พบผลลัพธ์ทั้งหมด 283 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2592/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนที่ถูกต้อง: การพิจารณาโรงเรือนประเภทอุตสาหกรรม, ส่วนควบ, และการคืนเงินภาษีเกิน
โรงเรือนของโจทก์เป็นประเภทโรงงานโรงเรือนของบริษัทท.เป็นโรงเรือนธรรมดาสภาพของโรงเรือนไม่เหมือนกันพนักงานของจำเลยที่1นำอัตราค่าเช่าโรงเรือนของบริษัทท.ซึ่งให้บริษทข.เช่ามาเป็นเกณฑ์คำนวณค่ารายปีของบริษัทโจทก์ด้วยจึงไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงและที่โรงเรือนของบริษัทท.ให้เช่าได้เดือนละ100,000บาทก็เป็นเรื่องเฉพาะรายไม่ใช่อัตราค่าเช่าทั่วๆไปทั้งที่ดินและโรงเรือนดังกล่าวอยู่คนละถนนกันการที่พนักงานของจำเลยที่1แก้ไขค่ารายปีของโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียภาษีโรงเรือนเพิ่มขึ้นมากมายและอัตราส่วนที่เพิ่มก็ไม่แน่นอนดังนี้เป็นการประเมินเรียกเก็บภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสมควรให้ประเมินเพิ่มขึ้นปีละ20เปอร์เซนต์ตามทภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โรงพ่นสีของโจทก์ให้เป็นที่พ่นสีกระเบื้องลอนคู่มุงหลังคาบ้านภายในโรงงานมีแท่นสายพาน3แท่นยาวตลอดโรงงานติดตั้งถาวรกับเสาเหล็กมีกล่องเหล็กสำหรับอบความร้อนและพ่นสีหุ้นสายพานมีเครื่องพ่นสีติดตั้งอยู่เหนือแท่นสายพานมีเครื่องปั๊มลมอยู่ด้านหลังใกล้ๆเครื่องปั๊มลมมีเครื่องทำความร้อน3เครื่องและมีท่อระบายความร้อนผ่านเหนือแท่นสายพานโรงพ่นสีของโจทก์จึงเป็นโรงเรือนที่ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อให้ดำเนินอุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องของโจทก์ย่อมได้รับลดอย่อนค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามตามมาตรา13แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475หาจำต้องเป็นเครื่องจักรกลไกที่มีลักษณะเป็นเครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าด้วยไม่ โจทก์เป็นบริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าและประกอบการอุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องกระดาษเพื่อมุ่งหาผลกำไรสำนักกานนายช่างก็คือสถานที่ดำเนินงานของโจทก์ส่วนโรงอาหารก็จัดไว้เพื่อพนักงานของโจทก์หรือผู้ที่มาติดต่อธุรกิจกับโจทก์ส่วนสถานพยาบาลก็เป็นสถานที่สำหรับรักษาพยาบาลให้แก่พนักงานของโจทก์โดยเฉพาะถือได้ว่าโจทก์ใช้โรงเรือนดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมของโจทก์มิใช่อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาตามความหมายของมาตรา10แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475ที่แก้ไขแล้ว พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475มาตรา39วรรคสองมีความหมายว่าในกรณีที่โจทก์ฟ้องขอคืนเงินค่าภาษีส่วนที่โจทก์จำต้องชำรเกินไปและศาลพิพากษาให้คืนจำเลยก็ต้องคืนให้โจทก์ภายในกำหนด3เดือนนับแต่คำพิพากษาถึงที่สุดโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแต่ถ้าไม่คืนในกำหนดเวลาดังกล่าวจำเลยก็ต้องเสียดอกเบี้ย(ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี)ให้โจทก์โดยนับแต่วันครบกำหนด3เดือนจากวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีภาษีโรงเรือน: คดีที่คำขอได้ชัดเจนเป็นจำนวนเงินและไม่เกิน 20,000 บาท
คำฟ้องที่ขอให้ศาลพิพากษาว่าการประเมินภาษีโรงเรือนและคำชี้ขาดของจำเลยให้โจทก์ชำระค่าภาษีโรงเรือนเป็นเงิน5,400บาทไม่ถูกต้องก็คือให้ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามจำนวนที่จำเลยประเมินและมีคำชี้ขาดโจทก์จึงมีคำขอให้จำเลยคืนเงินภาษีโรงเรือนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยคิดให้โจทก์เสียเกินไปให้แก่โจทก์ด้วยหากศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีทุกข์ของโจทก์ย่อมปลดเปลื้องไปตามจำนวนเงินที่โจทก์ไม่ต้องชำระหนี้และได้รับเงินที่เสียเกินไปนั้นคืนฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามตาราง1ข้อ1ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648-1649/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ในการประเมินค่ารายปีเพื่อคำนวณภาษีโรงเรือนและที่ดิน ต้องพิจารณาจากค่าเช่าที่สมควรและมีเหตุผลสนับสนุน
กรณีที่จะเป็นการรับช่วงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ต้องเป็นกรณีที่ผู้ชำระหนี้รับช่วงสิทธิของผู้รับชำระหนี้มาฟ้องร้องเอาจากผู้ที่ตนชำระหนี้แทน แต่กรณีของคดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องจำเลยผู้รับชำระหนี้เสียเอง จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 229(3)
การที่ผู้เช่าชำระหนี้ค่าภาษีแทนผู้ให้เช่าในนามของผู้ให้เช่าตามความผูกพันในสัญญาเช่า ระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่า และพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ยอมรับชำระหนี้จากผู้เช่าแล้ว ถือได้ว่าผู้เช่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการชำระหนี้ เมื่อปรากฏว่าพนักงานเจ้าหน้าที่เรียกเก็บภาษีเกินไป ผู้เช่าย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกเงินภาษีส่วนที่อ้างว่าชำระเกินนั้นคืนได้ ถ้าหากได้ฟ้องคดีภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน มาตรา 8 กำหนดให้คิดค่าภาษีตามค่ารายปีของทรัพย์สิน ถ้าทรัพย์สินนั้นให้เช่าให้ใช้ค่าเช่าเป็นหลักคำนวณค่ารายปี แต่ได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานประเมินแก้หรือคำนวณค่ารายปีใหม่ได้เมื่อมีเหตุให้เห็นว่าค่าเช่าระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่าตามสัญญาเช่าไม่ใช่จำนวนเงินอันสมควรและมีข้อเท็จจริงว่าปรากฏเหตุเช่นนั้น หากค่าเช่าไม่ได้น้อยจนเกินสมควรหรือไม่มีเหตุที่น่าจะเห็นได้ว่าผู้ให้เช่าและผู้เช่าสมยอมกันแล้ว เจ้าพนักงานประเมินก็ต้องประเมินค่ารายปีเพื่อเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินตามจำนวนค่าเช่าที่ผู้เช่าชำระให้แก่ผู้ให้เช่า
การที่ผู้เช่าชำระหนี้ค่าภาษีแทนผู้ให้เช่าในนามของผู้ให้เช่าตามความผูกพันในสัญญาเช่า ระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่า และพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ยอมรับชำระหนี้จากผู้เช่าแล้ว ถือได้ว่าผู้เช่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการชำระหนี้ เมื่อปรากฏว่าพนักงานเจ้าหน้าที่เรียกเก็บภาษีเกินไป ผู้เช่าย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกเงินภาษีส่วนที่อ้างว่าชำระเกินนั้นคืนได้ ถ้าหากได้ฟ้องคดีภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน มาตรา 8 กำหนดให้คิดค่าภาษีตามค่ารายปีของทรัพย์สิน ถ้าทรัพย์สินนั้นให้เช่าให้ใช้ค่าเช่าเป็นหลักคำนวณค่ารายปี แต่ได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานประเมินแก้หรือคำนวณค่ารายปีใหม่ได้เมื่อมีเหตุให้เห็นว่าค่าเช่าระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่าตามสัญญาเช่าไม่ใช่จำนวนเงินอันสมควรและมีข้อเท็จจริงว่าปรากฏเหตุเช่นนั้น หากค่าเช่าไม่ได้น้อยจนเกินสมควรหรือไม่มีเหตุที่น่าจะเห็นได้ว่าผู้ให้เช่าและผู้เช่าสมยอมกันแล้ว เจ้าพนักงานประเมินก็ต้องประเมินค่ารายปีเพื่อเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินตามจำนวนค่าเช่าที่ผู้เช่าชำระให้แก่ผู้ให้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนภาษีโรงเรือนโดยไม่ขอประเมินใหม่ตามกฎหมาย
การที่โจทก์ฟ้องเรียกคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนที่โจทก์ได้ชำระให้จำเลยไปในปีภาษี 2520 และ 2522 โดยอ้างว่าโรงเรือนของโจทก์เป็นโรงเรือนที่ได้รับงดเว้นภาษีนั้น เป็นฟ้องที่ถือได้ว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีของเจ้าพนักงานในปีที่ขอคืนนั้นเป็นการไม่ชอบ เมื่อโจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าเงินค่าภาษีในปีที่โจทก์ขอคืนนั้น โจทก์มิได้ขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 25 และ 26 ของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาสู่ศาลตามที่กำหนดในมาตรา 31 ของกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนภาษีโรงเรือนโดยไม่ขอพิจารณาการประเมินใหม่ ขัดต่อก.ม.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
การที่โจทก์ฟ้องเรียกคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนที่โจทก์ได้ชำระให้จำเลยไปแล้วโดยอ้างว่าโรงเรือนของโจทก์เป็นโรงเรือนที่ได้รับงดเว้นภาษีนั้นเป็นฟ้องที่ถือได้ว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีของเจ้าพนักงานในปีที่ขอคืนนั้นเป็นการไม่ชอบในเมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันฟังเป็นยุติว่าเงินค่าภาษีในปีที่โจทก์ขอคืนนั้นโจทก์มิได้ขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา25และ26ของพ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาสู่ศาลตามที่กำหนดไว้ในมาตรา31ของกฎหมายดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4005/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดเว้นภาษีโรงเรือนต้องเป็นการอยู่อาศัยหรือมีผู้แทนรักษา ไม่ใช่ใช้เพื่อกิจการค้า
โจทก์จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้า ผลิต ซื้อ ขายซีเมนต์ โจทก์เป็นเจ้าของโรงเรือนพิพาท การที่โจทก์ใช้โรงเรือนพิพาทบางหลัง เป็นที่ทำงานฝ่ายบริหารติดต่อกับลูกค้ารายใหญ่และทำนิติกรรมสัญญา บางหลังเป็นห้องรับประทานอาหารของพนักงานของโจทก์บางหลังเป็นที่ติดตั้งเครื่องทำความเย็น และบางหลังเป็นโรงจอดรถของพนักงานของโจทก์นั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่ เฝ้ารักษาดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2475 มาตรา 3 โจทก์จึงมิได้รับงดเว้นการเสียภาษีโรงเรือนตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2528)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3540/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้พื้นที่โรงเรือนเพื่อธุรกิจ ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือน แม้ใช้เป็นสำนักงานหรือส่วนประกอบอื่น
โจทก์มีวัตถุประสงค์ประกอบอุตสาหกรรมผลิตปูนซิเมนต์เพื่อจำหน่ายการที่โจทก์ใช้อาคารพิพาทเป็นสำนักงานของโจทก์เอง หรือใช้เป็นโรงอาหาร โรงจอดรถ หรือเป็นห้องเครื่องทำความเย็น ก็ล้วนแต่เป็นการใช้อาคารเพื่อธุรกิจของโจทก์ หาใช่เป็นการอยู่เอง หรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษา และซึ่งมิได้ใช้เป็นที่ไว้สินค้าหรือประกอบอุตสาหกรรม อันจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือน ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมแล้วแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3540/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดเว้นภาษีโรงเรือน: การใช้พื้นที่เพื่อธุรกิจ vs. การอยู่อาศัยหรือรักษาความปลอดภัย
โจทก์มีวัตถุประสงค์ประกอบอุตสาหกรรมผลิตปูนซิเมนต์เพื่อจำหน่ายการที่โจทก์ใช้อาคารพิพาทเป็นสำนักงานของโจทก์เองหรือใช้เป็นโรงอาหาร โรงจอดรถ หรือเป็นห้องเครื่องทำความเย็นก็ล้วนแต่เป็นการใช้อาคารเพื่อธุรกิจของโจทก์ หาใช่เป็นการอยู่เอง หรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาและซึ่งมิได้ใช้เป็นที่ไว้สินค้าหรือ ประกอบอุตสาหกรรม อันจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือน ตามมาตรา10แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช 2475 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมแล้วแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน การลดหย่อนค่ารายปี และการเพิ่มค่าภาษีตามภาวะเศรษฐกิจ
อาคารของโจทก์มีทั้งโรงเรือนที่เป็นสำนักงานและโรงงานปะปนกันอยู่ ย่อมถือได้ว่าโจทก์ใช้โรงเรือนที่เป็นสำนักงานเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมของโจทก์ให้ลุล่วงไปด้วยดี มิใช่โจทก์อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาโรงเรือนของโจทก์ทั้งหมด จึงไม่ได้รับงดเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช 2475 มาตรา 10
การเพิ่มค่ารายปีย่อมขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ และควรคำนวณค่าภาษีที่จะต้องเสียโดยถือค่ารายปีของปีที่ล่วงแล้วเป็นหลักในการคำนวณมิใช่อยู่ในดุลยพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ประเมินภาษีฝ่ายเดียวที่จะกำหนดค่ารายปีเพิ่มขึ้นเท่าใดก็ได้ การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยกำหนดค่ารายปีสำหรับทรัพย์สินของโจทก์ขึ้นใหม่และคำนวณภาษีเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ล่วงแล้วมากมาย จึงไม่เป็นการถูกต้อง
ห้องเครื่องเป็นโรงเรือนที่โจทก์ติดตั้งเครื่องจักรสำหรับใช้ดูดผงซีเมนต์จากเรือบรรทุกปูนซีเมนต์ขึ้นเก็บในยุ้งเก็บซีเมนต์อันเป็นขั้นตอนในการประกอบอุตสาหกรรมผลิตสินค้าของโจทก์ ในการประเมินภาษีจึงต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้นตามมาตรา 13แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช 2475
การเพิ่มค่ารายปีย่อมขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ และควรคำนวณค่าภาษีที่จะต้องเสียโดยถือค่ารายปีของปีที่ล่วงแล้วเป็นหลักในการคำนวณมิใช่อยู่ในดุลยพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ประเมินภาษีฝ่ายเดียวที่จะกำหนดค่ารายปีเพิ่มขึ้นเท่าใดก็ได้ การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยกำหนดค่ารายปีสำหรับทรัพย์สินของโจทก์ขึ้นใหม่และคำนวณภาษีเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ล่วงแล้วมากมาย จึงไม่เป็นการถูกต้อง
ห้องเครื่องเป็นโรงเรือนที่โจทก์ติดตั้งเครื่องจักรสำหรับใช้ดูดผงซีเมนต์จากเรือบรรทุกปูนซีเมนต์ขึ้นเก็บในยุ้งเก็บซีเมนต์อันเป็นขั้นตอนในการประกอบอุตสาหกรรมผลิตสินค้าของโจทก์ ในการประเมินภาษีจึงต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้นตามมาตรา 13แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช 2475
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน: การลดหย่อนค่ารายปี, การเพิ่มค่าภาษี, และการพิจารณาค่าเช่าที่สมควร
อาคารของโจทก์มีทั้งโรงเรือนที่เป็นสำนักงานและโรงงานปะปนกันอยู่ ย่อมถือได้ว่าโจทก์ใช้โรงเรือนที่เป็นสำนักงานเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมของโจทก์ให้ลุล่วงไปด้วยดี มิใช่โจทก์อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาโรงเรือนของโจทก์ทั้งหมดจึงไม่ได้รับงดเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช 2475 มาตรา 10 การเพิ่มค่ารายปีย่อมขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและควรคำนวณค่าภาษีที่จะต้องเสียโดยถือค่ารายปีของปีที่ล่วงแล้วเป็นหลักในการคำนวณมิใช่อยู่ในดุลยพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ประเมินภาษีฝ่ายเดียวที่จะกำหนดค่ารายปีเพิ่มขึ้นเท่าใดก็ได้ การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยกำหนดค่ารายปีสำหรับทรัพย์สินของโจทก์ขึ้นใหม่และคำนวณภาษีเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ล่วงแล้วมากมาย จึงไม่เป็นการถูกต้อง ห้องเครื่องเป็นโรงเรือนที่โจทก์ติดตั้งเครื่องจักรสำหรับใช้ดูดผงซีเมนต์จากเรือบรรทุกปูนซีเมนต์ขึ้นเก็บในยุ้งเก็บซีเมนต์อันเป็นขั้นตอนในการประกอบอุตสาหกรรมผลิตสินค้าของโจทก์ ในการประเมินภาษีจึงต้องลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้นตามมาตรา 13แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช 2475