พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับแก้บทลงโทษและการฎีกาขัดแย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์: ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264265268 ลงโทษตามมาตรา 268 กระทงเดียวให้จำคุก1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 265268 และเมื่อเป็นความผิดตามมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 264 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีกให้ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสองแต่กระทงเดียว จำคุก 1 ปี ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องเท่านั้น ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาเรื่องความผิดพยายามฆ่าและอาวุธปืน ศาลจำกัดการฎีกาเฉพาะประเด็นที่พิพากษากลับกัน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 80 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้อง ดังนี้ มีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดตามมาตรา 289, 80 โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาข้อหาดังกล่าวในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ คงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้เฉพาะข้อหาความผิดตามมาตรา 288, 80 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษากลับกันมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาจำกัดเฉพาะผู้ใช้สิทธิอุทธรณ์ การไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์ทำให้หมดสิทธิฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เฉพาะแต่โจทก์เท่านั้นที่อุทธรณ์ ส่วนโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ด้วย จึงเป็นกรณีที่โจทก์ร่วมไม่มีข้อที่จะคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิเรียกดอกเบี้ยเมื่อหนี้ค่าหุ้นที่จำเลยต้องรับผิดชอบรวมกันเกินจำนวนหนี้ภาษีที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้อง
บริษัท ส. ซึ่งถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้างค้างชำระค่าภาษีกากรแก่โจทก์รวม 334,537.34 บาท เฉพาะเงินค่าหุ้นที่จำเลยที่ 1 ถึง จำเลยที่ 6 และที่ 8 ค้างชำระค่าหุ้นของบริษัท ส. รวมเป็นเงิน 374,250 บาท ซึ่งเกินกว่าจำนวนเงินค่าภาษีที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องทั้งหมด แม้โจทก์จะมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากหนี้เงินค่าหุ้นที่จำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดตามคำพิพากษาในระหว่างเวลาผิดนัดในอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 หรือไม่ก็ตาม เมื่อเงินต้นที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 และที่ 8 ต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์รวมกันเกินกว่าจำนวนหนี้ทั้งหมดที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับ ดังนี้ ไม่มีเหตุที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยได้(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยเมื่อหนี้ค่าหุ้นที่จำเลยต้องรับผิดรวมกันเกินกว่าหนี้ภาษีที่โจทก์มีสิทธิได้รับ
บริษัท ส. ซึ่งถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้างค้างชำระค่าภาษีกากรแก่โจทก์รวม 334,537.34 บาท เฉพาะเงินค่าหุ้นที่จำเลยที่ 1 ถึง จำเลยที่ 6 และที่ 8 ค้างชำระค่าหุ้นของบริษัท ส. รวมเป็นเงิน 374,250 บาท ซึ่งเกินกว่าจำนวนเงินค่าภาษีที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องทั้งหมด แม้โจทก์จะมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากหนี้เงินค่าหุ้นที่จำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดตามคำพิพากษาในระหว่างเวลาผิดนัดในอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 หรือไม่ก็ตาม เมื่อเงินต้นที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 และที่ 8 ต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์รวมกันเกินกว่าจำนวนหนี้ทั้งหมดที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับ ดังนี้ ไม่มีเหตุที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4371/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิฎีกาในประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินและห้องแถวพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 2 ให้การเพียงว่าจำเลยที่ 2 ไม่เคยรู้จักกับโจทก์ จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยที่ 1 ได้โอนขายที่ดินและห้องแถวพิพาทให้จำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่ว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบดังโจทก์ฟ้องหรือไม่และศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทนี้ไว้ ซึ่งจำเลยที่ 2ก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้าน จำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิฎีกาประเด็นนี้เพราะเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากล่าวกันมาแต่ในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยจากภาษีค้างชำระ กฎหมายกำหนดวิธีชำระหนี้ภาษีโดยเฉพาะ
กฎหมายได้บัญญัติทางแก้สำหรับกรณีผู้นำเข้าหรือลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ค่าภาษีอากรขาเข้า ค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลไว้ โดยเฉพาะแล้ว กล่าวคือ ในส่วนที่เป็นเงินภาษีอากรขาเข้าเพิ่มกรณีที่ตรวจเก็บอากรขาดตามพระราชบัญญัติศุลกากรมาตรา 102 ตรี(3) ซึ่ง มาตรา 112 จัตวา วรรคแรก ห้ามมิให้เรียกเก็บเงินเพิ่ม ส่วนกรณีภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลประมวลรัษฎากรมาตรา 89 ทวิ บัญญัติให้ผู้ประกอบการค้าเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละหนึ่งต่อเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ โดยเงินเพิ่มจะต้องไม่เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระ ดังนั้นจึงนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับลูกหนี้ซ้ำอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3188/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาด: โจทก์ผู้ชนะคดีไม่ถูกจำกัดสิทธิในการสู้ราคา
การขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดซึ่งเป็นของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ขายตามคำสั่งศาล โจทก์ซึ่งเป็นผู้ชนะคดีมิใช่เป็นผู้ขาย จึงไม่ต้องห้ามมิให้เข้าสู้ราคาตามมาตรา 512 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2886/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีขับไล่ - ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 224
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ทั้งไม่มีประเด็นเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย การที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเป็นการไม่ชอบ ทั้งมีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างผู้ให้เช่ากับจำเลย โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยมิชอบและค่าเสียหายของ โจทก์ไม่ถึงจำนวนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญา: ข้อจำกัดเฉพาะผู้เสียหายโดยตรง
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายจึงเป็นโจทก์ร่วมในข้อหาดังกล่าวไม่ได้ และไม่มีสิทธิฎีกาในข้อหาดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ได้ ก็น่าจะหมายถึงอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้เฉพาะในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,289,80 ศาลฎีการับวินิจฉัยเฉพาะฎีกาในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นเท่านั้น.