พบผลลัพธ์ทั้งหมด 223 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้จอดรถในปั๊มน้ำมัน และอำนาจในการรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัย
การที่จำเลยยินยอมให้บุคคลอื่นนำรถเข้าไปจอดในบริเวณปั๊มน้ำมันของจำเลย โดยปั๊มได้รับเงินค่าจอดเป็นประโยชน์ตอบแทนเมื่อปั๊มปิดจะมีรั้วเหล็กปิดกั้นหน้าปั๊มใส่กุญแจมีคนเฝ้าปั๊มไว้ด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าทางปั๊มได้รับมอบทรัพย์สินไว้เพื่อดูแลเก็บรักษาไว้ในอารักขาของตน เป็นการรับฝากทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 แม้ทางปั๊มจะมีประกาศว่าให้เช่าเป็นที่จอดรถ รวมทั้งระบุข้อความในใบรับเงินและเงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งไม่ต้องรับผิดก็เป็นการกระทำของจำเลยฝ่ายเดียว บุคคลภายนอก มิได้มีข้อตกลงตามนั้น อันจะทำให้เกิดผลเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติ ของจำเลยที่ 1 ไปในรูปลักษณะของนิติกรรมอย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่ลักษณะ ของการรับฝากทรัพย์
ตามกรมธรรม์ประกันภัยกำหนดให้บริษัทอยู่ยนต์ จำกัดเป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับค่าเสียหาย บริษัทดังกล่าวจึงอยู่ในฐานะของผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะความวินาศภัยอันเกิดจากการกระทำของบุคคลอื่นแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจที่จะเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 880
ตามกรมธรรม์ประกันภัยกำหนดให้บริษัทอยู่ยนต์ จำกัดเป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับค่าเสียหาย บริษัทดังกล่าวจึงอยู่ในฐานะของผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะความวินาศภัยอันเกิดจากการกระทำของบุคคลอื่นแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจที่จะเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 880
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2949/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัย: โจทก์ขาดสิทธิเรียกร้องจากจำเลยในส่วนที่ได้รับชดใช้ค่าสินไหม
รถของโจทก์ถูกรถของจำเลยชนได้รับความเสียหายบริษัทประกันภัยซึ่งรับประกันภัยรถของโจทก์ไว้ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์แล้วบริษัทประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้สิทธิเรียกร้องจากจำเลยเท่าจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่ได้ใช้ไปและการเข้าสู่ ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธินี้เป็นไปด้วยอำนาจของกฎหมายแม้บริษัทประกันภัยจะยังไม่ได้ใช้สิทธิเรียกร้องจากจำเลยตามสิทธิที่ได้รับช่วงมาโจทก์ก็ขาดสิทธิที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยในส่วนที่ได้รับชดใช้จากบริษัทประกันภัยเพราะสิทธิเรียกร้องดังกล่าวบริษัทประกันภัยได้รับช่วงไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2464/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องรับช่วงสิทธิจากสัญญาประกันภัย ไม่ต้องมีหลักฐานหนังสือตามมาตรา 867 วรรคแรก และการรับฟังพยานบุคคลแทนเอกสาร
โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยฟ้องจำเลยผู้ก่อวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 ไม่ใช่ฟ้องร้องบังคับคดีตามสัญญาประกันภัยจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคแรกอันจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือของฝ่ายที่ต้องรับผิดมาแสดงจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้และไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะมิใช่กรณีมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง
โจทก์อ้างว่าต้นฉบับกรมธรรม์ประกันภัยอยู่ที่บริษัท ส.ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจากบริษัท ส. บริษัท ส. แจ้งว่ายังค้นหาเอกสารไม่พบโจทก์ย่อมมีสิทธินำสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลเข้าสืบถึงการรับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ซ. 4500 คันเกิดเหตุจากบริษัท ส. ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา123
โจทก์อ้างว่าต้นฉบับกรมธรรม์ประกันภัยอยู่ที่บริษัท ส.ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจากบริษัท ส. บริษัท ส. แจ้งว่ายังค้นหาเอกสารไม่พบโจทก์ย่อมมีสิทธินำสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลเข้าสืบถึงการรับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ซ. 4500 คันเกิดเหตุจากบริษัท ส. ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา123
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2464/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องรับช่วงสิทธิจากสัญญาประกันภัย: ไม่ต้องใช้หลักฐานหนังสือตาม ม.867 หากมิใช่การฟ้องบังคับตามสัญญา
โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยฟ้องจำเลยผู้ก่อวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 ไม่ใช่ฟ้องร้องบังคับคดีตามสัญญาประกันภัยจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคแรก อันจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือของฝ่ายที่ต้องรับผิดมาแสดงจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้และไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะมิใช่กรณีมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง
โจทก์อ้างว่าต้นฉบับกรมธรรม์ประกันภัยอยู่ที่บริษัท ส.ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจากบริษัท ส.บริษัทส. แจ้งว่ายังค้นหาเอกสารไม่พบโจทก์ย่อมมีสิทธินำสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลเข้าสืบถึงการรับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ซ.4500 คันเกิดเหตุจากบริษัท ส. ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา123
โจทก์อ้างว่าต้นฉบับกรมธรรม์ประกันภัยอยู่ที่บริษัท ส.ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจากบริษัท ส.บริษัทส. แจ้งว่ายังค้นหาเอกสารไม่พบโจทก์ย่อมมีสิทธินำสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลเข้าสืบถึงการรับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ซ.4500 คันเกิดเหตุจากบริษัท ส. ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา123
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัย แม้ยังไม่ได้จ่ายให้ผู้เสียหาย: ไม่ใช่การรับช่วงสิทธิ
ผู้เอาประกันภัยฟ้องให้ผู้รับประกันภัยรับผิดตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนได้ แม้ว่าผู้เอาประกันภัยยังไม่ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการละเมิดของลูกจ้างผู้เอาประกันภัยเพราะกรณีนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องรับช่วงสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันจากการยักยอกเงินและสิทธิในการไล่เบี้ยของผู้รับช่วงสิทธิ
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันยักยอกเงินของสหกรณ์ ไป ต้องร่วมกันรับผิดชอใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นแก่สหกรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 วรรคแรก ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่มีพฤติการณ์ที่จะต้องรับผิดยิ่งหย่อนกว่ากันจึงต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กันตามมาตรา 432 วรรคสาม เมื่อโจทก์ได้ชำระเงินที่ยักยอกให้สหกรณ์ฯ ไป ย่อมรับช่วงสิทธิของสหกรณ์ฯ มาไล่เบี้ยเอากับจำเลยที่ 1 ได้ตามมาตรา 229 (3), 266 การที่โจทก์ใช้เงินคืนแก่สหกรณ์ฯ ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน โจทก์ฟ้องเรียกเงินส่วนที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อสหกรณ์ฯ จากจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ได้ชำระให้ไปแล้ว มิใช่ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 ยักยอกมา จึงไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายและถือไม่ได้ว่าเป็นการมาศาลด้วยมืออันไม่บริสุทธิ์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ในการเข้าทำงานกับสหกรณ์ฯ เมื่อหนี้ที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นต่อสหกรณ์ฯ นี้เป็นหนี้ที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันแล้ว โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิจากสหกรณ์ จึงใช้สิทธิของสหกรณ์ฯ บังคับเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ได้ตามมาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันในการยักยอกทรัพย์ การรับช่วงสิทธิ และการบังคับค้ำประกัน
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันยักยอกเงินของสหกรณ์ฯไป ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นแก่สหกรณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 วรรคแรก ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่มีพฤติการณ์ที่จะต้องรับผิดยิ่งหย่อนกว่ากันจึงต้องรับผิดเป็นส่วนเท่าๆกันตามมาตรา 432 วรรคสาม เมื่อโจทก์ได้ชำระเงินที่ยักยอกให้สหกรณ์ฯ ไป ย่อมรับช่วงสิทธิของสหกรณ์ฯ มาไล่เบี้ยเอากับจำเลยที่ 1 ได้ตามมาตรา 229(3),226การที่โจทก์ใช้เงินคืนแก่สหกรณ์ฯ ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนโจทก์ฟ้องเรียกเงินส่วนที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อสหกรณ์ฯ จากจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ได้ชำระให้ไปแล้วมิใช่ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 ยักยอกมาจึงไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายและถือไม่ได้ว่าเป็นการมาศาลด้วยมืออันไม่บริสุทธิ์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ในการเข้าทำงานกับสหกรณ์ฯ เมื่อหนี้ที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นต่อสหกรณ์ฯ นี้เป็นหนี้ที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันแล้ว โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิจากสหกรณ์ จึงใช้สิทธิของสหกรณ์ฯ บังคับเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ได้ตามมาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิในคดีทดแทนค่าเสียหายจากอุบัติเหตุแรงงาน
การรับช่วงสิทธิจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยอำนาจกฎหมายต้องเป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะโจทก์จ่ายเงินทดแทนแก่ลูกจ้างตามกฎหมายแรงงานอันเป็นกฎหมายพิเศษใช้บังคับระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างกรณีที่ลูกจ้างประสบอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างไม่ได้บัญญัติให้สิทธิแก่นายจ้างเรียกเอาเงินทดแทนนั้นคืนจากผู้ทำละเมิดต่อลูกจ้างโจทก์จึงไม่อาจอ้างการรับช่วงสิทธิมาฟ้องเรียกร้องจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกันภัยรถยนต์: การรับช่วงสิทธิหลังสัญญาประนีประนอมยอมความไม่เป็นผล
เมื่อรถชนกันแล้ว เจ้าของรถบรรทุกซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย แต่เมื่อจำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว ความผูกพันตามสัญญาประกันภัยซึ่งโจทก์จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าของรถบรรทุกย่อมจะยังไม่ระงับไป เมื่อโจทก์จ่ายค่าซ่อมรถไปแล้วย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยได้ตามจำนวนเงินที่โจทก์ได้จ่ายไปจริงและไม่เกินจำนวนที่เจ้าของรถบรรทุกมีสิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิจากประกันภัยและการรับฝากทรัพย์ที่จำเลยต้องรับผิด
โจทก์ที่ 2 เช่าซื้อรถยนต์จากบริษัท ช. แล้วเอาประกันภัยไว้กับโจทก์ที่ 1 ระบุให้บริษัท ช. เป็นผู้รับประโยชน์ มีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 ก่อนบริษัท ช. แสดงเจตนาเข้าถือเอาประโยชน์ รถที่เช่าซื้อสูญหายไป และโจทก์ที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 โดยตรงแล้ว จึงเป็นกรณีที่คู่สัญญาประกันภัยเปลี่ยนแปลงข้อตกลงระหว่างกันแล้ว โจทก์ที่ 1 ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของโจทก์ที่ 2 ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามมาตรา 880 มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในนามของตนเองจากลูกหนี้ของโจทก์ที่ 2 ได้ตามมาตรา 226 ส่วนโจทก์ที่ 2 ซึ่งฝากรถยนต์ไว้กับจำเลยและรถหายไป ก็มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนที่ยังขาดอยู่จากจำเลยได้
ปั๊มของจำเลยปฏิบัติต่อลูกค้ามีพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยยอมรับรถจากผู้อื่นมาอยู่ในความอารักขาของจำเลยที่ปั๊มนั้น จึงเป็นลักษณะรับฝากทรัพย์ตามมาตรา 657 ไม่ใช่ให้เช่าสถานที่เพื่อจอดรถ
ร. นำรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 ไปทดลองขับดูก่อนที่จะซื้อและได้นำไปจอดฝากไว้กับจำเลย ถือได้ว่า ร. เป็นตัวแทนของโจทก์ที่ 2 โดยปริยาย จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
ปั๊มของจำเลยปฏิบัติต่อลูกค้ามีพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยยอมรับรถจากผู้อื่นมาอยู่ในความอารักขาของจำเลยที่ปั๊มนั้น จึงเป็นลักษณะรับฝากทรัพย์ตามมาตรา 657 ไม่ใช่ให้เช่าสถานที่เพื่อจอดรถ
ร. นำรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 ไปทดลองขับดูก่อนที่จะซื้อและได้นำไปจอดฝากไว้กับจำเลย ถือได้ว่า ร. เป็นตัวแทนของโจทก์ที่ 2 โดยปริยาย จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์