คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ตั๋วสัญญาใช้เงิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 203 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินมีฐานะเป็นลูกหนี้ชั้นต้น อายุความสะดุดหยุดเมื่อมีการผ่อนชำระ
การที่ผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินยอมผ่อนเวลาให้กับผู้ออกตั๋วนั้นไม่เป็นเหตุให้ผู้รับอาวัลหลุดพ้นจากความรับผิด เพราะผู้รับอาวัลย่อมต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันกับบุคคลซึ่งตนประกันจึงอยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ชั้นต้นเช่นเดียวกับผู้ออกตั๋ว และไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ค้ำประกันตามหลักทั่วไปในเรื่องค้ำประกัน
ผู้รับอาวัลสั่งจ่ายเช็คจำนวนหนึ่งผ่อนชำระหนี้ให้แก่ผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นการรับสภาพหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น และย่อมเป็นเหตุให้อายุความสดุดหยุดลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันออกตั๋วสัญญาใช้เงินที่กรอกภายหลัง ไม่ทำให้ตั๋วเป็นโมฆะ หากยังคงเป็นตั๋วที่สมบูรณ์
ตั๋วสัญญาใช้เงินตามภาพถ่ายท้ายฟ้องมิได้ลงวันออกตั๋วไว้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงกรอกวันลงหลังจากยื่นฟ้องแล้ว โดยเข้าใจว่าเป็นวันที่ถูกต้องแท้จริง ดังนี้ ตั๋วนั้นไม่ปลอมและสมบูรณ์เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีตั๋วสัญญาใช้เงิน และการตกลงประเด็นข้อพิพาทเฉพาะ
อายุความฟ้องคดีเกี่ยวกับผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด 3 ปีนับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นถึงกำหนดใช้เงิน ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1001 ส่วนมาตรา 1002 เป็นบทบัญญัติที่ให้ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังและผู้สั่งจ่าย แม้คำว่าตั๋วเงินจะหมายถึงตั๋วสัญญาใช้เงินดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 892 ด้วยก็ตาม แต่กรณีตั๋วสัญญาใช้เงินจะอยู่ในบังคับของมาตรา 1002 ก็ต่อเมื่อเป็นการฟ้องผู้สลักหลังเท่านั้น ส่วนที่มาตรา 1002 บัญญัติถึงกรณีที่ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สั่งจ่ายนั้นก็หมายถึงเฉพาะผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินและเช็ค เพราะในกรณีตั๋วสัญญาใช้เงินกฎหมายใช้คำว่าผู้ออกตั๋ว หาได้ใช้คำว่าผู้สั่งจ่าย ดังในกรณีตั๋วแลกเงินและเช็คไม่ ทั้งการฟ้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินก็มีบัญญัติไว้ในมาตรา 1001 แล้ว
จำเลยตกลงกับโจทก์ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเรื่องอายุความฟ้องร้องประเด็นอื่นไม่ติดใจโต้เถียงกันต่อไป ดังนี้จะกลับมารื้อฟื้นประเด็นข้ออื่นซึ่งไม่ติดใจโต้เถียงกันแล้วให้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาวินิจฉัยอีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีตั๋วสัญญาใช้เงิน: กำหนด 3 ปีนับจากวันถึงกำหนดใช้เงิน และข้อตกลงเรื่องประเด็นข้อพิพาท
อายุความฟ้องคดีเกี่ยวกับผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด 3 ปีนับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นถึงกำหนดใช้เงิน ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1001 ส่วนมาตรา 1002 เป็นบทบัญญัติที่ให้ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังและผู้สั่งจ่าย แม้คำว่าตั๋วเงินจะหมายถึงตั๋วสัญญาใช้เงินดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 892 ด้วยก็ตาม แต่กรณีตั๋วสัญญาใช้เงินจะอยู่ในบังคับของมาตรา 1002ก็ต่อเมื่อเป็นการฟ้องผู้สลักหลังเท่านั้น ส่วนที่มาตรา 1002 บัญญัติถึงกรณีที่ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สั่งจ่ายนั้นก็หมายถึงเฉพาะผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินและเช็ค เพราะในกรณีตั๋วสัญญาใช้เงินกฎหมายใช้คำว่าผู้ออกตั๋ว หาได้ใช้คำว่าผู้สั่งจ่าย ดังในกรณีตั๋วแลกเงินและเช็คไม่ ทั้งการฟ้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินก็มีบัญญัติไว้ในมาตรา 1001แล้ว
จำเลยตกลงกับโจทก์ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเรื่องอายุความฟ้องร้องประเด็นอื่นไม่ติดใจโต้เถียงกันต่อไปดังนี้ จะกลับมารื้อฟื้นประเด็นข้ออื่นซึ่งไม่ติดใจโต้เถียงกันแล้วให้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาวินิจฉัยอีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความตั๋วสัญญาใช้เงินของผู้รับอาวัลและการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วน
จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวนหนึ่ง และต่อมาได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ชำระบัญชี ระหว่างการชำระบัญชีจำเลยที่ 1 ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์ยอมรับใช้เงินที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ดังกล่าว โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวได้ลงนามเป็นผู้รับอาวัลในตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น ดังนี้ แม้ห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 จะจดทะเบียนเลิกกันแล้ว ก็ยังไม่สิ้นสภาพเป็นนิติบุคคล เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี เมื่อจำเลยที่ 1 ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ในระหว่างการชำระบัญชี โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 และเป็นผู้ชำระบัญชีด้วยเป็นผู้แทนและเป็นผู้รับอาวัลในฐานะส่วนตัวด้วย จำเลยทั้งสองจึงต้องผูกพันรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001 บัญญัติเรื่องอายุความฟ้องร้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินไว้ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาสามปีนับแต่วันตั๋วนั้น ๆ ถึงกำหนดใช้เงิน โดยไม่ได้ระบุถึงอายุความฟ้องร้องผู้รับอาวัล แต่มาตรา 940 วรรคแรก บัญญัติว่าผู้รับอาวัลย่อมต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันกับบุคคลซึ่งตนประกัน ดังนี้ จึงต้องใช้มาตรา 1001 บังคับแต่จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลด้วยจะนำมาตรา 1002 ซึ่งใช้บังคับแก่ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังตั๋วเงินมาใช้บังคับไม่ได้ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องยังไม่พ้นเวลา 3 ปี นับแต่วันตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดคดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความตั๋วสัญญาใช้เงินของผู้รับอาวัลและการสิ้นสภาพนิติบุคคลของห้างหุ้นส่วนที่ชำระบัญชี
จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวนหนึ่งและต่อมาได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ชำระบัญชี ระหว่างการชำระบัญชี จำเลยที่ 1 ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์ยอมรับใช้เงินที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ดังกล่าวโดยจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวได้ลงนามเป็นผู้รับอาวัลในตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น ดังนี้ แม้ห้างหุ้นส่วนจำเลยที่1 จะจดทะเบียนเลิกกันแล้วก็ยังไม่สิ้นสภาพเป็นนิติบุคคลเพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีเมื่อจำเลยที่ 1 ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ในระหว่างการชำระบัญชีโดยจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 และเป็นผู้ชำระบัญชีด้วยเป็นผู้ทำแทนและเป็นผู้รับอาวัลในฐานะส่วนตัวด้วยจำเลยทั้งสองจึงต้องผูกพันรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001 บัญญัติเรื่องอายุความฟ้องร้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินไว้ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาสามปีนับแต่วันตั๋วนั้นๆ ถึงกำหนดใช้เงินโดยไม่ได้ระบุถึงอายุความฟ้องร้องผู้รับอาวัล แต่มาตรา940 วรรคแรก บัญญัติว่า ผู้รับอาวัลย่อมต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันกับบุคคลซึ่งตนประกันดังนี้ จึงต้องใช้มาตรา 1001 บังคับแก่จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลด้วยจะนำมาตรา 1002 ซึ่งใช้บังคับแก่ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังตั๋วเงินมาใช้บังคับไม่ได้ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องยังไม่พ้นเวลา 3 ปี นับแต่วันตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดคดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2598/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องตั๋วสัญญาใช้เงิน: กำหนด 3 ปีตามมาตรา 1001 แตกต่างจากตั๋วแลกเงิน/เช็ค
อายุความฟ้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด 3 ปีตามมาตรา 1001 ส่วนมาตรา 1002 เป็นกำหนดอายุความฟ้องคดีเช็คและตั๋วแลกเงิน (ในกรณีที่เป็นผู้สลักหลังและผู้สั่งจ่าย)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2598/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีตั๋วสัญญาใช้เงิน: ผู้ออกตั๋วมีกำหนด 3 ปี แตกต่างจากเช็คและตั๋วแลกเงิน
อายุความฟ้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด 3 ปีตามมาตรา 1001ส่วนมาตรา 1002 เป็นกำหนดอายุความฟ้องคดีเช็คและตั๋วเงินสด(ในกรณีที่เป็นผู้สลักหลังและผู้สั่งจ่าย)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตั๋วสัญญาใช้เงินมีคำมั่นสัญญาที่แน่นอน ผู้รับสลักหลังไม่มีสิทธิฟ้องเมื่อตั๋วถูกยกเลิกและไม่มีการสลักหลังใหม่
กระทรวงกลาโหมจ้างเหมาให้จำเลยที่ 1 ก่อสร้างโรงงานกลั่นน้ำมันจะจ่ายเงินค่าจ้างให้เมื่อมีการรับมอบโรงงานแล้ว 1 ปี โดยให้ธนาคาร ก. เป็นผู้จ่ายค่าจ้างแทนเพื่อเป็นหลักประกันในการจ่ายเงินค่าจ้าง ธนาคาร ก.จึงออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามจำนวนเงินค่าจ้างให้จำเลยที่ 1 หลายฉบับกำหนดวันใช้เงินตามตั๋วในวันหลังจากที่คาดคิดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จแล้วได้มอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธนาคารจำเลยที่ 2 ยึดไว้เพื่อมอบให้แก่จำเลยที่ 1 เมื่อถึงกำหนดการใช้เงินดังนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวได้ระบุวันถึงกำหนดใช้เงินและคำมั่นสัญญาอันปราศจากเงื่อนไขว่าจะใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอน ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 983(2)(3) แล้วข้อความที่บันทึกไว้ในตั๋วว่าเป็นการออกให้ตามสัญญาฉบับใดฉบับหนึ่งเป็นเพียงแสดงเหตุว่าตั๋วออกให้เพราะมีหนี้สินตามสัญญาที่ระบุไว้เท่านั้นหาใช่เรื่องตั๋วสัญญาใช้เงินมีเงื่อนไขไม่
จำเลยที่ 1 สลักหลังตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งธนาคารจำเลยที่ 2 ยึดไว้ดังกล่าวข้างต้นให้โจทก์ 1 ฉบับ แต่การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามกำหนด ตั๋วสัญญาใช้เงินหมดกำหนดรับเงิน ธนาคาร ก.ได้เรียกตั๋วคืนไปแล้วได้ออกตั๋วฉบับใหม่ให้ธนาคารจำเลยที่ 2 ยึดถือไว้แทน แต่ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกใหม่นี้จำเลยที่ 1 หาได้สลักหลังให้โจทก์ไม่ ฐานะของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับเก่าได้หมดสิ้นไปแล้วเมื่อมีการยกเลิกตั๋วนั้นส่วนตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับใหม่ก็ไม่ได้มีการสลักหลังโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกตั๋วสัญญาใช้เงินหรือเงินตามตั๋วนั้นจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกร้องเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินและการคิดดอกเบี้ย โดยมิได้ใช้สิทธิไล่เบี้ย
โจทก์ผู้ทรงใช้สิทธิเรียกร้องโดยตรงกับจำเลยผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินมิได้เรียกร้องกับผู้สลักหลังหรือบุคคลอื่นซึ่งต้องรับผิดตามตั๋วนั้น การใช้สิทธิดังกล่าวจึงไม่ใช่การใช้สิทธิไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 968
เมื่อจำเลยผู้ออกตั๋วไม่ได้เขียนข้อความกำหนดให้เรียกดอกเบี้ยไว้โจทก์ย่อมเรียกดอกเบี้ยไม่ได้
of 21