พบผลลัพธ์ทั้งหมด 543 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 845/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง, อายุความสะดุดหยุด, ความรับผิดทางละเมิดและยักยอกทรัพย์
อัยการฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ศาลพิพากษาว่าจำเลยยักยอกเงินค่าจ้างแรงงานแต่มิได้ยักยอกน้ำมันและยางรถยนต์ คำพิพากษานี้ผูกพันคดีแพ่งที่ผู้เสียหายฟ้องจำเลยฐานละเมิด ศาลฟังว่าจำเลยยักยอกต้องใช้เงินค่าจ้างแรงงานแก่ผู้เสียหายเท่านั้น อายุความในคดีแพ่งสะดุดหยุดอยู่ระหว่างพิจารณาคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรค 2 คดีแพ่งไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3091-3092/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์: การกระทำผิดเป็นกรรม ๆ ไปตามจำนวนครั้งที่กระทำ
เจ้าอาวาสเจ้าของโรงเรียนมอบอำนาจให้ผู้มีชื่อไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยทุจริตยักยอกเงินของโรงเรียน เป็นการร้องทุกข์โดยถูกต้องแล้ว เจ้าอาวาสเบิกความต่อศาลว่า ที่ให้ไปแจ้งความก็เพื่อให้ได้เงินคืน ไม่ต้องการให้จำเลยรับโทษทางอาญา ไม่ทำให้การแจ้งความร้องทุกข์ที่ได้กระทำไว้แล้วโดยชอบเสียไป และไม่ใช่ถอนคำร้องทุกข์ด้วย
เมื่อสิ้นภาคเรียนจำเลยมีหน้าที่ต้องนำเงินของโรงเรียนมอบให้เจ้าอาวาสทุกครั้งไป ครั้งใดจำเลยไม่ส่งมอบแต่กลับยักยอกเอาเป็นประโยชน์ของตนเสีย ก็เป็นความผิดฐานยักยอกสำหรับครั้งนั้นสำเร็จขาดตอนไปเป็นกรรมหนึ่ง การยักยอกของจำเลยจึงเป็นความผิดเป็นกรรม ๆ ไปตามจำนวนครั้งที่จำเลยกระทำการยักยอก
เมื่อสิ้นภาคเรียนจำเลยมีหน้าที่ต้องนำเงินของโรงเรียนมอบให้เจ้าอาวาสทุกครั้งไป ครั้งใดจำเลยไม่ส่งมอบแต่กลับยักยอกเอาเป็นประโยชน์ของตนเสีย ก็เป็นความผิดฐานยักยอกสำหรับครั้งนั้นสำเร็จขาดตอนไปเป็นกรรมหนึ่ง การยักยอกของจำเลยจึงเป็นความผิดเป็นกรรม ๆ ไปตามจำนวนครั้งที่จำเลยกระทำการยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2361/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเงินค่าโอนสิทธิการเช่า จำเลยไม่ใช่ตัวแทนโจทก์ เป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์
โจทก์เป็นผู้ถือสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ของการเคหะแห่งชาติ และตกลงให้จำเลยจัดหาคนมารับโอนสิทธิการเช่าในราคา 150,000 บาท ถ้าจำเลยจัดหาคนรับโอนสิทธิการเช่าได้ราคาเกินกว่านั้น เงินส่วนที่เกินเป็นของจำเลย เมื่อจำเลยจัดหาผู้รับโอนสิทธิการเช่าได้ในราคา 195,000 บาท แต่จำเลยส่งมอบเงินให้โจทก์เพียง 80,000 บาท ส่วนที่เหลือ 70,000 บาท จำเลยเอาไว้เป็นของตนเสีย การที่จำเลยโอนสิทธิการเช่าและรับเงินจากผู้รับโอนสิทธิการเช่าไว้ จึงเป็นการรับเงินจากบุคคลที่สาม ซึ่งจำเลยมีความผูกพันตามสัญญาที่จะต้องชดใช้เงินแก่โจทก์ 150,000 บาทเท่านั้น มิใช่จำเลยได้รับมอบหมายหรือครอบครองเงินดังกล่าวไว้แทนโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานยักยอกทรัพย์ ศาลฎีกาชี้ว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้รายละเอียดการกระทำผิดจะนำสืบในชั้นพิจารณา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจาก นาย อ. ผู้เสียหายให้เป็นผู้จัดการและเป็นผู้ดูแลโรงงานผลิตรองเท้าพลาสติค พีวีซี และมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษารับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายในโรงงานดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2517 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ (มีรายละเอียดตามฟ้อง) รวมราคาทั้งสิ้น 218,000 บาท ของผู้เสียหาย ซึ่งได้มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้สำหรับใช้และผลิตขึ้นในโรงงานดังกล่าวข้างต้นไปเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยทุจริต ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) และองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 แล้ว ส่วนจำเลยทั้งสองจะได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตอย่างไรเป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานยักยอกทรัพย์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม แม้จำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์สินเป็นของตน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจาก นาย อ. ผู้เสียหายให้เป็นผู้จัดการและเป็นผู้ดูแลโรงงานผลิตรองเท้าพลาสติคพีวีซี และมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษารับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายในโรงงานดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อวันที่12 กันยายน 2517 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ (มีรายละเอียดตามฟ้อง) รวมราคาทั้งสิ้น 218,000 บาท ของผู้เสียหายซึ่งได้มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้สำหรับใช้และผลิตขึ้นในโรงงานดังกล่าวข้างต้นไปเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยทุจริต ดังนี้ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)และครบองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แล้ว ส่วนจำเลยทั้งสองจะได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตอย่างไร เป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายสุกรผิดสัญญา ไม่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์
จำเลยมีอาชีพรับซื้อสุกรไปขายจำเลยได้รับสุกรจากโจทก์ไปเพื่อขาย โดยกำหนดราคาสุกรไว้ หากจำเลยขายสุกรได้สูงกว่าราคาที่กำหนดส่วนที่เกินตกเป็นของจำเลยและโจทก์ตกลงให้ค่าจ้างแก่จำเลยอีกร้อยละห้าของราคาสุกรด้วยจำเลยขายสุกรของโจทก์ได้เงินแล้วจำเลยขอผัดผ่อนยังไม่ส่งเงินค่าสุกรที่ขายได้ตามกำหนดที่นัดไว้โจทก์ก็ยอมให้จำเลยผัดไปหลายครั้งดังนี้ เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งไม่ใช่เป็นเรื่องจำเลยมีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนแล้วได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของโจทก์และกระทำผิดหน้าที่อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความรับเงินแทนตัวความ: เงินที่รับโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นยักยอกทรัพย์
ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความ เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความ
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความรับเงินแทนตัวความ: เงินที่รับโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นยักยอกทรัพย์
ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆแทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความ เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความ
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3293/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสารเบิกจ่ายเงินและยักยอกทรัพย์โดยการหักชำระหนี้
จำเลยเป็นข้าราชการ ตำแหน่งนายช่างควบคุมหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกงสังกัดกรมชลประทานมีหน้าที่ควบคุมดูแลการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง จัดซื้อดูแลรักษาพัสดุและน้ำมันเชื้อเพลิงและควบคุมการใช้จ่ายเงินตลอดทั้งเบิกเงินและจ่ายเงินให้แก่คนงาน จำเลยร่วมกับค. พนักงานบัญชีปลอมเอกสารบัญชีรายชื่อคนงาน และลายมือชื่อคนงาน และใช้เอกสารปลอมดังกล่าวไปเบิกเงินค่าแรง เมื่อได้รับเงินที่เบิกตามเอกสารดังกล่าวแล้ว จำเลยก็ลงชื่อเป็นผู้จ่ายเงิน และ ค. ลงชื่อเป็นพยานในเอกสาร โดยไม่ได้มีการจ่ายเงินค่าแรงนั้นให้แก่บุคคลที่มีชื่อในเอกสาร แต่จำเลยเบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ดังนี้ การที่จำเลยปลอม ใช้เอกสารปลอมและรับรองข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารดังกล่าวข้างต้น ก็โดยมีเจตนาเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังเงินค่าแรงที่เบิกมาเป็นประโยชน์ส่วนตัว การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
เดิมห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่โดยทางราชการได้ขอยืมวัสดุและสิ่งของมาเพื่อใช้ประโยชน์ ต่อมาจำเลยซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เพื่อใช้ราชการในหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง แต่ไม่ได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อไป คงฝากไว้ที่ห้างฯ เพราะที่หน่วยก่อสร้างไม่มีที่เก็บน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อต้องการใช้ก็จะไปรับน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างฯ ดังกล่าวเป็นคราว ๆ ตามหลักฐานใบนำส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของห้างฯ ปรากฏว่าได้ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อให้หน่วยก่อสร้างครบถ้วนแล้ว แต่ความจริงหน่วยก่อสร้างได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ครบ เพราะมีการหักชำระหนี้ซึ่งห้างฯ เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่ การที่จำเลยไม่ตั้งงบประมาณและเบิกเงินจากจากงบประมาณมาชำระหนี้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. กลับเอาน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกงไปชำระหนี้ให้แก่ห้างฯ ดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงปฏิบัติผิดระเบียบของทางราชการเท่านั้น ไม่เป็นการเบียดบังน้ำมันเชื้อเพลิง อันจะเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เบียดบังยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
เดิมห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่โดยทางราชการได้ขอยืมวัสดุและสิ่งของมาเพื่อใช้ประโยชน์ ต่อมาจำเลยซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เพื่อใช้ราชการในหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง แต่ไม่ได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อไป คงฝากไว้ที่ห้างฯ เพราะที่หน่วยก่อสร้างไม่มีที่เก็บน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อต้องการใช้ก็จะไปรับน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างฯ ดังกล่าวเป็นคราว ๆ ตามหลักฐานใบนำส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของห้างฯ ปรากฏว่าได้ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อให้หน่วยก่อสร้างครบถ้วนแล้ว แต่ความจริงหน่วยก่อสร้างได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ครบ เพราะมีการหักชำระหนี้ซึ่งห้างฯ เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่ การที่จำเลยไม่ตั้งงบประมาณและเบิกเงินจากจากงบประมาณมาชำระหนี้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. กลับเอาน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกงไปชำระหนี้ให้แก่ห้างฯ ดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงปฏิบัติผิดระเบียบของทางราชการเท่านั้น ไม่เป็นการเบียดบังน้ำมันเชื้อเพลิง อันจะเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เบียดบังยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2885/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้ทรัพย์: ศาลไม่อาจเพิกถอนได้ แม้บุตรแจ้งความกล่าวหายักยอกทรัพย์ และสาบานต่อหน้าสาธารณชน เพราะเป็นเรื่องของการเรียกร้องทรัพย์คืน ไม่ใช่การทำให้เสียชื่อเสียง
มารดายกทรัพย์ให้บุตร ต่อมาบุตรกับมารดาเถียงกันเรื่องเข็มขัดทองเป็นของมารดาหรือของบุตร บุตรแจ้งความต่อตำรวจว่ามารดายักยอกทรัพย์และขอให้อัยการฟ้องมารดาเรียกเข็มขัดทองนั้น มารดาสาบานต่อหน้าพระตามคำท้า มีบุคคลหลายคนเห็นเป็นแต่มารดาสมัครใจสาบานตามคำท้าในศาลเอง ไม่เป็นหมิ่นประมาทมารดาที่จะเพิกถอนการให้
มารดายังมีสวนมะพร้าวและตัดจากขาย มีรถยนต์บรรทุกจากขายไม่ใช่ผู้ยากไร้ที่บุตรจะต้องช่วย
มารดายังมีสวนมะพร้าวและตัดจากขาย มีรถยนต์บรรทุกจากขายไม่ใช่ผู้ยากไร้ที่บุตรจะต้องช่วย