พบผลลัพธ์ทั้งหมด 235 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานบุคคลเรื่องการชำระหนี้ดอกเบี้ยและเงินต้น แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือ
การชำระดอกเบี้ยไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2 จึงนำสืบพยานบุคคลว่าได้ชำระดอกเบี้ยแล้วได้ (อ้างฎีกาที่ 243/2503)
การชำระหนี้ด้วยเช็ค เป็นการชำระหนี้ด้วยการออกตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรค 3 ย่อมถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งมิใช่การชำระหนี้ด้วยเงิน ฉะนั้น แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ก็ย่อมรับฟังพยานบุคคลที่นำมาสืบในเรื่องการชำระหนี้ได้ (อ้างฎีกาที่ 767/2505)
การชำระหนี้ด้วยเช็ค เป็นการชำระหนี้ด้วยการออกตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรค 3 ย่อมถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งมิใช่การชำระหนี้ด้วยเงิน ฉะนั้น แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ก็ย่อมรับฟังพยานบุคคลที่นำมาสืบในเรื่องการชำระหนี้ได้ (อ้างฎีกาที่ 767/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานบุคคลการชำระหนี้ดอกเบี้ยและเงินต้นด้วยเช็ค แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
การชำระดอกเบี้ยไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง จึงนำสืบพยานบุคคลว่าได้ชำระดอกเบี้ยแล้วได้ (อ้างฎีกาที่ 243/2503)
การชำระหนี้ด้วยเช็ค เป็นการชำระหนี้ด้วยการออกตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม ย่อมถือได้ ว่าเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งมิใช่การชำระหนี้ด้วยเงิน ฉะนั้น แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ก็ย่อมรับฟังพยานบุคคลที่นำมาสืบในเรื่องการชำระหนี้ได้ (อ้างฎีกาที่ 767/2505)
การชำระหนี้ด้วยเช็ค เป็นการชำระหนี้ด้วยการออกตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม ย่อมถือได้ ว่าเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งมิใช่การชำระหนี้ด้วยเงิน ฉะนั้น แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ก็ย่อมรับฟังพยานบุคคลที่นำมาสืบในเรื่องการชำระหนี้ได้ (อ้างฎีกาที่ 767/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีของหญิงไม่ได้จดทะเบียนสมรส และการรับฟังพยานบุคคลในคดีละเมิด
หญิงที่แต่งงานโดยมิได้จดทะเบียนสมรสมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่พิพาทโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่ต่อมาจำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงขอให้ขับไล่ดังนี้ เป็นการฟ้องจำเลยฐานละเมิดมิได้อาศัยสิทธิการเช่าการนำสืบถึงการเช่าจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลรับฟังพยานบุคคลได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่พิพาทโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่ต่อมาจำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงขอให้ขับไล่ดังนี้ เป็นการฟ้องจำเลยฐานละเมิดมิได้อาศัยสิทธิการเช่าการนำสืบถึงการเช่าจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลรับฟังพยานบุคคลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสัญญากู้ปลอม การหักล้างด้วยพยานบุคคล และความรับผิดของคู่สมรสที่ไม่จดทะเบียน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยสู้ว่าเพียงแต่ลงลายมือชื่อให้ไว้ในสัญญาเฉย ๆ และกู้เงินเพียง 200 บาท แต่โจทก์ไปกรอกจำนวนเงินเป็น 9,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม ดังนี้ ย่อมรับฟังพยานบุคคลได้ เพราะเป็นการนำสืบหักล้างเอกสารที่ไม่ถูกต้อง และไม่จำต้องมีพยานเอกสารมาสืบหักล้าง
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุงและเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วม กันสามี
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุงและเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วม กันสามี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักล้างเอกสารสัญญากู้ด้วยพยานบุคคล และการไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมจากความสัมพันธ์ที่ไม่จดทะเบียนสมรส
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยสู้ว่าเพียงแต่ลงลายมือชื่อให้ไว้ในสัญญาเฉยๆ และกู้เงินเพียง 200บาท แต่โจทก์ไปกรอกจำนวนเงินเป็น 9,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม ดังนี้ ย่อมรับฟังพยานบุคคลได้ เพราะเป็นการนำสืบหักล้างเอกสารที่ไม่ถูกต้อง และไม่จำต้องมีพยานเอกสารมาสืบหักล้าง
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุง และเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมกับสามี
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุง และเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมกับสามี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและการนำพยานบุคคลสืบหักล้างพยานเอกสาร: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นฟ้องซ้ำและข้อจำกัดในการนำสืบพยาน
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่ศาลแขวงในข้อหาว่าฉ้อโกงและเรียกเงินคืนจากจำเลยด้วย ศาลแขวงวินิจฉัยแต่เพียงว่า จำเลยไม่ได้ใช้อุบายหลอกลวงเอาความเท็จมากล่าว ทั้งมิได้ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรแจ้งให้ทราบ คดีไม่มีทางลงโทษจำเลยทางอาญา ส่วนประเด็นที่ว่าเงิน 6,300 บาทที่โจทก์ไปไถ่ถอนจำนองจะเป็นเงินของโจทก์หรือไม่ และจำเลยจะได้รับเงินอีก 700 บาทจากโจทก์หรือไม่ ศาลแขวงกล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย แสดงว่าประเด็นข้อนี้ศาลแขวงยังไม่ได้วินิจฉัย โจทก์มาฟ้องเรียกเงินจำนวน 7,000 บาท ที่ศาลจังหวัดอีก ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ข้อที่จำเลยอ้างว่าการนำพยานบุคคลเข้าสืบหักล้างพยานเอกสารเป็นการนำสืบที่ไม่ชอบนั้น จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เมื่อไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ย่อมต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ข้อที่จำเลยอ้างว่าการนำพยานบุคคลเข้าสืบหักล้างพยานเอกสารเป็นการนำสืบที่ไม่ชอบนั้น จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เมื่อไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ย่อมต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานพยานบุคคลต้องเบิกความรับรองความถูกต้องของเอกสาร จึงจะรับฟังได้
บันทึกข้อสรุปของนักศึกษาแพทย์ที่ได้จากการสอบถามสามีของผู้ป่วยถึงประวัติและอาการของผู้ป่วย โดยผู้ทำเอกสารนั้นมิได้มาเบิกความรับรองถึงความถูกต้องและแท้จริง จึงรับฟังเป็นพยานไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องเลิกสัญญาสื้อซื้อขายและการนำสืบพยาน การนำสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์ข้อตกลงใหม่หลังทำสัญญาซื้อขายเดิมไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อของและผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้ครบ การที่จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยบอกคืนของที่ซื้อให้โจทก์ริบเงินมัดจำและโจทก์ยินยอมนั้น ย่อมเป็นข้อต่อสู้ว่าภายหลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้ว คู่กรณีได้ทำความตกลงกันใหม่ โดยเลิกสัญญาเดิม ฉะนั้น จำเลยย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อขายด้วยการตกลงเลิกสัญญาใหม่ การนำสืบพยานบุคคลไม่ขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อของและผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้ครบการที่จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยบอกคืนของที่ซื้อ ให้โจทก์ริบเงินมัดจำและโจทก์ยินยอมนั้น ย่อมเป็นข้อต่อสู้ว่าภายหลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้วคู่กรณีได้ทำความตกลงกันใหม่โดยเลิกสัญญาเดิมฉะนั้น จำเลยย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานแทนเอกสารสูญหายในคดีหย่าและการแบ่งสินสมรส ศาลต้องอนุญาตหากจำเลยพิสูจน์ความพยายามในการหาเอกสาร
โจทก์ฟ้องขอหย่ากับจำเลย จำเลยให้การว่า โจทก์กับจำเลยได้หย่ากันแล้วโดยทำหนังสือหย่า ในชั้นสืบพยาน จำเลยย่อมอ้างได้ว่าเอกสารการหย่าสูญหายไป ขอนำสืบพยานบุคคลแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ก) โดยสืบให้ฟังได้ด้วยว่าจำเลยไม่สามารถนำเอกสารนั้นมาแสดงเสียแล้วทั้งนี้โดยจำเลยไม่จำต้องกล่าวไว้ในคำให้การด้วย