คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ภูมิลำเนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายแจ้งการขายทอดตลาดไปยังที่ตั้งสำนักงานใหญ่ที่จดทะเบียน แม้มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของแต่ยังมิได้จดทะเบียนแก้ไข ถือเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมาย
ก่อนการขายทอดตลาดเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งวันนัดขายทอดตลาดให้จำเลยทราบแล้ว โดยส่งประกาศขายทอดตลาดไปยังที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของจำเลยที่จดทะเบียนไว้ในหนังสือรับรองท้ายฟ้องแม้จำเลยจะอ้างว่าสำนักงานใหญ่ได้ขายให้ผู้อื่นไปแล้ว แต่จำเลยไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของจำเลยแต่อย่างใด จึงถือว่าภูมิลำเนาอันเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของจำเลยยังคงอยู่ตามที่ได้จดทะเบียนไว้ในหนังสือรับรองท้ายฟ้องดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งหมายต่าง ๆ ให้แก่จำเลยณ ภูมิลำเนาที่จดทะเบียนในหนังสือรับรองท้ายฟ้อง จึงเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7397/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาทนายความและการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาโดยชอบด้วยกฎหมาย
ทนายความโจทก์ย่อมอยู่ในฐานะโจทก์ การที่ ส. ทนายโจทก์ระบุภูมิลำเนาใหม่ไว้ท้ายคำฟ้องอุทธรณ์ โดยมิได้มีการแจ้งแก้ไขเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาที่ระบุไว้ในใบแต่งทนายความต่อศาลชั้นต้นเท่ากับ ส. ยินยอมให้ถือว่าภูมิลำเนาแห่งใหม่ที่ระบุไว้ท้ายคำฟ้องอุทธรณ์นั้นเป็นภูมิลำเนาของ ส. อีกแห่งหนึ่งซึ่งศาลอาจส่งหมายเรียกหรือหมายนัดได้นับแต่ยื่นอุทธรณ์เป็นต้นไปกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 เดิมซึ่งให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของ ส. เมื่อพนักงานเดินหมายไม่อาจส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2ให้ ส. ทนายโจทก์โดยวิธีธรรมดา จึงได้ปิดหมายนัดไว้ที่บ้านตามภูมิลำเนาที่ระบุไว้ท้ายคำฟ้องอุทธรณ์ตามคำสั่งศาลชั้นต้นแล้วการส่งหมายนัดจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 74(2) ประกอบมาตรา 79

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7233/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการเพิกถอนกระบวนพิจารณา
จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 1836/115 ส่วนบ้านเลขที่1836/116 นั้นไม่มีชื่อจำเลยอยู่ในสำเนาทะเบียนบ้านจึงไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลยหรือสำนักทำการงานของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายไปปิดหมายนัดแจ้งกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว จึงเป็นการปิดหมายที่ไม่ชอบด้วยป.วิ.พ.มาตรา 77, 79 ถึงแม้จะปรากฏว่า ส.จะเคยแจ้งแก่เจ้าพนักงานศาลว่าจำเลยอยู่ ณ บ้านเลขที่ 1836/116 แต่ ส.มิใช่คู่ความ ไม่มีอำนาจจะแจ้งแถลงไขความดังกล่าว จึงไม่ผูกมัดจำเลยในอันจะฟังว่าจำเลยมีภูมิลำเนาหรือภูมิลำเนาเฉพาะกาล ณ บ้านเลขที่ดังกล่าว ที่จะมีผลให้การปิดหมายของพนักงานเดินหมายเป็นการปิดโดยชอบ การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังไปฝ่ายเดียวโดยที่จำเลยไม่ทราบนัดและไม่มาศาลนั้น จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้กระบวนพิจารณาหลังจากนั้นต่อมาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย ชอบที่จะต้องเพิกถอนเสียตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7233/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้การพิจารณาคดีทั้งหมดเป็นโมฆะ จำเป็นต้องเริ่มกระบวนการใหม่
จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 1836/115 ส่วนบ้านเลขที่ 1836/116 นั้นไม่มีชื่อจำเลยอยู่ในสำเนาทะเบียนบ้านจึงไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลยหรือสำนักทำการงานของจำเลยการที่พนักงานเดินหมายไปปิดหมายนัดแจ้งกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว จึงเป็นการปิดหมายที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 77,79 ถึงแม้จะปรากฎว่าส.จะเคยแจ้งแก่เจ้าพนักงานศาลว่าจำเลยที่อยู่ ณ บ้านเลขที่ 1836/116 แต่ส.มิใช่คู่ความไม่มีอำนาจจะแจ้งแถลงไขความดังกล่าว จึงไม่ผูกมัดจำเลยในอันจะฟังว่าจำเลยมีภูมิลำเนาหรือภูมิลำเนาเฉพาะกาลณ บ้านเลขที่ดังกล่าว ที่จะมีผลให้การปิดหมายของพนักงานเดินหมายเป็นการปิดโดยชอบ การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังไปฝ่ายเดียวโดยที่จำเลยไม่ทราบนัดและไม่มาศาลนั้น จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้กระบวนพิจารณาหลังจากนั้นต่อมาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยชอบที่จะต้องเพิกถอนเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5445/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระค่าเช่า ณ ภูมิลำเนาเจ้าหนี้ และผลของการผิดนัดชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ตามสัญญาเช่าที่พิพาทระหว่างโจทก์และ ส. มิได้ระบุเรื่องสถานที่ชำระค่าเช่าไว้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 324บัญญัติว่าต้องชำระหนี้ ณ สถานที่ซึ่งเป็นภูมิลำเนาปัจจุบันของเจ้าหนี้ ฉะนั้นแม้ทางปฏิบัติ ส. จะให้คนไปเก็บค่าเช่าก็เป็นเพียงข้อปฏิบัติระหว่างโจทก์และ ส. เท่านั้น เมื่อจำเลยทั้งสองเป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาท ทำให้จำเลยทั้งสองมีฐานะเป็นผู้ให้เช่า ข้อปฏิบัติระหว่างโจทก์และ ส. หาโอนมาด้วยเพราะไม่ใช่สิทธิและหน้าที่ซึ่งเกิดขึ้นตามสัญญาเช่า การที่โจทก์นำค่าเช่าไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ชำระค่าเช่ายังภูมิลำเนาปัจจุบันของจำเลยแล้วโจทก์จึงผิดนัดชำระค่าเช่า สำนวนคดีที่สองซึ่งรวมพิจารณากับคดีนี้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิพากษาคดีในส่วนที่เกี่ยวกับสำนวนคดีที่สองให้เป็นโทษแก่โจทก์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับสำนวนคดีที่สอง จึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3709/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาของจำเลยและการฟ้องคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจ
จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร โจทก์ติดต่อว่าจ้างบรรทุกหินรายพิพาทกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1ที่หน่วยงานสร้างทางอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีลักษณะเป็นสำนักงานของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงมีหลักแหล่งที่ทำการงานเป็นปกติหลายแห่งถือได้ว่าสำนักงานดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลยที่ 2 เมื่อมูลความ-แห่งคดีไม่อาจแบ่งแยกได้ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพ-มหานครและจำเลยที่ 2 ต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (2)และ มาตรา 5 วรรคสอง (เดิม) ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3709/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: ภูมิลำเนาของกรรมการบริษัทเป็นหลักฐานการมีภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งได้
จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร โจทก์ติดต่อว่าจ้างบรรทุกหินรายพิพาทกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ที่หน่วยงานสร้างทางอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีลักษณะเป็นสำนักงานของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2จึงมีหลักแหล่งที่ทำการงานเป็นปกติหลายแห่งถือได้ว่าสำนักงานดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลยที่ 2 เมื่อมูลความแห่งคดีไม่อาจแบ่งแยกได้ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยที่ 1ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานครและจำเลยที่ 2 ต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(2) และมาตรา 5 วรรคสอง (เดิม) ซึ่งเป็นบทบัญญัติใช้บังคับขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2528/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้สถานที่ทำการเดิมถูกรื้อถอน และการจงใจขาดนัดพิจารณาคดี
ภูมิลำเนาของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71(เดิม) ได้แก่ถิ่นที่สำนักงานแห่งใหญ่หรือที่ตั้งทำการหรือถิ่นที่ได้เลือกเอาเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการตามข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้ง คือ บ้านเลขที่3642-3646 ส่วนจำเลยที่ 2 ที่อ้างว่าอยู่บ้านเลขที่ 1723 ตามสำเนาทะเบียนบ้านนั้น แม้บ้านดังกล่าวถือได้ว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ย่อมเป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนหรือแสดงความประสงค์แทนจำเลยที่ 1 ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 75(เดิม) ถือได้ว่า จำเลยที่ 2 มีหลักแหล่งที่ทำการเป็นปกติณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 อีกแห่งจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2ด้วย เมื่อโจทก์ขอให้ส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกแก่จำเลยทั้งสองที่สำนักงานแห่งใหญ่ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการส่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74(2) แต่เมื่อส่งไม่ได้เนื่องจากสถานที่สำนักงานดังกล่าวถูกรื้อไปแล้วและไม่ปรากฏมีการแจ้งย้ายไปอยู่สำนักงานแห่งใหญ่ที่ใหม่ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2ได้แจ้งให้โจทก์ทราบถึงภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลยที่ 2 จึงเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยได้โดยวิธีธรรมดา ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79วรรคหนึ่ง ก็ได้บัญญัติทางแก้โดยให้ลงโฆษณาหรือทำวิธีอื่นใดตามที่ศาลเห็นสมควร การที่โจทก์ขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์ จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ภูมิลำเนาทนายจำเลยชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยมิได้โต้แย้ง
พนักงานเดินหมายบันทึกการส่งหมายว่าไม่พบทนายจำเลยพบแต่คนในบ้านสอบถามได้ความว่าทนายจำเลยไปธุระที่กรุงเทพมหานคร ไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อใด จำเลยมิได้นำสืบหักล้างว่าบันทึกการส่งหมายดังกล่าวไม่ถูกต้อง ตามบันทึกดังกล่าวแสดงว่าทนายจำเลยยังอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 48การที่ทนายจำเลยยังอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 48 ก็ดี การที่ทนายจำเลยไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่บ้านซึ่งเป็นสำนักงานแห่งใหม่ก็ดี ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ทนาย-จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 48 ด้วย ฉะนั้น การปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 79 ถือว่าจำเลยทราบวันนัดแล้วการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นจึงชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ภูมิลำเนาทนายความ แม้มีการย้ายสำนักงานแล้ว ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย
พนักงานเดินหมายบันทึกการส่งหมายว่าไม่พบทนายจำเลย พบแต่คนในบ้านสอบถามได้ความว่าทนายจำเลยไปธุระที่กรุงเทพมหานครไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อใด จำเลยมิได้นำสืบหักล้างว่าบันทึกการส่งหมายดังกล่าวไม่ถูกต้อง ตามบันทึกดังกล่าวแสดงว่าทนายจำเลยยังอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 48 การที่ทนายจำเลยยังอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 48 ก็ดี การที่ทนายจำเลยไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่บ้านซึ่งเป็นสำนักงานแห่งใหม่ก็ดี ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทนายจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 48 ด้วย ฉะนั้น การปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ถือว่าจำเลยทราบวันนัดแล้ว การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นจึงชอบด้วยกฎหมาย
of 39