คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พฤติการณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: ศาลฎีกาวินิจฉัยจากพฤติการณ์ยิงในระดับต่ำ
ที่เกิดเป็นเหตุการณ์คดีนี้เนื่องจากสาเหตุที่มีการสอบถามถึงเรื่องที่จำเลยด่าว่าบุตรสาว จ. เท่านั้น อันเป็นเหตุเล็กน้อยไม่น่าจะปองร้ายกันถึงชีวิต และได้ความจากคำเบิกความของ จ.ว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปทาง ร. ในระยะห่างประมาณ 5 ถึง 6 วาหากจำเลยประสงค์จะปองร้ายจ.และร. ถึงชีวิต จำเลยคงเลือกยิงในตำแหน่งซึ่งอาจทำให้ถึงตายได้โดยไม่ยาก การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง ร.ในระดับต่ำถูกบริเวณต้นขาและน่องซ้ายของร.ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยเจตนาให้ จ. และ ร. ได้รับอันตรายแก่กายเท่านั้น จึงฟังได้เพียงว่า จำเลยทำร้ายร่างกาย ร. อันเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์โกรธเคือง การเตรียมอาวุธ และการลงมือ
โจทก์มีพยานจำนวน 2 ปากเบิกความว่าคืนก่อนวันเกิดเหตุ 1 วันจำเลยกับผู้ตายมีเรื่องทะเลาะกัน ผู้ตายเตะจำเลย 1 ครั้งแล้วก็เลิกรากันไป โดยสอดคล้องกับคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนว่าหลังจากจำเลยถูกผู้ตายเตะแล้วกลับบ้านนอนไม่หลับทั้งคืน รุ่งเช้าขึ้นจำเลยไปตามหาผู้ตายโดยไปพบผู้ตายอยู่กับเพื่อนที่ทุ่งนาและหาโอกาสยิงผู้ตาย พอเพื่อนผู้ตายลุกขึ้นออกไป จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทางด้านหลังจนถึงแก่ความตาย โดยมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความยืนยันว่าจำเลยให้การดังกล่าวด้วยความสมัครใจ และคำให้การของจำเลยที่สอดคล้องกับบาดแผลที่ถูกยิง ที่จำเลยต่อสู้ว่า อยู่กับผู้ตายสองต่อสองแล้วผู้ตายด่าจำเลยและท้าให้จำเลยยิง จำเลยบันดาลโทสะจึงยิงผู้ตายนั้น จำเลยมิได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนและจากคำเบิกความของพยานโจทก์อีก 2 ปากที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุก็ไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้ด่าว่าจำเลยแต่อย่างใด ข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยมีเรื่องโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อนแล้ว ต่อมาจำเลยมาตามหาผู้ตายโดยนำอาวุธปืนไปตั้งใจจะยิงผู้ตาย ซึ่งถือว่าจำเลยมีโอกาสคิดไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วว่าจะฆ่าผู้ตายหรือไม่ เมื่อจำเลยไปพบผู้ตายและได้โอกาสก็ยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองบุตรนอกกฎหมายและการเป็นผู้จัดการมรดก ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์และการปฏิบัติต่อบุตร
ผู้ตายพามารดาผู้คัดค้านที่ 3 ไปคลอดที่โรงพยาบาลกับแจ้งว่าเป็นบิดาของผู้คัดค้านที่ 3 ออกค่าใช้จ่ายการคลอด และรับกลับจากโรงพยาบาล ส่งเสียให้เงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาเล่าเรียนตลอดมา ทั้งยังพาผู้คัดค้านที่ 3 ไปสมัครงานโดยใบสมัครงานระบุว่าผู้ตายเป็นบิดาของผู้คัดค้านที่ 3 นอกจากนี้ผู้ตายยังเคยพาผู้คัดค้านที่ 3 ไปเที่ยวเป็นประจำ พฤติการณ์ที่ผู้ตายปฏิบัติต่อผู้คัดค้านที่ 3 เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้ตายได้รับรองว่าผู้คัดค้านที่ 3 เป็นบุตรของตนแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1627

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้จากการขายที่ดิน: พิจารณาเจตนาและพฤติการณ์ในการซื้อขาย
ก่อนส่งหมายเรียกโจทก์และภรรยากับบุตรมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 261/6-8 ตลอดมา โดยโจทก์มีสถานภาพเป็นหัวหน้าโจทก์และครอบครัวแจ้งย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่บ้านเลขที่ 496/8-9หลังจากมีการส่งหมายเรียกเกือบ 1 ปี การส่งหมายเรียกให้โจทก์ณ บ้านเลขที่ 261/6-8 ถือว่าเป็นการส่งให้โจทก์ ณ บ้านของผู้รับเมื่อผู้ที่บรรลุนิติภาวะ และอยู่ในบ้านนั้นรับหมายไว้แทนโจทก์จึงเป็นการส่งหมายที่ชอบแล้ว โจทก์ซื้อที่ดินเนื้อที่รวมประมาณ 30 ไร่ อ้างว่าจะทำสวนกล้วยไม้ เป็นการกล่าวอ้างเพียงลอย ๆ ไม่มีพยานอื่นมาประกอบข้ออ้างดังกล่าวนี้จึงฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์อ้างว่าต้องขายที่เพื่อชำระหนี้ธนาคารนั้น ลูกหนี้ธนาคารมิใช่ตัวโจทก์และธนาคารก็มิได้ฟ้องเร่งรัดหนี้ ทั้งที่ดินที่ขายก็มิได้ติดจำนองธนาคารโจทก์ขายที่ดินภายหลังจากซื้อมาในระยะเวลาอันสั้น ส่อแสดงว่าโจทก์ขายที่ดินโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: พฤติการณ์เลี้ยงดูเป็นภรรยา ไม่เข้าข่ายความผิด
จำเลยพาผู้เสียหายไปกินอยู่หลับนอนกันที่บ้านจำเลย โดยผู้เสียหายยินยอมระหว่างพักอยู่ร่วมกับจำเลย ผู้เสียหายช่วยทำงานบ้านและได้เงินใช้จ่ายจากจำเลย ทั้งจำเลยไม่มีภรรยา เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยตั้งใจจะเลี้ยงดูผู้เสียหายเป็นภรรยา มิใช่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องล้มละลาย: มูลหนี้ตามเช็ค, เหตุไม่สมควรล้มละลาย, พฤติการณ์ชำระหนี้ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์โดยทำสัญญากู้เงินไว้ต่อมาจำเลยขอกู้เพิ่มและออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ 2 ฉบับ เมื่อเช็คทั้งสองฉบับถึงกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ตามคำบรรยายฟ้องดังกล่าวโจทก์ฟ้องจำเลยในมูลหนี้กู้ยืมเงินและมูลหนี้ตามเช็คด้วย มิใช่ฟ้องในมูลหนี้กู้ยืมเงินเพียงอย่างเดียว แม้จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 622,000 บาท และมีพฤติการณ์เข้าข้อสันนิษฐานตามกฎหมายว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว แต่ในชั้นขอรับชำระหนี้คงมีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เพียง 2 ราย คือโจทก์และธนาคาร ก. เฉพาะหนี้ของธนาคาร ก. จำเลยได้จดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้เป็นประกันด้วย จำเลยรับราชการครูระดับ 7 ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ได้รับเงินเดือน เดือนละ8,895 บาท ภรรยาจำเลยรับราชการครูระดับ 2 เงินเดือน เดือนละ5,745 บาท จำเลยถือหุ้นสหกรณ์ครูเป็นเงิน 50,000 บาท สามารถกู้เงินจากสหกรณ์ได้ในวงเงิน 100,000 บาท จำเลยเพิ่งใช้สิทธิกู้เพียง40,000 บาท บิดามารดาจำเลยมีทรัพย์สินเป็นที่บ้าน และที่นาราคาประมาณ 1,500,000 บาท มารดาภรรยาจำเลยมีที่ดิน 5 แปลง ราคาประมาณ 2,000,000 บาท ชั้นขอประนอมหนี้จำเลยขอประนอมหนี้โดยยอมชำระหนี้ถึงร้อยละ 90 และไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดข้อตกลงตามคำขอประนอมหนี้ พฤติการณ์เชื่อได้ว่าจำเลยสามารถขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้โจทก์ได้คดีมีเหตุไม่สมควรให้จำเลยล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 14

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 720/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ศาลฎีกาลดโทษจากพฤติการณ์ช่วยเหลือการตรวจค้น
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดโทษจำคุกจำเลยหนักเกินไปหากศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่เหมาะสมตามพฤติการณ์แห่งรูปคดีย่อมกำหนดโทษใหม่ได้ เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นบ้านจำเลยเพื่อหาเฮโรอีน การที่จำเลยได้นำเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นบริเวณบ้านดังกล่าวย่อมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุลดโทษ ศาลฎีกาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษคดีอาวุธปืน พิจารณาจากลักษณะอาวุธ ประวัติผู้ต้องหา และพฤติการณ์
อาวุธปืนของกลางเป็นเพียงอาวุธปืนลูกซองสั้นที่ยิงได้คราวละนัดเมื่อเปรียบเทียบกับอาวุธปืนชนิดอื่นที่บรรดามิจฉาชีพใช้กันอยู่โดยทั่วไป ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่สามารถบรรจุและยิงได้คราวละหลายนัดโดยมีแรงทะลุทะลวงมากแล้ว อาวุธปืนของกลางจึงมิใช่อาวุธปืนร้ายแรงนัก ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยมีกระสุนปืนที่พาติดตัวไปเพียงนัดเดียวและไม่ปรากฏว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางนั้นไปประกอบอาชญากรรมหรือกระทำการอันมิชอบ กลับได้ความโดยมีหนังสือรับรองของกำนันรองผู้ว่าราชการจังหวัด และพระภิกษุเจ้าคณะตำบล ท้องที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานยืนยันว่า จำเลยมีความประพฤติดี ชอบช่วยเหลือทางราชการและทำคุณประโยชน์ให้แก่ราชการและสังคมโดยส่วนรวมในหลาย ๆ ด้านทั้งในวันเกิดเหตุจำเลยได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปเฝ้าดูแลเครื่องสูบน้ำของสภาตำบลที่จำเลยรับหน้าที่ช่วยเหลือดูแลอยู่ดังนี้ พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับลักษณะอาวุธและความประพฤติของจำเลยในอดีต จำเลยควรได้รับความปรานีด้วยการรอการลงโทษ แต่เพื่อให้จำเลยหลาบ จำจึงลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: อาฆาต พฤติการณ์ทำร้าย และการรับสารภาพ
ก่อนคดีนี้จำเลยเคยบุกรุกเข้าทำร้ายผู้เสียหายแล้วถูกศาลพิพากษาลงโทษ จำเลยได้พูดอาฆาตผู้เสียหายว่าจะฆ่าผู้เสียหาย วันเกิดเหตุเมื่อผู้เสียหายจอดรถที่หน้าบ้าน จำเลยตรงเข้าทำร้ายผู้เสียหายทันทีพร้อมกับพูดว่าวันนี้กูจะฆ่ามึง โดยไม่มีการพูดจาอะไรกัน แสดงให้เห็นถึงมูลเหตุและการตระเตรียมของจำเลยว่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพผิดตามฟ้องย่อมรวมถึงรับในข้อไตร่ตรองไว้ก่อนด้วย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4975/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: พฤติการณ์การแทงผู้ตาย 2 ครั้งบ่งชี้เจตนาฆ่า
จำเลยมีเรื่องโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน ในคืนเกิดเหตุจำเลยได้พกมีดปลายแหลมของกลางติดตัวไปในงานเลี้ยงทำขวัญนาค ที่บ้าน ส. แล้วจำเลยใช้มีดเล่มดังกล่าวแทงผู้ตาย 2 ครั้งโดยครั้งแรกแทงผู้ตายที่ชายโครงขวาด้านหลังด้านนอก ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญเป็นแผลแรก ขณะที่ผู้ตายยังไม่รู้ตัว และไม่ได้ต่อสู้ เมื่อผู้ตายรู้ตัวหันมาหาจำเลย ก็ถูกแทง เป็นแผลที่สองที่ชายโครงซ้ายด้านหน้าซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ อีกเช่นกันเป็นแผลฉกรรจ์ถึงขนาดลำไส้ทะลักออกมาให้เป็น และไม่อาจต่อสู้ได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยแทงผู้ตายเต็มแรง เพียงฝ่ายเดียว โดยผู้ตายไม่มีโอกาสต่อสู้ ฟังไม่ได้ว่า จำเลยแทงผู้ตายเพื่อป้องกันตัว แต่ฟังได้ว่าจำเลย แทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า
of 79