่งเท่ากับว่าไม่มีการขายทอดตลาดมาแต่แรก ดังนั้น แม้จำเลยที่ 1จะเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทได้และได้โอนขายต่อไปให้แก่จำเลยที่ 2 จนถึงจำเลยที่ 3และที่ 4 ไม่ว่าจำเลยทั้งสี่จะซื้อมาโดยสุจริตหรือไม่ก็ตาม จำเลยทั้งสี่ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนดที่ดินได้
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลคำสั่งของศาลที่ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดจึงมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีอำนาจนำที่ดินพิพาทไปขายให้แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2ก็ไม่มีอำนาจขายให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 กรณีมิใช่คำพิพากษาหรือคำสั่งมีผลผูกพันหรือไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
การขายทอดตลาดในคดีนี้เป็นไปโดยมิชอบ เพราะมิได้มีการส่งคำสั่งศาลและวันขายทอดตลาดให้โจทก์ทราบโดยชอบ เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.มาตรา 306 ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนได้ตามมาตรา296 วรรคสาม และต่อมาศาลก็ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าวแล้ว ผลของคำสั่งเท่ากับว่าไม่มีการขายทอดตลาดมาแต่แรก ดังนั้น แม้จำเลยที่ 1จะเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทได้และได้โอนขายต่อไปให้แก่จำเลยที่ 2 จนถึงจำเลยที่ 3และที่ 4 ไม่ว่าจำเลยทั้งสี่จะซื้อมาโดยสุจริตหรือไม่ก็ตาม จำเลยทั้งสี่ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนดที่ดินได้
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลคำสั่งของศาลที่ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดจึงมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีอำนาจนำที่ดินพิพาทไปขายให้แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2ก็ไม่มีอำนาจขายให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 กรณีมิใช่คำพิพากษาหรือคำสั่งมีผลผูกพันหรือไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5350/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้ผู้ซื้อรายต่อๆไป ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
การซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายก็ต่อเมื่อการขายทอดตลาดอันเป็นทางได้มานั้นเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย การขายทอดตลาดในคดีนี้เป็นไปโดยมิชอบ เพราะมิได้มีการส่งคำสั่งศาลและวันขายทอดตลาดให้โจทก์ทราบโดยชอบเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 306 ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนได้ตามมาตรา 296 วรรคสาม และต่อมาศาลก็ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าวแล้ว ผลของคำสั่งเท่ากับว่าไม่มีการขายทอดตลาดมาแต่แรก ดังนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทได้และได้โอนขายต่อไปให้แก่จำเลยที่ 2จนถึงจำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่ว่าจำเลยทั้งสี่จะซื้อมาโดยสุจริตหรือไม่ก็ตาม จำเลยทั้งสี่ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนดที่ดินได้ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลคำสั่งของศาลที่ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดจึงมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีอำนาจนำที่ดินพิพาทไปขายให้แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ก็ไม่มีอำนาจขายให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 กรณีมิใช่คำพิพากษาหรือคำสั่งมีผลผูกพันหรือไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 523/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาประเมิน: ศาลต้องไต่สวนเหตุผลเพื่อคุ้มครองสิทธิลูกหนี้
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทสรุปได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาประเมินของสำนักงานกลางประเมินราคาทรัพย์สินโดยราคาที่ขายได้ต่ำกว่าราคาตามท้องตลาดถึง30เปอร์เซ็นต์เป็นการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรมดังนั้นคำร้องของจำเลยทั้งสามเท่ากับอ้างเหตุว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา513คือไม่ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสามให้ได้ราคาสูงสุดนั่นเองซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องดำเนินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา308วรรคหนึ่งและหากได้ความว่าประเมินราคาทรัพย์ต่ำกว่าราคาแท้จริงในท้องตลาดมากโดยไม่ตรวจสอบราคาอันถูกต้องแท้จริงเสียก่อนย่อมส่อพฤติการณ์ว่าไม่สุจริตอยู่ในตัวเป็นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองโดยที่จำเลยทั้งสามไม่ต้องระบุบทกฎหมายดังกล่าวมาในคำร้องด้วยศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องให้สิ้นกระแสความไม่ควรด่วนสั่งงดการไต่สวนเสียเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4748/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขายทอดตลาดล่าช้าเกินกำหนด 8 วัน ผู้ร้องขาดสิทธิขอให้ยกเลิกการขาย
เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2538 และผู้ร้องก็ทราบว่ามีการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทในวันดังกล่าว แต่ไม่ได้มาคัดค้านเพราะป่วยเนื่องจากประสบอุบัติเหตุ หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ ผู้ร้องได้ไปตรวจสอบที่สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ประจำศาล จึงทราบว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ไปในราคาต่ำกว่าราคาที่ประเมินไว้ ดังนี้ ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งยกเลิกการบังคับคดีที่ผู้ร้องเห็นว่าไม่ถูกต้องได้ภายใน 8 วัน นับแต่วันที่ 19พฤษภาคม 2538 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ร้องทราบว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์โดยไม่ถูกต้อง แต่ปรากฏว่าผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องคัดค้านการบังคับคดีต่อศาล ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อวันที่ 8มิถุนายน 2538 ซึ่งล่วงพ้นกำหนดเวลา 8 วัน นับแต่วันที่ผู้ร้องทราบการฝ่าฝืนนั้นแล้ว ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคสอง
แม้ระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคสองนั้น ศาลมีอำนาจขยายให้ได้ก็ตาม แต่จะกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ตามมาตรา 23 เมื่อผู้ร้องมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอีกทั้งกรณีตามคำร้องก็ไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัย จึงไม่อาจยื่นคำร้องเกินกำหนดระยะเวลา 8 วันได้ ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าเชื่อตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ว่ายื่นคำร้องเกินกำหนดได้ก็เป็นข้ออ้างที่ปราศจากเหตุผลให้รับฟัง
แม้ระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคสองนั้น ศาลมีอำนาจขยายให้ได้ก็ตาม แต่จะกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ตามมาตรา 23 เมื่อผู้ร้องมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอีกทั้งกรณีตามคำร้องก็ไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัย จึงไม่อาจยื่นคำร้องเกินกำหนดระยะเวลา 8 วันได้ ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าเชื่อตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ว่ายื่นคำร้องเกินกำหนดได้ก็เป็นข้ออ้างที่ปราศจากเหตุผลให้รับฟัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4748/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขายทอดตลาดล่าช้า: ผู้มีส่วนได้เสียต้องยื่นคำร้องภายใน 8 วันนับจากวันที่ทราบการฝ่าฝืน
เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2538 และผู้ร้องก็ทราบว่ามีการขายทอดตลาดทรัพย์สินพิพาทในวันดังกล่าวแต่ไม่ได้มาคัดค้านเพราะป่วยเนื่องจากประสบอุบัติเหตุหลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ ผู้ร้องได้ไปตรวจสอบที่สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ประจำศาล จึงทราบว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ไปในราคาต่ำกว่าราคา ที่ประเมินไว้ ดังนี้ ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งยกเลิกการบังคับคดีที่ผู้ร้องเห็นว่าไม่ถูกต้องได้ภายใน 8 วัน นับแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2538ซึ่งเป็นวันที่ผู้ร้องทราบว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์โดยไม่ถูกต้อง แต่ปรากฏว่าผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องคัดค้านการบังคับคดีต่อศาล ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดของ เจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2538 ซึ่งล่วงพ้นกำหนดเวลา 8 วัน นับแต่วันที่ผู้ร้องทราบการฝ่าฝืนนั้นแล้ว ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง แม้ระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง นั้นศาลมีอำนาจขยายให้ได้ก็ตาม แต่จะกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ตามมาตรา 23 เมื่อผู้ร้องมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอีกทั้งกรณีตามคำร้องก็ไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัยจึงไม่อาจยื่นคำร้องเกินกำหนดระยะเวลา 8 วันได้ ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าเชื่อตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ว่ายื่นคำร้องเกินกำหนดได้ก็เป็นข้ออ้างที่ปราศจากเหตุผลให้รับฟัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่ทราบประกาศขาย
ขณะที่ศ.นำหมายนัดไปส่งให้แก่จำเลยที่1นั้นจำเลยที่1ยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเมื่อหาบ้านจำเลยที่1ไม่พบก็สมควรที่จะให้โจทก์ยืนยันภูมิลำเนาของจำเลยที่1เสียใหม่หากโจทก์ยืนยันแล้วยังส่งไม่ได้อีกจึงจะมีการปิดหมายเจ้าพนักงานบังคับคดีใช้วิธีการประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายนัดโดยวิธีธรรมดาทั้งๆที่การส่งหมายโดยวิธีธรรมดายังทำได้อยู่ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา79วรรคหนึ่งถือได้ว่าจำเลยที่1ไม่ทราบประกาศขายทอดตลาดการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพิพาทไปโดยไม่แจ้งให้ทราบซึ่งคำสั่งศาลและวันขายทอดตลาดแก่จำเลยที่1ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีจึงเป็นการดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองและมาตรา306
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3518/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาด: สิทธิคัดค้าน, กำหนดเวลา, และการวินิจฉัยของศาล
จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องว่าในการขายทอดตลาดเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายทอดตลาดและโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริตก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยซึ่งเป็นการกล่าวอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และมาตรา 296 วรรคสอง โดยจำเลยจะต้องยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่า8 วัน นับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น ปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องเมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิร้องคัดค้านเพื่อให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้การที่ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการไต่สวนคำร้อง ของ จำเลยไปนั้นก็เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยผิดหลงและเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้โจทก์จะไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้เมื่อความปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยกอุทธรณ์ของจำเลยนั้นเป็นการไม่ชอบ เพราะอุทธรณ์ของจำเลยไม่ต้องห้ามอุทธรณ์แต่อย่างใด