พบผลลัพธ์ทั้งหมด 670 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุขอเลื่อนคดีต้องมีเหตุจำเป็นและชัดเจน การรับแจ้งจากสำนักงานอย่างเดียวไม่เพียงพอ
ทนายจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีด้วย เหตุเพียงแต่ได้รับแจ้งจากทางสำนักงานว่าจำเลยที่ 2 ติด ธุระจำเป็นอย่างรีบด่วนเท่านั้น ซึ่ง ทนายจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้พบกับจำเลยที่ 2 และธุระจำเป็นอย่างรีบด่วนตาม ที่อ้างก็ไม่ปรากฏว่าเป็นอะไร ทั้งปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ นัดสืบพยานจำเลยที่ 2 ไว้ล่วงหน้าราวหนึ่งเดือน ครึ่งอันเป็นเวลานานพอสมควรประกอบกับในวันนัดนั้นจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้เตรียมพยานอื่นมาเลย พฤติการณ์ดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2มีเหตุจำเป็นที่จะต้อง ขอเลื่อนคดีดัง ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4428/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้มีพยานเบิกความก็พิสูจน์ไม่ได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกันตามฟ้อง แม้จำเลยที่ 1 เบิกความว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน โจทก์ยังคงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์เช่นเดิม เมื่อสัญญาค้ำประกันปิดอากรแสตมป์ไม่ครบบริบูรณ์ เป็นเอกสารต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 มีผลเท่ากับไม่มีสัญญาค้ำประกันเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ โจทก์จึงฟ้องให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3928/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการก่อสร้างถนน - อายุความ - ความเสียหายต่อเนื่อง - หลักฐานพยาน
วันที่จำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์เริ่มตั้งแต่วันใดไม่ปรากฏแต่บันทึกความเสียหายที่จำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ไว้ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2522 และหลังจากนั้นปรากฏว่าบ้านของโจทก์ยังเสียหายเพิ่มเติมขึ้นอีกเรื่อย ๆ แม้จำเลยจะมีหลักฐานการรับมอบงานช่วงหน้าบ้านโจทก์ แสดงว่าจำเลยที่ 1 ก่อสร้างถนนในส่วนวางท่อระบายน้ำ ถมทรายบนท่อ พร้อมทั้งบดอัดแน่น และทำผิวจราจร ถมทรายและบดอัดแน่นเสร็จตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2522แล้วก็ตาม แต่หลังจากวันที่ 8 ธันวาคม 2522 ยังมีการทำถนนบริเวณหน้าบ้านโจทก์ต่อไป การที่บ้านโจทก์ได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นหลังจากวันที่ 8 ธันวาคม 2522 จึงสืบเนื่องมาจากการทำถนนของจำเลยที่ 1 นั่นเอง โจทก์ให้ช่างซ่อมตัวบ้านไม่ให้ทรุดลงอีกในปลายปี 2523 และฟ้องคดีนี้วันที่ 23 เมษายน 2524ยังไม่พ้นเวลา 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3728/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดพยานหลังจำเลยขาดนัด พิจารณาแล้วต้องส่งหมายโดยวิธีธรรมดา แม้จำเลยจะขาดนัดไปแล้ว
การที่ศาลให้เลื่อนการนัดสืบพยานโจทก์ไปหลังจากที่มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ก็ต้องแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบเพื่อจะได้มาระวังประโยชน์ของตน เมื่อปรากฏว่าในชั้นส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยนั้นเจ้าพนักงานเดินหมายรายงานว่าจำเลยไปทำธุรกิจในต่างจังหวัดแสดงว่าไม่ใช่กรณีที่ไม่สามารถส่งหมายนัดให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยได้ กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะสั่งให้ส่งหมายนัดโดยวิธีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายนัดให้จำเลยทราบโดยวิธีธรรมดา จึงเป็นการไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทราบวันนัดของศาลแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การชั้นสอบสวนใช้เป็นหลักฐานได้ หากศาลไม่ได้ใช้ลงโทษโดยอาศัยเพียงคำให้การนั้น
คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนที่พนักงานสอบสวนทำไว้โดยชอบย่อมใช้เป็นหลักฐานยันจำเลยในการพิจารณาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 การที่ศาลนำเอาคำให้การชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างส่งมาประกอบการวินิจฉัยพยานจำเลย มิได้อาศัยแต่เพียงคำให้การในชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยกรณีถือไม่ได้ว่าเป็นการอ้างจำเลยมาเป็นพยานโจทก์ ดังนี้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 232.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311-2314/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นเอกสารเป็นพยาน: การระบุเอกสารที่ไม่เจาะจงและการนำสืบหักล้าง
จำเลยอ้างเอกสารเป็นพยาน โดย บัญชีพยานใช้ คำรวมว่าสรรพเอกสารซึ่ง หมายถึง เอกสารหลายฉบับ ไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นเอกสารอะไรบ้าง แต่ ก็มีข้อความต่อไปว่าที่เกี่ยวข้องกับโจทก์พอถือได้ว่าจำเลยได้ ยื่นบัญชีระบุพยานโดยชอบแล้ว เมื่อเอกสารที่จำเลยอ้างคือเอกสารซึ่ง ลอกมาจากสมุดบัญชีค่าจ้าง แสดงถึงค่าแรงค้างจ่ายของโจทก์ และเป็นแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณที่จ่าย แสดงเงินเดือนของโจทก์ ซึ่ง เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดีโดยตรง จำเลยมีอำนาจนำพยานเอกสารดังกล่าวเข้าสืบได้ ถ้าโจทก์เห็นว่าเอกสารดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไร ย่อมซักค้านได้ และเมื่อจำเลยแถลงหมดพยานแล้วโจทก์อาจแถลงขอสืบพยานที่เกี่ยวข้องมานำสืบหักล้างพยานเอกสารที่จำเลยนำเข้าสืบได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จในฐานะพยาน แม้มีสิทธิปฏิเสธให้การในฐานะจำเลย ก็ไม่เป็นเหตุยกเว้นความผิด
ในคดีก่อน จำเลยถูก ฟ้องในข้อหาขับรถยนต์ โดยประมาทชนรถยนต์ที่ผู้เสียหาย (โจทก์คดีนี้) ขับสวนทางมา เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส และมีบุคคลอื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายบาดเจ็บ การที่จำเลยเบิกความในคดีก่อนว่า ผู้เสียหายขับรถยนต์ ชนรถยนต์ ที่จำเลยขับในช่องทาง เดินรถของจำเลย มีพวกผู้เสียหายเก็บเศษกระจกและเศษไม้จากช่องทาง เดินรถของจำเลยไปไว้ในช่องทาง เดินรถของผู้เสียหาย เท่ากับเบิกความว่า เหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นความผิดของผู้เสียหาย มิใช่ความผิดของจำเลยซึ่ง เป็นประเด็นโดยตรงของคดีก่อนที่ว่าจำเลยขับรถยนต์ โดยประมาทหรือไม่ข้อความที่จำเลยเบิกความจึงเป็นข้อสำคัญในคดี แม้จำเลยจะมีสิทธิในการต่อสู้ คดีและจะให้การอย่างไร หรือไม่ยอมให้การในคดีก่อนก็ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 ก็ตาม แต่ ในชั้น พิจารณาคดีดังกล่าว ตัว จำเลยได้ เข้าเบิกความในคดีฐานะ พยานซึ่ง เป็นอีกฐานะ หนึ่งต่างหากจากการเป็นตัว จำเลย หากคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จจำเลยก็ต้อง มีความผิดฐาน เบิกความเท็จ จะยกเอาสิทธิในการต่อสู้ คดีของจำเลยมาอ้างเพื่อยกเว้นความรับผิดฐาน เบิกความเท็จหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องละเมิดที่สะดวกต่อคู่ความและพยาน
การฟ้องเรียกค่าเสียหายตามมูลละเมิดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2) ให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขต แต่ถ้าโจทก์จะยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อโจทก์ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องแสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีในศาลนั้น ๆ จะเป็นการสะดวก ศาลจะใช้ดุลพินิจอนุญาตก็ได้ การพิจารณาจะสะดวกหรือไม่นั้นต้องคำนึงถึงคู่ความและพยานที่เกี่ยวข้องด้วย ตามคำฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขับรถยนต์โดยสารจากกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงใหม่ชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 ที่จังหวัดนครสวรรค์ พยานที่รู้เห็นส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในรถยนต์ทั้งสองคัน ซึ่งไม่มีภูมิลำเนาในเขตศาลจังหวัดนครสวรรค์ การพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ส่วนโจทก์ที่ 1 และจำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่ง ดังนั้นการฟ้องคดี การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องการต่อสู้คดีและการพิจารณาที่ศาลแพ่งย่อมเป็นการสะดวกแก่คู่ความอื่นทั้งหมดเว้นแต่โจทก์ที่ 2 ผู้เดียว ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องละเมิดที่ศาลมีอำนาจพิจารณาเมื่อพยานและคู่ความสะดวก
การฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีละเมิดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตแต่ถ้าโจทก์จะยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อโจทก์ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องแสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีในศาลนั้น ๆ จะเป็นการสะดวกศาลจะใช้ดุลพินิจอนุญาตก็ได้ การพิจารณาจะสะดวกหรือไม่นั้นต้องคำนึงถึงคู่ความและพยานที่เกี่ยวข้องด้วย ปรากฏตามคำฟ้องว่ารถยนต์โดยสารที่จำเลยที่ 1 ขับจากกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงใหม่ชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 ที่จังหวัดนครสวรรค์ พยานที่รู้เห็นส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในรถยนต์ทั้งสองคัน ซึ่งไม่มีภูมิลำเนาในเขตศาลจังหวัดนครสวรรค์การพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ย่อมไม่สะดวกแก่พยาน ประกอบกับโจทก์ที่ 2 แต่ผู้เดียวมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครสวรรค์ ส่วนโจทก์ที่ 1 และจำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่ง ดังนั้น การฟ้องคดี การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องการต่อสู้คดี และการพิจารณาที่ศาลแพ่งย่อมเป็นการสะดวกแก่คู่ความอื่นทั้งหมดเว้นแต่โจทก์ที่ 2 ผู้เดียว ศาลจึงชอบที่จะใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: พฤติการณ์รู้เห็นเป็นใจไม่ทำให้คำเบิกความไร้ค่า หากมีพยานหลักฐานอื่นประกอบ
แม้ ส. จะมีพฤติการณ์ที่ส่อแสดงว่าได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับจำเลยในการกระทำผิดมาแต่ต้น แต่เมื่อ ส. ไม่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ คำเบิกความของ ส. มิใช่จะรับฟังไม่ได้เสียเลย ถ้าโจทก์มีพยานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยได้