พบผลลัพธ์ทั้งหมด 361 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3305/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาหลังมีคำพิพากษา: จำเลยต้องคัดค้านทันทีจึงจะอุทธรณ์ได้
คำสั่งอันจะถือ ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะ คำสั่งที่สั่งก่อนมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัด สินคดีอันเป็นประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีเท่านั้น แม้ศาลได้ มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีอันเป็นประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้วเมื่อจำเป็นต้อง ดำเนิน กระบวนพิจารณาเพื่อมีคำสั่งชี้ขาดตามคำขอของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่อีก คำสั่งในระหว่างการดำเนิน กระบวนพิจารณาดังกล่าวก่อนมีคำสั่งชี้ขาดตาม คำขอนั้นย่อมเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเช่นเดียว กัน หลังจาก ศาลแรงงานกลาง มีคำพิพากษาชี้ขาดตัด สินในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ในระหว่างการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ดังกล่าว ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งในคำแถลงของจำเลยที่คัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ว่า การที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติมนั้นเป็นเพราะพยานเป็นเจ้าหน้าที่เดินหมายของศาลแม้โจทก์ไม่อ้างเป็นพยาน ศาลก็ต้อง เรียกพยานดังกล่าวมาเป็นพยานเพราะเป็นพยานสำคัญ คำสั่งเช่นนี้เป็นคำสั่งในระหว่างที่ ศาลแรงงานกลาง ดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ก่อนที่จะมีคำสั่งชี้ขาดอนุญาตให้พิจารณาใหม่หรือไม่จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากจำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นก็ต้องโต้แย้งคัดค้านไว้ เมื่อศาลมีคำสั่งในคำแถลงดังกล่าววันเดียวกันกับวันที่จำเลยยื่นคำแถลง ถือ ว่าจำเลยทราบคำสั่งในวันนั้นและศาลนัดฟังคำพิพากษาหลังวันมีคำสั่งถึง 2 วัน จำเลยจึงมีโอกาสโต้แย้งคัดค้านคำสั่งได้ เมื่อไม่โต้แย้งคัดค้าน จำเลยย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้สอดเข้าเป็นจำเลยร่วมต้องแจ้งให้คู่ความคัดค้านก่อน หากไม่ปฏิบัติตามกระบวนพิจารณาเป็นโมฆะ
การที่ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในผลแห่งคดีนั้น ศาลชั้นต้นจะต้องส่งสำเนาคำร้องดังกล่าวให้แก่โจทก์และจำเลยทั้งสองเพื่อให้มีโอกาสคัดค้านก่อนตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 21(2) และ มาตรา 57(2) แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมได้โดยมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวแต่ประการใด กรณีจึงเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ในข้อที่มุ่งหมายจะให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการยื่นคำคู่ความตามที่ ป.วิ.พ. มาตรา 27 บัญญัติไว้ ฉะนั้นกระบวนพิจารณาที่ศาลได้ดำเนินมาในเรื่องการร้องสอดนับตั้งแต่การยื่นคำร้องไม่ว่าดำเนินกระบวนพิจารณาโดยศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ตลอดจนคำสั่งหรือคำพิพากษาในเรื่องนี้ จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบตามไปด้วยจำเลยร่วมจะฎีกาต่อมาอีกไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ และเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้โต้แย้งไว้ในเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยได้ และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการเสียให้ถูกต้องก่อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243(1)(2) ประกอบด้วยมาตรา 247.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบ: การไม่ระบุเหตุผลคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาที่มิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไม่ชอบเพราะเหตุใด เป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1864/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องคัดค้านการยึดทรัพย์เกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย ทำให้สิทธิในการคัดค้านสิ้นสุดลง
ผู้ประกันได้ ยื่นคำร้องต่อ ศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน2532 ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ ยึดทรัพย์ของผู้ประกันโดย ไม่ถูกต้อง แสดงว่าผู้ประกันทราบเรื่องการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งแต่ วันที่ 20 เมษายน 2532 การที่ผู้ประกันมายื่นคำร้องต่อ ศาลชั้นต้นขอให้ยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2532 จึงเป็นการยื่นเมื่อเกินกำหนด 8 วันแล้วผู้ประกันจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง ประกอบป.วิ.อ. มาตรา 249.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การงดไต่สวนคำคัดค้านที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ศาลชั้นต้นตั้ง ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำร้องอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตาม กฎหมายและจัดการแบ่งปันมรดกไม่ถูกต้อง ผู้ร้องแถลงรับต่อ ศาลตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า เจ้ามรดกมีทายาท 9 คนแต่ แบ่งมรดกให้ทายาทเพียง 8 คน โดย ไม่ แจ้ง เหตุผลว่า เหตุใดจึงไม่แบ่งมรดกให้แก่ทายาทอีกคนหนึ่ง ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความไว้ตาม รายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวยังไม่บริบูรณ์การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการไต่สวนคำร้อง ของ ผู้คัดค้าน จึงไม่ชอบด้วย กระบวนพิจารณา เพราะการจัดการมรดกของผู้ร้องจะถูกต้องและเป็นการละเลยไม่ทำการตาม หน้าที่หรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านต้อง นำสืบให้ปรากฏ ควรที่ศาลชั้นต้นต้องดำเนิน กระบวนพิจารณาไต่สวนต่อไปให้สิ้นกระแสความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3203/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางตาม พ.ร.บ.แร่ฯ การประกาศขอริบต้องระบุรายละเอียดชัดเจนเพื่อให้เจ้าของมีโอกาสคัดค้านก่อนศาลตัดสิน
ประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่ในหนังสือพิมพ์รายวันเกี่ยวแก่การกระทำผิดของจำเลยไม่ได้ลงข้อความว่าจำเลยได้ใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะขนแร่ตะกั่ว และไม่มีข้อความว่าพนักงานอัยการได้ร้องขอต่อศาลขอให้ริบรถยนต์ของกลาง จึงไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 154 วรรคสอง ดังนั้น ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนของกลางภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2532)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งซ้ำและละเมิดจากการคัดค้านการรังวัดที่ดินโดยไม่ชอบ ทำให้ผู้ซื้อที่ดินได้รับความเสียหาย
คดีเดิมศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า รูปแผนที่แบ่งแยกตามที่ช่างแผนที่สำนักงานที่ดินทำมาถูกต้องตรงตามข้อตกลงของโจทก์จำเลยในชั้นบังคับคดีแล้ว ให้จำเลยจัดการแบ่งแยกโฉนดที่ดินเลขที่ 1488ให้แก่โจทก์ไปตามรูปแผนที่นั้น ซึ่งต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้จัดการแบ่งแยกออกเป็นโฉนดเลขที่ 17364 ให้แก่โจทก์ไปแล้ว คดีนี้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความเดียวกับคดีก่อนได้ยกข้อต่อสู้และฟ้องแย้งว่ารูปแผนที่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 17364 ไม่ถูกต้องขึ้นมาอีกเป็นเรื่องจำเลยรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 โจทก์ที่ 1 และที่ 4 ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดเลขที่ 17364เพื่อขายให้แก่ บ.กับพวก จำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยรู้อยู่แล้วว่าโฉนดดังกล่าวออกมาโดยชอบเป็นการจงใจกระทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์ที่ 1 และที่ 4 เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดินและได้รับเงินจาก บ.กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 และที่ 4 เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ที่ 1และที่ 4 ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือจาก บ.กับพวก ซึ่งถ้าโจทก์ที่ 1 และที่ 4 นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปีจำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านการขายทอดตลาดและการบังคับคดี: จำเลยต้องยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนอุทธรณ์ฎีกา
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดและศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้ว เมื่อจำเลยเห็นว่าราคาที่ขายต่ำกว่าราคาประเมินและราคาในท้องตลาดมากทำให้จำเลยเสียหาย เท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าการบังคับคดีได้กระทำโดยไม่ชอบเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลงแต่ต้องไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และ 296 วรรคสอง ดังนี้จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาโดยไม่ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นเสียก่อนหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านการขายทอดตลาดบังคับคดี: ต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นก่อนอุทธรณ์ฎีกา
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดและศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้ว เมื่อจำเลยเห็นว่าราคาที่ขายต่ำกว่าราคาประเมินและราคาในท้องตลาดมากทำให้จำเลยเสียหาย เท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าการบังคับคดีได้กระทำโดยไม่ชอบเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และ 296 วรรคสองจำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาโดยไม่ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นเสียก่อนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: จำเลยต้องคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นภายใน 8 วัน หากเห็นว่าราคาต่ำเกินไป มิฉะนั้นจะไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดและศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้ว เมื่อจำเลยเห็นว่าราคาที่ขายต่ำกว่าราคาประเมินและราคาในท้องตลาดมากทำให้จำเลยเสียหาย เท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าการบังคับคดีได้กระทำโดยไม่ชอบเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลงแต่ต้องไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และ 296 วรรคสอง ดังนี้จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาโดยไม่ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นเสียก่อนหาได้ไม่.