คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฆ่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 467 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสนับสนุนการฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นจากการชี้เป้าและให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิด
จำเลยที่ 1 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 พาคนร้ายสองคนไปชี้บ้านผู้ตายแล้วกลับไป ครั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายทั้งสองแล้ว คนร้ายวิ่งกลับไปทางบ้านจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็พบคนร้ายคนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในห้องนอนของจำเลยที่ 1 พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกระเบิดมือในเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายทั้งสองนั้นหรือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายทั้งสองในการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า โดยการนำตัวผู้กระทำผิดไปชี้เป้าและให้ความช่วยเหลือ
จำเลยที่ 1 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 พาคนร้ายสองคนไปชี้บ้านผู้ตายแล้วกลับไป ครั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายทั้งสองแล้ว คนร้ายวิ่งกลับไปทางบ้านจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็พบคนร้ายคนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในห้องนอนของจำเลยที่ 1 พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกระเบิดมือในเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายทั้งสองนั้นหรือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายทั้งสองในการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยกับการฆ่าผู้ตาย แม้ไม่มีพยานตรง พบจำเลยอยู่กับผู้ตายก่อนเกิดเหตุและหลบหนีหลังเกิดเหตุ
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแต่โจทก์มีพยานพฤติเหตุแวดล้อม กรณีเชื่อได้ว่าก่อนเกิดเหตุเล็กน้อยและในขณะเกิดเหตุยิงกันจำเลยอยู่กับผู้ตายเพียงสองคนที่บ้านของจำเลย หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไปทันที ชั้นสอบสวนจำเลยยอมรับว่าหลบหนีไปเพราะจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันรับฟังลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้ตายได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2279/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้น ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยโกรธผู้ตายที่ขัดขวางไม่ยอมให้จำเลยเข้าหานางบุญล้อมน้องสาวผู้ตาย จึงลงจากห้างไป ทำทีจะไปต้ม ไก่ให้นายเฉื่อยรับประทาน แต่แล้วจำเลยกลับพาพวกมา และจำเลยยิงผู้ตายขณะที่ยังนอนอยู่บนห้างไร่ เห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยอาฆาตแค้นและวางแผนมาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นการฆ่าคนโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2279/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความอาฆาตแค้น ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยโกรธผู้ตายที่ขัดขวางไม่ยอมให้จำเลยเข้าหานางบุญล้อมน้องสาวผู้ตาย จึงลงจากห้างไป ทำทีจะไปต้มไก่ให้นายเฉื่อยรับประทานแต่แล้วจำเลยกลับพาพวกมา และจำเลยยิงผู้ตายขณะที่ยังนอนอยู่บนห้างไร่ เห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยอาฆาตแค้นและวางแผนมาฆ่าผู้ตาย จึงเป็นการฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การแบ่งหน้าที่ชัดเจนถือเป็นตัวการ ไม่ใช่ผู้สนับสนุน
การที่จำเลยที่ 1 ถอดหลังคารถเพื่อความคล่องตัวในการนำรถไปใช้กระทำความผิดและใช้รถหลบหนี โดยจำเลยที่ 1 รู้มาแต่แรกว่าคนร้ายให้ขับรถไปเพื่อฆ่าผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายไป จอดรถที่ถนนหน้าร้านผู้ตาย ติดเครื่องรออยู่ให้คนร้ายลงจากรถไปใช้อาวุธปืนยิงเร็วยิงผู้ตายกับพวกประมาณ50 คนที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่แล้วคนร้ายกลับมาขึ้นรถ จำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายหลบหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำความผิดที่ร่วมกันไปฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด
โจทก์มิได้อุทธรณ์ ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาจึงจะลงโทษจำเลยที่ 1 หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษไม่ได้
ศาลล่างปรับบทกฎหมายไม่ถูกต้อง แม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1720/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้บังคับบัญชาในหน้าที่ราชการด้วยปืน ไม่เข้าเหตุบันดาลโทสะ ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ผู้ตายสั่งลงโทษจำเลยผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเพราะจำเลยละทิ้งหน้าที่จำเลยไม่พอใจพูดต่อว่าและท้าทายผู้ตายให้ตั้งกรรมการสอบสวน ผู้ตายตอบว่าตั้งก็ตั้งแล้วหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมา จำเลยไม่พอใจ ชักปืนยิงผู้ตาย ผู้ตายมิได้แสดงกิริยาหรือกระทำการใด ๆ ในลักษณะข่มเหงจำเลย ที่ผู้ตายสั่งลงโทษจำเลยเป็นการกระทำตามหน้าที่โดยชอบ และโทษที่ลงก็เป็นโทษสถานเบาที่สุดแล้ว จำเลยจะอ้างว่ากระทำโดยบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่
เหตุเกิดในเวลาและสถานที่ราชการ มีพยานรู้เป็นในขณะเกิดเหตุแม้จำเลยจะไม่ให้การรับสารภาพ พยานหลักฐานโจทก์ก็มั่นคงพอลงโทษจำเลยได้ตามฟ้อง จำเลยรับสารภาพก็เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน จึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จำเลยกระทำการอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้ง ๆ ที่จำเลยเป็นผู้มีหน้าที่รักษากฎหมาย และเป็นการกระทำต่อผู้บังคับบัญชาด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงจิตใจเหี้ยมอำมหิตของจำเลยพฤติการณ์แห่งคดีไม่มีเหตุสมควรลดโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าเพื่อชิงทรัพย์: การพิจารณาความผิดฐานฆ่าเพื่อประประโยชน์ทางทรัพย์สิน
จำเลยทั้งสองร่วมกันชิงทรัพย์ผู้ตาย และในการชิงทรัพย์นี้จำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิง จำเลยที่ 2 ใช้มีดฟันผู้ตาย แม้จำเลยทั้งสองจะกระทำไปโดยประสงค์จะชิงทรัพย์ของผู้ตายก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันจำเลยทั้งสองก็มีเจตนาฆ่าผู้ตายด้วย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้ตาย เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่จำเลยทั้งสองได้กระทำการชิงทรัพย์เพื่อปกปิดความผิดฐานชิงทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองได้กระทำไว้ตาม ป.อ. มาตรา 289(7)อีกบทหนึ่งด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพเพียงพอต่อการลงโทษจำเลยในคดีข่มขืนฆ่า
โจทก์มีพยาน 1 ปากที่เห็นเหตุการณ์ขณะชาย คนหนึ่งวิ่งไล่เด็กผู้หญิงไป และในมือข้างขวาของชาย ผู้นั้นมีวัตถุยาวประมาณ 1ศอกเศษพยานได้ยิน เสียงเด็กผู้หญิงร้องว่า "กูจะบอกพ่อกู" จุดที่พยานยืนดู เหตุการณ์อยู่นั้น ห่างจากที่คนทั้งสองวิ่งไล่กันประมาณ200-300เมตร พยานจึงไม่สามารถจำได้ว่าเป็นใคร แต่ระยะเวลาที่พยานว่าเห็นเหตุการณ์ตรงกับเวลาที่เกิดเหตุพอดี ชาย ที่วิ่งไล่เด็กผู้หญิงไปก็สวมเสื้อผ้าเช่นเดียวกับที่พยานพบจำเลยหลังเกิดเหตุเพียงเล็กน้อย ซึ่งเมื่อนำไปพิจารณาประกอบกับรายละเอียดในคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว ฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพประกอบพยานหลักฐานอื่น ฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานข่มขืนและฆ่า
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์ขณะจำเลยข่มขืนและฆ่าเด็กหญิง พ. แต่โจทก์มีพยานมาเบิกความว่าเห็นชายคนหนึ่งวิ่งไล่เด็กผู้หญิง พยานจำไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะยืนดูอยู่ห่าง ปรากฏว่าเวลาที่พยานเห็นเหตุการณ์นั้นตรงกับเวลาที่เกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุเล็กน้อยพยานได้พบจำเลยอยู่ตรงบริเวณใกล้กับที่พบศพเด็กหญิง พ. จำเลยสวมเสื้อผ้าเช่นเดียวกับเสื้อผ้าของชายที่วิ่งไล่เด็กผู้หญิง ทั้งพฤติการณ์ของชายและเด็กผู้หญิงที่พยานเห็นนั้นก็ตรงกับข้อเท็จจริงตามคำรับสารภาพของจำเลย ประกอบกับได้ความว่า การทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพของจำเลยนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคอยถามจำเลยทุกขั้นตอน และบางครั้งเมื่อผู้แสดงแทนผู้ตายทำไม่ถูก จำเลยก็บอกให้ทำใหม่ให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นเหตุผลแสดงว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ ดังนี้ ฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดตามฟ้อง.
of 47