พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ: กรณีถูกรุมทำร้ายและยิงก่อน จำเลยมีสิทธิป้องกันตัวได้
บ. และ ถ. ผู้เสียหายเมาสุรารุมตีทำร้ายจำเลย และใช้อาวุธปืนยิงจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้อาวุธปืนที่ติดตัวมายิงไปหลายนัดถูกผู้เสียหายทั้งสองในขณะกอดปล้ำทำร้ายกัน การกระทำของจำเลย เป็นการกระทำให้พ้นจากภยันตรายร้ายแรงซึ่งใกล้จะถึง จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงต่อสู้และการป้องกันตัว: จำเลยประสงค์ร้ายยิงผู้ตาย แม้ผู้ตายยิงขึ้นฟ้าก่อน ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องกับการยกฟ้อง
จำเลยกับผู้ตายขับรถยนต์มาประจัญหน้ากันและหลีกกันไม่พ้นเพราะซอยแคบ จำเลยกับผู้ตายเกิดโต้เถียงกัน เมื่อขับรถสวนพ้นกันไปแล้วจำเลยกับผู้ตายก็ยังโต้เถียงกันอีก ต่างคนต่างหยุดรถและลงมาจากรถ ผู้ตายถือปืนลงมาและยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นการระบายอารมณ์โกรธที่โต้เถียงกับจำเลยโดยมิได้แสดงกิริยาอาการว่าจะใช้ปืนยิงจำเลยแต่อย่างใด การที่จำเลยหยิบปืนในรถออกมาแล้วยิงไปที่ผู้ตายในลักษณะประสงค์ร้ายต่อชีวิตในขณะนั้นเป็นเหตุให้เกิดการยิงกันจนผู้ตายถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงถึงแก่ความตายจึงเป็นเรื่องที่จำเลยและผู้ตายสมัครใจต่อสู้กัน จำเลยจะอ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหาได้ไม่.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิและบุตรจากการฉุดคร่าโดยชอบด้วยกฎหมาย: เหตุป้องกันตัวที่สมควร
จำเลยเป็นมารดาของนางสาว ศ. ซึ่งถูกผู้ตายเข้าไปฉุดคร่าถึงภายในบ้าน โดยนางสาว ศ. ไม่สามารถดิ้นรนขัดขืนได้เมื่อจำเลยเข้าไปขัดขวางห้ามปรามกลับถูกผู้ตายทำร้ายจนล้มลง การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายไปในเวลาฉุกละหุก4 นัดติด ๆ กัน เป็นเพราะจำเลยไม่มีโอกาสทันพิเคราะห์ว่าผู้ตายมีอาวุธติดตัวหรือไม่ ทั้งไม่มีเวลาไตร่ตรองด้วยว่าหากใช้ปืนยิงขู่เพียงนัดเดียวจะทำให้ผู้ตายเกรงกลัวและหยุดการกระทำที่อุกอาจลงได้ ประกอบกับผู้ตายเป็นชายฉกรรจ์แข็งแรงกว่าจำเลยซึ่งเป็นหญิงและไม่มีทางเลือกที่จะป้องกันด้วยวิธีอื่น การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรณีที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนและบุตรสาวให้พ้นจากการฉุดคร่าซึ่งเป็นภยันตรายอันปรากฏขึ้นเฉพาะหน้าโดยพอสมควรแก่เหตุ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3897/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิต
ผู้ตายเป็นสามีจำเลย ทำร้ายร่างกายจำเลยก่อนจนเซ ไปที่โต๊ะจำเลยจึงหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาขู่ แต่ผู้ตายเข้าแย่งจึงถูกมีดบาดมือผู้ตายใช้ปากกัดมือที่ถือมีดของจำเลยอย่างแรง จำเลยเหวี่ยงมือ มีดถูกคอผู้ตายโดยบังเอิญ ดังนี้ หากผู้ตายแย่งมีดได้อาจใช้ทำร้ายจำเลยถึงตาย ได้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3871/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิป้องกันตัว: การใช้กำลังป้องกันภัยอันตรายใกล้ถึงจากการบุกรุกทำร้าย
เวลาประมาณ 23 นาฬิกาของคืนเกิดเหตุผู้ตายพกมีดปลายแหลมตัวมีดยาวคืบเศษ และเพื่อนผู้ตายถืออาวุธปืนมาร้องเรียกจำเลยให้ออกไปนอกบ้าน ถ้า ไม่ออกไปจะเข้ามาฆ่าจำเลย เมื่อจำเลยไม่ยอมออกไปผู้ตายถีบ ประตูระเบียง บ้านจำเลยอยู่ประมาณ 10 นาทีเพื่อจะพัง เข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 1 นัดในระยะห่างกันเพียง3 วา พฤติการณ์ฟังได้ว่าผู้ตายกับพวกมีเจตนาจะเข้ามาทำร้ายจำเลยนับว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิป้องกันตัวได้และการที่จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงเพียง 1 นัดในทันทีนั้น เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3871/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: ภยันตรายใกล้ถึง การใช้สิทธิป้องกันตนเองด้วยอาวุธ
เวลาประมาณ 23 นาฬิกาของคืนเกิดเหตุผู้ตายพกมีดปลายแหลมตัวมีดยาวคืบเศษ และเพื่อนผู้ตายถืออาวุธปืนมาร้องเรียกจำเลยให้ออกไปนอกบ้าน ถ้าไม่ออกไปจะเข้ามาฆ่าจำเลย เมื่อจำเลยไม่ยอมออกไป ผู้ตายถีบประตูระเบียงบ้านจำเลยอยู่ประมาณ 10 นาทีเพื่อจะพังเข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1 นัดในระยะห่างกันเพียง 3 วา พฤติการณ์ฟังได้ว่าผู้ตายกับพวกมีเจตนาจะเข้ามาทำร้ายจำเลย นับว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยชอบที่จะใช้สิทธิป้องกันตัวได้ และการที่จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงเพียง 1 นัดในทันทีนั้น เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2994/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการใช้กำลังพอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกรุมทำร้าย
จำเลยกับคนงานนั่งอยู่เต็มท้ายรถยนต์รับส่งคนงานของบริษัทที่จอดรออยู่หน้าโรงงานเพื่อกลับบ้าน ย. เดินไปจะเปิดประตูรถตอนหน้าด้านซ้าย พ. เดินออกจากร้านค้าตรงมาที่ ย. โดยมี ส. ผู้ตายเดินตาม พ. มาด้วย พ. พูดโต้เถียงกับ ย.เรื่องที่ พ. ถูกไล่ออกจากงาน จำเลยลงจากรถไปห้าม จำเลยกับพ. ท้าทายกันแล้วสมัครใจชกต่อยซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะระหว่าง พ. กับจำเลยเท่านั้น โดยจำเลยพูดว่า'ถ้าต่อยกันแล้วก็แล้วกันไปอย่ามีเรื่องกันอีก'จำเลยมิได้ท้าทาย ส. ผู้ตายกับโจทก์ร่วมหรือบุคคลอื่นและสมัครใจทำร้ายกับบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะที่จำเลยกับ พ. ชกต่อยกันส. ยืนอยู่ด้านหลัง พ. ล. วิ่งออกมาจากร้านค้า และยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัดพร้อมกับร้องบอกไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง เมื่อจำเลยชกพ.ล้มลงแล้ว ส. ได้เข้าช่วย พ. ชกต่อยจำเลย พ. ลุกขึ้นมาได้ชักปืนออกมายิงจำเลยถูกที่บริเวณใบหน้า อกและท้อง โจทก์ร่วมถือเก้าอี้ขาเหล็กวิ่งเข้ามาตีจำเลยถูกที่บริเวณคางจำเลยเซไปทางหน้ารถและจะวิ่งหนีเข้าโรงงานแต่ ส. ชักมีดออกมาไล่แทงจำเลย ล. ถือปืนวิ่งมาสกัดข้างหน้าและยิงมาทางจำเลยเพื่อไม่ให้จำเลยหลบหนีและโจทก์ร่วมถือเก้าอี้วิ่งเข้ามาตีจำเลยอีก จำเลยจึงชักปืนออกมายิงไปถูก ส. และโจทก์ร่วมเป็นเหตุให้ ส. ถึงแก่ความตายและโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บสาหัสจำเลยไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีจากการกระทำของบุคคลดังกล่าวจำเลยจึงมีสิทธิที่จะป้องกันตัวจำเลยให้พ้นจากถูกรุมทำร้ายได้และเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2994/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกรุมทำร้าย และการใช้สิทธิป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุ
จำเลยกับคนงานนั่งอยู่เต็มท้ายรถยนต์รับส่งคนงานของบริษัทที่จอดรออยู่หน้าโรงงานเพื่อกลับบ้าน ย. เดินไปจะเปิดประตูรถตอนหน้าด้านซ้ายพ. เดินออกจากร้านค้าตรงมาที่ย.โดยมีส.ผู้ตายเดินตามพ.มาด้วยพ.พูดโต้เถียงกับย.เรื่องที่ พ. ถูกไล่ออกจากงาน จำเลยลงจากรถไปห้าม จำเลยกับพ. ท้าทายกันแล้วสมัครใจชกต่อยซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะระหว่าง พ. กับจำเลยเท่านั้น โดยจำเลยพูดว่า'ถ้าต่อยกันแล้วก็แล้วกันไปอย่ามีเรื่องกันอีก'จำเลยมิได้ท้าทาย ส. ผู้ตายกับโจทก์ร่วมหรือบุคคลอื่นและสมัครใจทำร้ายกับบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะที่จำเลยกับ พ. ชกต่อยกันส.ยืนอยู่ด้านหลังพ. ล. วิ่งออกมาจากร้านค้า และยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัดพร้อมกับร้องบอกไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง เมื่อจำเลยชกพ.ล้มลงแล้วส.ได้เข้าช่วยพ.ชกต่อยจำเลยพ. ลุกขึ้นมาได้ชักปืนออกมายิงจำเลยถูกที่บริเวณใบหน้า อกและท้อง โจทก์ร่วมถือเก้าอี้ขาเหล็กวิ่งเข้ามาตีจำเลยถูกที่บริเวณคางจำเลยเซไปทางหน้ารถและจะวิ่งหนีเข้าโรงงานแต่ ส. ชักมีดออกมาไล่แทงจำเลย ล. ถือปืนวิ่งมาสกัดข้างหน้าและยิงมาทางจำเลยเพื่อไม่ให้จำเลยหลบหนีและโจทก์ร่วมถือเก้าอี้วิ่งเข้ามาตีจำเลยอีก จำเลยจึงชักปืนออกมายิงไปถูกส. และโจทก์ร่วมเป็นเหตุให้ ส. ถึงแก่ความตายและโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บสาหัสจำเลยไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีจากการกระทำของบุคคลดังกล่าวจำเลยจึงมีสิทธิที่จะป้องกันตัวจำเลยให้พ้นจากถูกรุมทำร้ายได้และเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2980/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อปกป้องตนเองและผู้อื่นจากอันตรายที่ใกล้จะถึง
ก. กับพวกเป็นฝ่ายก่อเรื่องไล่ทำร้ายจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้สมัครใจวิวาทด้วย จำเลยที่ 2 ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากจำเลยที่ 1 ในขณะที่ ก. ขึ้นคร่อมจำเลยที่ 1 จะใช้มีดคัตเตอร์แทงจำเลยที่ 1 และมีเพื่อนก. ร้องบอกเอาให้ตาย จำเลยที่ 2 จึงใช้มีดแทงที่หลัง ก.เพียง 1 ที แล้วชักมีดวิ่งหนีไป แสดงว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้เลือกแทงที่สำคัญเพียงแต่แทงเท่าที่โอกาสอำนวยไม่มีเจตนาฆ่า ก. และจำเลยที่ 2 กระทำเพื่อป้องกันมิให้ก. แทงจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมาย เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง และเป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ จึงไม่มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
จำเลยที่ 1 มิได้สมัครใจวิวาทกับ ก. แต่ถูก ก. กับพวกไล่ทำร้ายจนจำเลยที่ 2 ต้องเข้าช่วยเหลือด้วยการแทง ก. อันเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299 และเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลมีอำนาจพิพากษาให้มีผลตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย.
จำเลยที่ 1 มิได้สมัครใจวิวาทกับ ก. แต่ถูก ก. กับพวกไล่ทำร้ายจนจำเลยที่ 2 ต้องเข้าช่วยเหลือด้วยการแทง ก. อันเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299 และเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลมีอำนาจพิพากษาให้มีผลตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหลังพ้นอันตราย การกระทำเกินกว่าป้องกันตัว และอำนาจฟ้องกรณีไม่มีชันสูตรพลิกศพ
ผู้ตายใช้มีดยาวประมาณ 1 ช่วงแขนไล่ฟันจำเลยที่ 1 จำเลยที่1 จึงใช้ปืนแก็ปยิงผู้ตาย 1 นัดขณะที่อยู่ห่างกันประมาณ 4วา ผู้ตายวิ่งหนีไป 2 วาก็ล้มลง จำเลยที่ 1 เอาปืนลูกซองยาวจากจำเลยที่ 2 มายิงซ้ำอีก 1 นัด แต่ไม่ถูกแล้วจำเลยทั้งสองนำผู้ตายไปทิ้งลงเหว ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายหลังจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ล่วงพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
การชันสูตรพลิกศพเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้ว แม้ไม่มีการชันสูตรพลิกศพก็หาเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องไม่.
การชันสูตรพลิกศพเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้ว แม้ไม่มีการชันสูตรพลิกศพก็หาเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องไม่.