พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,140 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8191/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย: ศาลฎีกาแก้เป็นจำคุกตลอดชีวิตและจำคุก 16 ปี 8 เดือน
เมื่อ ว. สายลับผู้ล่อซื้อไปถึงบ้านของจำเลยที่ 1 ตามที่นัดหมายก็ได้ซื้อแอปเปิ้ลจำนวน 2 กล่อง ไปให้จำเลยที่ 1 บรรจุเมทแอมเฟตามีนและจำเลยที่ 1 ได้นำกล่องแอปเปิ้ลให้จำเลยที่ 2 บุตรชายนำไปบรรจุเมทแอมเฟตามีนที่กระท่อมในส่วนตรงข้ามบ้านของจำเลยที่ 1 ว. ได้ให้ สัญญาณและเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมขณะที่จำเลยที่ 2 กำลังนำเอาเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนในกล่องกระดาษโดยยังมิได้ส่งมอบ ดังนี้ การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างสายลับและจำเลยทั้งสองยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยทั้งสองอยู่ในระหว่างการพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน
ขณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุม จำเลยที่ 1 กำลังยืนถือวิทยุมือถืออยู่ที่หน้าบ้านเพื่อคอยดักฟังความเคลื่อนไหวของเจ้าพนักงานตำรวจ และสามารถมองเห็นกระท่อมร้างในสวนหน้าบ้านของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสถานที่จับจำเลยที่ 2 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง ก่อนการจับกุม ว. ได้ติดต่อกับจำเลยที่ 1 เพื่อขอวางมัดจำซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน100,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 ไม่ตกลงและนัดให้ ว. ไปพบใหม่และวางมัดจำ 150,000 บาท แก่จำเลยที่ 1 โดยนัดรับเมทแอมเฟตามีนในวันจับกุม ดังนี้ เมื่อประกอบพยานหลักฐานอื่นตามสำนวนแล้วฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ขณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุม จำเลยที่ 1 กำลังยืนถือวิทยุมือถืออยู่ที่หน้าบ้านเพื่อคอยดักฟังความเคลื่อนไหวของเจ้าพนักงานตำรวจ และสามารถมองเห็นกระท่อมร้างในสวนหน้าบ้านของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสถานที่จับจำเลยที่ 2 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง ก่อนการจับกุม ว. ได้ติดต่อกับจำเลยที่ 1 เพื่อขอวางมัดจำซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน100,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 ไม่ตกลงและนัดให้ ว. ไปพบใหม่และวางมัดจำ 150,000 บาท แก่จำเลยที่ 1 โดยนัดรับเมทแอมเฟตามีนในวันจับกุม ดังนี้ เมื่อประกอบพยานหลักฐานอื่นตามสำนวนแล้วฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7803/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
ตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7 บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่" การที่นาย ส. จำนำอาวุธปืนไว้แก่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 รับมอบอาวุธปืนไว้ในครอบครองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 72 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7331/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้จำหน่าย ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
โจทก์มีเพียงคำรับที่จำเลยที่ 2 เคยให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นนอกเหนือจากคำรับดังกล่าวมาสืบประกอบเพื่อให้ฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามที่โจทก์ฟ้องทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 ได้ให้การรับสารภาพเฉพาะในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อเสพเท่านั้น อีกทั้งเมทแอมเฟตามีนของกลางมีเพียง 5 เม็ด ไม่มากเกินกว่าที่จะมีไว้เพื่อเสพได้ ดังนั้นเมื่อโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยมีไว้ซึ่งของกลางเพื่อจำหน่าย กรณียังมี ข้อสงสัยตามสมควรจึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง คดีจึงรับฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 เสพเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้น
เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกระทำความผิดด้วยกันฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 เท่านั้น ซึ่งมีโทษเบากว่าฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม มาตรา 66 วรรคหนึ่ง และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกา ศาลก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึง จำเลยที่ 1 ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกระทำความผิดด้วยกันฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 เท่านั้น ซึ่งมีโทษเบากว่าฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม มาตรา 66 วรรคหนึ่ง และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกา ศาลก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึง จำเลยที่ 1 ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7331/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานไม่เพียงพอฟังว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้จำหน่าย ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
โจทก์มีผู้ร่วมจับกุมจำเลยเป็นพยานเบิกความประกอบกันว่าก่อนจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับก่อนว่า ล. จะนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบแก่จำเลยที่บริเวณคลองส่งน้ำด้านทิศเหนือของหมู่บ้านเพื่อ นำไปจำหน่ายในช่วงเวลาจับกุม จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์โดยจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้าย และจำเลยที่ 1 เป็นผู้ล้วงเอาเมทแอมเฟตามีนของกลางในกระเป๋ากางเกงของตนออกมาทิ้งลงข้างตัว แต่พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีแต่คำรับที่จำเลยที่ 2 เคยให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสืบประกอบเพื่อให้ฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 ได้ให้การรับสารภาพเฉพาะ ในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ใน ครอบครองเพื่อเสพ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเมทแอมเฟตามีนของกลางมีเพียง 5 เม็ด ไม่มากเกินกว่าที่จะมีไว้ เพื่อเสพ ประกอบกับจำเลยที่ 2 ได้เสพเมทแอมเฟตามีนมาก่อนถูกจับกุมพยานหลักฐานของโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีของกลางเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2 ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 เสพเมทแอมเฟตามีนและ มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเท่านั้น
จำเลยที่ 1 ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 2 ในเหตุการณ์เดียวกันข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 เป็นอย่างเดียวกันและเป็นการนำสืบในข้อหาเดียวกันกับกรณีของจำเลยที่ 2 ดังนั้น จึงฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67ซึ่งมีโทษเบากว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225
จำเลยที่ 1 ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 2 ในเหตุการณ์เดียวกันข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 เป็นอย่างเดียวกันและเป็นการนำสืบในข้อหาเดียวกันกับกรณีของจำเลยที่ 2 ดังนั้น จึงฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67ซึ่งมีโทษเบากว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7140/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนโดยผู้อื่นใช้ให้ทำ ไม่ถือว่ามีเจตนายึดถือเพื่อตน
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อจากการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางกับจ่าสิบตำรวจ ส.กับพวก จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมในการเจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางระหว่างจำเลยที่ 1 ข.และเจ้าพนักงานตำรวจผู้ล่อซื้อ การเจรจาซื้อขายตกลงกันเรียบร้อยก่อนที่จำเลยที่ 2 จะเข้ามายังที่เกิดเหตุ การที่จำเลยที่ 2 เข้าไปดูเงินที่ใช้ล่อซื้อที่ท้ายรถยนต์ของจ่าสิบตำรวจ ส. ก็เพราะ ข. ให้จำเลยที่ 2 ไปดูเพื่อให้แน่ใจว่าเงินยังอยู่ หลังจากที่ ข. ไปตรวจนับมาแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ออกไปเอาเมทแอมเฟตามีนของกลางก็เพราะ ข. ใช้ให้ไปเอาซึ่งต้องถือว่าการครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลาง ข. ยังเป็นผู้ครอบครองอยู่จำเลยที่ 2 นำเมทแอมเฟตามีนมายังที่เกิดเหตุเป็นเพียงการนำมาแทน ข. โดยจำเลยที่ 2 ทำตามที่ ข. สั่ง มิได้มีเจตนายึดถือเพื่อตน การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นเพียงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 และ ข. กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตาม ป.อ.มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6992/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องที่ดิน การครอบครองทำประโยชน์ และการคัดค้านการรังวัดที่ดิน
++ เรื่อง ที่ดิน
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
++ เล่มที่ 9 หน้า 170 ++
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
++ เล่มที่ 9 หน้า 170 ++
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์เพียงพอรับฟังความผิด
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ลงจากรถไปคนเดียวและเข้าไปคุยกับสายลับในบ้านเป็นเวลานานพอสมควร แล้วเดินออกมาเอาห่อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 ที่นั่งรออยู่ในรถ จากนั้นเดินเข้าไปหาสายลับในบ้านเพียงคนเดียวโดยจำเลยอื่นมิได้เข้าไปด้วย เช่นนี้ก็เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยอื่นกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าตนไม่รู้ว่าภายในห่อเป็นเมทแอมเฟตามีนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5483/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองร้านเช่าพิพาท: สิทธิของผูเช่าเมื่อถูกจำเลยกีดกันการเข้าใช้ประโยชน์
โจทก์ทำสัญญาเช่าร้านอาหารพิพาทจากจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 2 กับชายคนหนึ่งซึ่งพกอาวุธปืนติดตัวได้พากันไปที่ร้านอาหารพิพาทซึ่งมีลูกจ้างโจทก์เฝ้าดูแลอยู่ จำเลยที่ 2 สั่งลูกจ้างโจทก์ให้ออกจากร้านมิฉะนั้นจะปิดกุญแจขัง ลูกจ้างโจทก์กลัวจึงยอมออกจากร้าน จำเลยที่ 2 ได้ปิดกุญแจร้านอาหารพิพาททำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สามารถประกอบกิจการร้านอาหารและไม่สามารถนำอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ของโจทก์ซึ่งซื้อมาใช้ในการประกอบกิจการออกจากร้านอาหารพิพาทได้หลังจากนั้นอีก 3 ถึง 4 วัน จำเลยที่ 1 ได้ให้บุคคลอื่นเข้าทำกิจการร้านอาหารพิพาทแทน โจทก์ยังได้นำสืบอีกว่าไม่เคยค้างชำระค่าเช่าจำเลยที่ 1 ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเกี่ยวกับความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ.มาตรา 362,364 และ 365 จึงมีมูล ศาลล่างทั้งสองด่วนวินิจฉัยว่าโจทก์ผิดสัญญาเช่า จำเลยที่ 1จึงมีอำนาจกลับเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าตามสัญญา จึงไม่ชอบ
จำเลยที่ 2 ให้ จ.ออกจากร้านอาหารพิพาทเพื่อปิดร้าน มิใช่การกระทำเพื่อให้ได้รับประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน ไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก
จำเลยที่ 2 ให้ จ.ออกจากร้านอาหารพิพาทเพื่อปิดร้าน มิใช่การกระทำเพื่อให้ได้รับประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน ไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5282/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: โทษฐานครอบครองเมื่อปริมาณไม่ถึงเกณฑ์ 'เพื่อจำหน่าย' ศาลต้องพิสูจน์การกระทำผิดจริง
ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่งกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต ดังนั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรคหนึ่ง เว้นแต่ของกลางจะมีจำนวนตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ให้ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย เมื่อของกลางในคดีนี้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้หนัก 11.4 กรัม ไม่ถึง 20 กรัม ไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองโจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความจริงตามหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
จากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอก ว. ได้ความว่า ที่ตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เนื่องจากของกลางมีจำนวนมากเท่านั้น ไม่มีพฤติการณ์อื่นใดอีก เช่น มีการล่อซื้อหรือมีพยานยืนยันว่าเคยซื้อหรือเคยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม ตามทางนำสืบโจทก์จึงรับฟังได้แต่เพียงว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้น แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรง และจำเลยที่ 3 ฎีกาแต่เฉพาะขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3สถานเบา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้และเมื่อฟังว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ซึ่งศาลฎีกาจะต้องกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่าสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 3 อีกหรือไม่
จากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอก ว. ได้ความว่า ที่ตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เนื่องจากของกลางมีจำนวนมากเท่านั้น ไม่มีพฤติการณ์อื่นใดอีก เช่น มีการล่อซื้อหรือมีพยานยืนยันว่าเคยซื้อหรือเคยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม ตามทางนำสืบโจทก์จึงรับฟังได้แต่เพียงว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้น แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรง และจำเลยที่ 3 ฎีกาแต่เฉพาะขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3สถานเบา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้และเมื่อฟังว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ซึ่งศาลฎีกาจะต้องกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่าสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 3 อีกหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5110/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามฆ่าและครอบครองอาวุธปืนเถื่อน ศาลฎีกาแก้ไขบทปรับโทษให้ถูกต้อง
จำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้เสียหายที่ 1 โดยมีเจตนาฆ่า แต่กระสุนปืนพลาดไปถูกผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ศาลล่างทั้งสองมิได้ปรับบทลงโทษไว้ สมควรระบุให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ จำนวน 1 กระบอก กับมีกระสุนปืนขนาดเดียวกันจำนวน 5 นัด ซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวสามารถใช้ยิงได้ไว้ในครอบครอง โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และจำเลยพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งมิใช่กรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ ป.อ.มาตรา 33, 80, 91, 288, 371 ริบของกลาง การที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทความผิดจำเลยฐานพาอาวุธปืนไปในงานรื่นเริงตามมาตรา 8 ทวิ วรรคสองมาด้วย จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยไม่ปรับบทความผิดตามมาตราดังกล่าว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ จำนวน 1 กระบอก กับมีกระสุนปืนขนาดเดียวกันจำนวน 5 นัด ซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวสามารถใช้ยิงได้ไว้ในครอบครอง โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และจำเลยพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งมิใช่กรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ ป.อ.มาตรา 33, 80, 91, 288, 371 ริบของกลาง การที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทความผิดจำเลยฐานพาอาวุธปืนไปในงานรื่นเริงตามมาตรา 8 ทวิ วรรคสองมาด้วย จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยไม่ปรับบทความผิดตามมาตราดังกล่าว