พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935-936/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน การพิจารณาค่าเช่าและเงินช่วยค่าก่อสร้างเป็นรายได้ในการคำนวณภาษี
จำเลยประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินสำหรับตึกแถวของโจทก์โดยเทียบเคียงกับตึกแถวที่อยู่บนถนนเดียวกัน มีสภาพเช่นเดียวกันได้
แม้โจทก์จะได้รับค่าเช่าเดือนละ 100-300 บาทต่อห้อง แต่ผู้เช่าต้องชำระเงินช่วยค่าก่อสร้างถึงรายละ 420,000 บาทต่อห้อง ย่อมถือว่าเป็นค่าเช่าที่ชำระล่วงหน้าเพื่อคำนวณเป็นค่าเช่ารายปีในการประเมินค่าภาษีได้ แม้ความจริงโจทก์จะไม่ได้รับเงินช่วยค่าก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นผู้รับไปก็หาเป็นข้อสำคัญไม่ เพราะโจทก์จะลงทุนก่อสร้างเองหรือจะให้ผู้อื่นลงทุน โจทก์ย่อมคาดคะเนแล้วว่าโจทก์ได้ผลประโยชน์ตอบแทนใกล้เคียงกัน.(ที่มา-ส่งเสริม)
แม้โจทก์จะได้รับค่าเช่าเดือนละ 100-300 บาทต่อห้อง แต่ผู้เช่าต้องชำระเงินช่วยค่าก่อสร้างถึงรายละ 420,000 บาทต่อห้อง ย่อมถือว่าเป็นค่าเช่าที่ชำระล่วงหน้าเพื่อคำนวณเป็นค่าเช่ารายปีในการประเมินค่าภาษีได้ แม้ความจริงโจทก์จะไม่ได้รับเงินช่วยค่าก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นผู้รับไปก็หาเป็นข้อสำคัญไม่ เพราะโจทก์จะลงทุนก่อสร้างเองหรือจะให้ผู้อื่นลงทุน โจทก์ย่อมคาดคะเนแล้วว่าโจทก์ได้ผลประโยชน์ตอบแทนใกล้เคียงกัน.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ดินหลังคดีกรรมสิทธิ์ถึงที่สุด ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ หากเป็นดอกผลของทรัพย์สินพิพาท
แม้คดีก่อนมีประเด็นในเรื่องโจทก์ขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยขอให้ถอนชื่อจำเลยทั้งสองออกจากโฉนดที่พิพาทและให้โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน และคดีนี้มีประเด็นเฉพาะเงินค่าเช่าห้องแถวซึ่งปลูกอยู่ในที่พิพาทที่จำเลยทั้งสี่ได้เรียกเก็บจากผู้เช่าระหว่างที่จำเลยที่ 4 ครอบครองที่พิพาทก็ตามแต่ค่าเช่าดังกล่าวเป็นดอกผลของที่พิพาทซึ่งมีมาตั้งแต่เมื่อโจทก์ฟ้องในคดีก่อนประเด็นในเรื่องกรรมสิทธิ์กับประเด็นในเรื่องค่าเช่า จึงเกี่ยวเนื่องจากมูลกรณีเดียวกัน โจทก์อาจฟ้องในเรื่องค่าเช่าพร้อมกับฟ้องในเรื่องกรรมสิทธิ์ได้ กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 วรรคแรก โจทก์จะรื้อร้องฟ้องในเรื่องค่าเช่าซึ่งอยู่ในประเด็นกรรมสิทธิ์ที่พิพาทซึ่งถึงที่สุดแล้วไม่ได้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีเรื่องก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องเรียกค่าเช่าที่เกี่ยวข้องกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ฟ้องร้องไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
แม้คดีก่อนมีประเด็นในเรื่องโจทก์ขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยขอให้ถอนชื่อจำเลยทั้งสองออกจากโฉนดที่พิพาทและให้โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน และคดีนี้มีประเด็นเฉพาะเงินค่าเช่าห้องแถวซึ่งปลูกอยู่ในที่พิพาทที่จำเลยทั้งสี่ได้เรียกเก็บจากผู้เช่าระหว่างที่จำเลยที่ 4 ครอบครองที่พิพาทก็ตามแต่ค่าเช่าดังกล่าวเป็นดอกผลของที่พิพาทซึ่งมีมาตั้งแต่เมื่อโจทก์ฟ้องในคดีก่อนประเด็นในเรื่องกรรมสิทธิ์กับประเด็นในเรื่องค่าเช่า จึงเกี่ยวเนื่องจากมูลกรณีเดียวกัน โจทก์อาจฟ้องในเรื่องค่าเช่าพร้อมกับฟ้องในเรื่องกรรมสิทธิ์ได้ กรณ๊จึงต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 วรรคแรก โจทก์จะรื้อร้องฟ้องในเรื่องค่าเช่าซึ่งอยู่ในประเด็นกรรมสิทธิ์ที่พิพาทซึ่งถึงที่สุดแล้วไม่ได้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีเรื่องก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีค่าเช่าและขับไล่: ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยได้
คดีฟ้องเรียกค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์อันมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาทและขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ดังนี้เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 3 และจำเลยไม่มีสิทธิฎีกาได้อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกผลนิตินัยจากค่าเช่าจำนองต้องเกิดจากการเช่าที่มีอยู่จริงก่อนการบังคับจำนอง
ค่าเช่าอันเป็นดอกผลนิตินัยซึ่งโจทก์ในฐานะผู้รับจำนองพึงจะบังคับได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 721 นั้น ต้องเป็นค่าเช่าซึ่งเกิดจากการเช่าที่มีอยู่ก่อนและขณะผู้รับจำนองบอกกล่าวบังคับจำนอง มิใช่หมายความถึงค่าเช่าที่โจทก์คาดหมายว่าอาจให้เช่าได้จำนวนหนึ่งโดยไม่มีการเช่าอยู่จริง เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้มอบหมายให้ อ. มารดาจำเลยเป็นผู้ดูแลรักษาที่ดินพร้อมบ้านพิพาทที่โจทก์รับจำนองไว้ในระหว่างการขายทอดตลาด จึงไม่มีการเช่าและไม่มีค่าเช่าอันเป็นดอกผลนิตินัยที่โจทก์พึงจะบังคับจำนองได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลิกสัญญาเช่าซื้อเมื่อผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญา และการคืนเงินค่าเช่าซื้อโดยหักค่าเช่า
แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 จะเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญาในกรณีที่ไม่มีการผิดนัดผิดสัญญา แต่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญาเพราะไม่จัดการแก้ไข ให้ทรัพย์ที่ให้เช่าซื้ออยู่ในสภาพที่ใช้งานได้จำเลยก็มีสิทธิเลิกสัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 ได้
เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 แล้ว การชำระหนี้อันเกิดแต่การเลิกสัญญา มาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืนให้แก่จำเลยแต่เงินค่าเช่าซื้อมิใช่ราคาทรัพย์อย่างเดียว หากแต่เป็นค่าเช่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่จึงต้องหักค่าเช่าออกจากจำนวนค่าเช่าซื้อที่ต้องคืนจำเลยให้โจทก์เสียก่อน
เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 แล้ว การชำระหนี้อันเกิดแต่การเลิกสัญญา มาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืนให้แก่จำเลยแต่เงินค่าเช่าซื้อมิใช่ราคาทรัพย์อย่างเดียว หากแต่เป็นค่าเช่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่จึงต้องหักค่าเช่าออกจากจำนวนค่าเช่าซื้อที่ต้องคืนจำเลยให้โจทก์เสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: สิทธิเลิกสัญญาของผู้เช่าซื้อเมื่อผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญา และการหักค่าเช่าออกจากเงินค่าเช่าซื้อที่ต้องคืน
แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 573 จะเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญาในกรณีที่ไม่มีการผิดนัดผิดสัญญา แต่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญาเพราะไม่จัดการแก้ไขให้ทรัพย์ที่ให้เช่าซื้ออยู่ในสภาพที่ใช้งานได้จำเลยก็มีสิทธิเลิกสัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 ได้
เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 แล้ว การชำระหนี้อันเกิดแต่การเลิกสัญญา มาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืนให้แก่จำเลยแต่เงินค่าเช่าซื้อมิใช่ราคาทรัพย์อย่างเดียว หากแต่เป็นค่าเช่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่จึงต้องหักค่าเช่าออกจากจำนวนค่าเช่าซื้อที่ต้องคืนจำเลยให้โจทก์เสียก่อน.
เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 แล้ว การชำระหนี้อันเกิดแต่การเลิกสัญญา มาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืนให้แก่จำเลยแต่เงินค่าเช่าซื้อมิใช่ราคาทรัพย์อย่างเดียว หากแต่เป็นค่าเช่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่จึงต้องหักค่าเช่าออกจากจำนวนค่าเช่าซื้อที่ต้องคืนจำเลยให้โจทก์เสียก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและสิทธิในการเรียกคืนเงินค่าเช่าเมื่อเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน
โจทก์ทำสัญญาจะโอนสิทธิการเช่าตึกแถวให้จำเลยเมื่อจำเลยชำระเงินค่าสิทธิการเช่างวดสุดท้ายแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระเงินงวดสุดท้ายโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาซึ่งก็ต้องให้จำเลยกลับคืนสู่ฐานะเดิมและต้องคืนเงินที่รับไว้แล้วให้แก่จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิริบเงินจำนวนดังกล่าว จำเลยมีสิทธิฟ้องแย้งเรียกเงินจำนวนดังกล่าวได้
ค่าเสียหายที่โจทก์ขอให้นำมาหักจากเงินที่ต้องคืนให้แก่จำเลยเป็นค่าเสียหายที่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกจากจำเลยในคดีนี้ และมิได้ให้การแก้ฟ้องแย้งในเรื่องค่าเสียหายดังกล่าวและขอหักไว้ จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.
ค่าเสียหายที่โจทก์ขอให้นำมาหักจากเงินที่ต้องคืนให้แก่จำเลยเป็นค่าเสียหายที่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกจากจำเลยในคดีนี้ และมิได้ให้การแก้ฟ้องแย้งในเรื่องค่าเสียหายดังกล่าวและขอหักไว้ จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่า: การตีความลักษณะสัญญาเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษหรือไม่ และผลต่อการบังคับสัญญา
สัญญาเช่าห้องพิพาทไม่มีข้อความบ่งว่ามีข้อตกลงพิเศษที่โจทก์จะให้เช่าถึง 10 ปี ที่จำเลยเข้าซ่อมแซมต่อเติมปรับปรุงห้องพิพาทกับจ่ายเงินกินเปล่าแก่โจทก์ จึงเป็นธรรมดาของผู้เช่าที่จะต้องกระทำเพื่อซ่อมแซมตกแต่งปรับปรุงให้สวยงามและมีความสะดวกในการใช้สอยให้ได้รับอย่างสมประโยชน์ ส่วนเงินกินเปล่าย่อมถือเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า สัญญาเช่าห้องพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดา.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4192/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการรับเงินค่าเช่าจากการบังคับคดี และอำนาจศาลในการบังคับชำระค่าเช่าของผู้เช่า
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลย ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้เช่าทรัพย์สินดังกล่าวได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้รักษาทรัพย์ผู้ร้องทำบันทึกไว้ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า จะนำค่าเช่าส่งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีและได้ชำระค่าเช่าจำนวนหนึ่งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ค่าเช่าจำนวนดังกล่าวย่อมตกเป็นของจำเลยผู้ร้องไม่มีสิทธิขอรับคืน
แม้ผู้ร้องจะได้ทำบันทึกไว้ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า จะนำค่าเช่าที่ผู้ร้องเป็นผู้เช่าทรัพย์สินที่ถูกยึดมาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีบันทึกดังกล่าวเป็นเพียงข้อตกลงของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกต่อมาผู้ร้องไม่ชำระค่าเช่าย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการบังคับเอากับผู้ร้องตามสัญญาเช่าเมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีการอายัดค่าเช่าดังกล่าว ศาลชั้นต้นจึงไม่มีอำนาจบังคับให้ผู้ร้องชำระค่าเช่าที่ค้างได้
แม้ผู้ร้องจะได้ทำบันทึกไว้ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า จะนำค่าเช่าที่ผู้ร้องเป็นผู้เช่าทรัพย์สินที่ถูกยึดมาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีบันทึกดังกล่าวเป็นเพียงข้อตกลงของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกต่อมาผู้ร้องไม่ชำระค่าเช่าย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการบังคับเอากับผู้ร้องตามสัญญาเช่าเมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีการอายัดค่าเช่าดังกล่าว ศาลชั้นต้นจึงไม่มีอำนาจบังคับให้ผู้ร้องชำระค่าเช่าที่ค้างได้