พบผลลัพธ์ทั้งหมด 181 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบันทึกการคุมขังในสำนวนสอบสวนและการรับสารภาพของผู้ต้องหาที่ไม่คัดค้านฟ้อง
นายอำเภอสอบสวนผู้ต้องหาในคดีอาญา แล้วส่งสำนวนการสอบสวนไปให้อัยยการฟ้องโดยไม่บันทึกในสำนวนการสอบสวนลงไปว่าผู้ต้องหาได้ถูกคุมขังมาบ้างแล้วในชั้นกรมการอำเภอ เมื่อศาลพิพากษาให้ปรับผู้ต้องหา ๆ ต้องจำแทนค่าปรับตามคำพิพากษาโดยมิได้นับวันคุมขังชั้นกรมการอำเภอรวมเข้าด้วยจึงเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาถูกคุมขังเกินกำหนดไปดังนี้จำเลยยังไม่มีผิดตามกฎหมายข้างต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276-1277/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การในฐานะผู้ต้องหา vs. พยาน และความผิดฐานแจ้งความเท็จ
จำเลยถูกจับตัวมาฐานเป็นผู้ร้ายปล้นทรัพย์ในชั้นสอบสวนเจ้าพนักงานได้แจ้งให้จำเลยทราบในขณะจดดำให้การของจำเลยว่า จะสอบสวนจำเลยในฐานะเป็นพะยานเพราะจะกันจำเลยไว้เป็นพะยานในคดีเรื่องปล้นทรัพย์ ดั่งนี้ถ้าจำเลยให้การไม่จริงก็ยังไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จอ้างฎีกาที่ 262/2474 ที่ 71/2460
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล่อยตัวผู้ต้องหา/จำเลย
ปล่อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล่อยตัวผู้ต้องหา/จำเลย
ปล่อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2474
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของราษฎรที่ได้รับมอบหมายให้คุมตัวผู้ต้องหาและการมิอาจตั้งราษฎรเป็นเจ้าพนักงาน
อย่างไรเรียกว่าเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ความผิดตาม ม.154 ข้อ 4 นั้นต้องปรากฎว่าผู้ที่ทำผิดหรือต้องหาว่าทำผิดยังไม่อยู่ในระวางคุมขัง ถ้าอยู่ในระวางคุมขังแล้วไม่เข้าบทนี้จำเลยเป็นราษฎรถูกนายอำเภอใช้ให้คุมตัวผู้ต้องหาว่าทำผิดไปส่งจังหวัดจำเลยปล่อยให้ผู้นั้นหนีไปดังนี้ ไม่เรียกว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย แลจำเลยยังไม่มีผิดตาม ม.154 ข้อ 4 เพราะเรื่องนี้ผู้ที่จำเลยคุมไปอยู่ในระวางคุมขังแล้ว นายอำเภอไม่มีอำนาจตั้งใครเป็นเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขัดขวางการควบคุมตัวผู้ต้องหา: การพิจารณา 'อยู่ในที่คุมขัง' ทางกฎหมาย
อย่างไรเรียกว่าอยู่ในที่คุมขังของเจ้าพนักงานเพียงแต่คุมตัวไปส่งอำเภอตามคำสั่งของเมียกำนันนั้น ไม่เรียกว่าอยู่ในที่คุมขัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำซัดทอดของผู้ต้องหาที่ไม่น่าเชื่อถือ และหลักฐานที่ไม่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถลงโทษได้
ลักษณพะยาน คำซัดทอดของผู้ต้องหาว่ากระทำผิดด้วยกัน เมื่อไม่มีพะยานหรือเหตุผลอื่นประกอบโดยใกล้ชิดแล้วจะฟังมาลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 547/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จช่วยเหลือผู้ต้องหา: การเบิกความขัดแย้งกับคำให้การเดิมถือเป็นความเท็จ
เบิกความเท็จต่อศาลเพื่อช่วยเหลือผู้ทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9440/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด: อำนาจฟ้องเมื่อผู้ต้องหาต้องโทษจำคุกคดีอื่น
พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 19 กำหนดหลักเกณฑ์ผู้ซึ่งจะได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดต้องเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด เสพและมีไว้ในครอบครอง เสพและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย หรือเสพและจำหน่ายยาเสพติดตามลักษณะชนิด ประเภท และปริมาณที่กำหนดในกฎกระทรวง ถ้าไม่ปรากฏว่าต้องหาหรืออยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในความผิดฐานอื่นซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกหรืออยู่ในระหว่างรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาล ให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาไปศาลภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหานั้นมาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ส่งตัวผู้นั้นไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด คำว่า ถ้าไม่ปรากฏว่าต้องหาหรืออยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในความผิดฐานอื่นซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกหรืออยู่ในระหว่างรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลนั้น หมายถึง วันที่จำเลยกระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด เสพและมีไว้ในครอบครอง เสพและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย หรือเสพและจำหน่ายยาเสพติดนั้นจำเลยต้องหาหรือถูกดำเนินคดีอื่นหรืออยู่ระหว่างรับโทษจำคุก หาใช่วันที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยตามที่จำเลยแก้ฎีกาไม่ จำเลยกระทำความผิดคดีนี้วันที่ 13 ธันวาคม 2554 ซึ่งในขณะนั้นจำเลยต้องคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำคุก ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1801/2553 ของศาลชั้นต้น จำเลยจึงเป็นผู้อยู่ในระหว่างรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาล ดังนี้ พนักงานสอบสวนจึงไม่ต้องนำตัวจำเลยไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด ตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว การสอบสวนชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8972/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ กรณีผู้ต้องหาเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้ขับรถเสพเมทแอมเฟตามีน ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง, 157/1 วรรคสอง อันเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท และต้องลงโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 157/1 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 91 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 เท่ากับจำเลยกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ด้วย เพียงแต่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 157/1 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเท่านั้น เมื่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 บัญญัติว่า "ผู้ใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ถ้ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้อีกในระหว่างที่ยังต้องรับโทษอยู่หรือภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ หากศาลจะพิพากษาลงโทษครั้งหลังถึงจำคุก ให้เพิ่มโทษที่จะลงแก่ผู้นั้นอีกกึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับความผิดครั้งหลัง" และศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย กรณีจึงต้องเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามบทบัญญัติดังกล่าว