พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5569/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงานในการกำหนดวันสืบพยานและไม่อนุญาตเลื่อนคดี เป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนด
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522 มาตรา 39 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า ในกรณีมีประเด็นที่ยังไม่อาจตกลงกันหรือไม่อาจประนีประนอมยอมความกัน ให้ศาลแรงงานจดประเด็นข้อพิพาทและบันทึกคำแถลงของโจทก์กับคำให้การของจำเลยอ่านให้คู่ความฟัง และให้ลงลายมือชื่อไว้โดยจะระบุให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำพยานมาสืบก่อนหรือหลังก็ได้ แล้วให้ศาลแรงงานกำหนดวันสืบพยานไปทันที หมายถึงกรณีที่ศาลแรงงานกำหนดวันพิจารณาโดยยังไม่ได้กำหนดวันสืบพยาน เมื่อศาลแรงงานได้ดำเนินการตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้วก็ให้กำหนดวันสืบพยานไปทันที ประกอบกับมาตรา 29 บัญญัติว่า เพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแรงงานเป็นไปโดยประหยัด สะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม จึงให้อำนาจแก่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางโดยได้รับอนุมัติจากประธานศาลฎีกาออกข้อกำหนดศาลแรงงาน ว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงาน ข้อ 10 ว่า ในกรณีที่ศาลแรงงานสั่งให้มีการสืบพยาน ถ้าคู่ความได้นำพยานทั้งหมดหรือบางส่วนมาศาลและพร้อมที่จะสืบได้ในวันนั้น ให้ศาลดำเนินการสืบพยานไปทันที ดังนี้ การที่ศาลแรงงานกำหนดวันสืบพยานโจทก์ในวันเดียวกันกับวันนัดพิจารณา จึงเป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าว ที่ศาลแรงงานไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีหาเป็นการขัดต่อมาตรา 39 วรรคหนึ่งไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5569/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดวันสืบพยานในคดีแรงงาน: ศาลดำเนินการตามข้อกำหนดได้ แม้ในวันเดียวกับวันนัดพิจารณา
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา39วรรคหนึ่งที่บัญญัติว่าในกรณีมีประเด็นที่ยังไม่อาจตกลงกันหรือไม่อาจประนีประนอมยอมความกันให้ศาลแรงงานจดประเด็นข้อพิพาทและบันทึกคำแถลงของโจทก์กับคำให้การของจำเลยอ่านให้คู่ความฟังและให้ลงลายมือชื่อไว้โดยจะระบุให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำพยานมาสืบก่อนหรือหลังก็ได้แล้วให้ศาลแรงงานกำหนดวันสืบพยานไปทันทีหมายถึงกรณีที่ศาลแรงงานกำหนดวันพิจารณาโดยยังไม่ได้กำหนดวันสืบพยานเมื่อศาลแรงงานได้ดำเนินการตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้วก็ให้กำหนดวันสืบพยานไปทันทีประกอบกับมาตรา29บัญญัติว่าเพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแรงงานเป็นไปโดยประหยัดสะดวกรวดเร็วและเที่ยงธรรมจึงให้อำนาจแก่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางโดยได้รับอนุมัติจากประธานศาลฎีกาออกข้อกำหนดศาลแรงงานว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานข้อ10ว่าในกรณีที่ศาลแรงงานสั่งให้มีการสืบพยานถ้าคู่ความได้นำพยานทั้งหมดหรือบางส่วนมาศาลและพร้อมที่จะสืบได้ในวันนั้นให้ศาลดำเนินการสืบพยานไปทันทีดังนี้การที่ศาลแรงงานกำหนดวันสืบพยานโจทก์ในวันเดียวกันกับวันนัดพิจารณาจึงเป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าวที่ศาลแรงงานไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีหาเป็นการขัดต่อมาตรา39วรรคหนึ่งไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5460/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่เปิดเผยก่อนวันสืบพยาน และประเด็นความสมบูรณ์ของสัญญาซื้อขาย
จำเลยไม่ได้ส่งสำเนาหนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ล.1ให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน เป็นการฝ่าฝืน ป.วิ.พ.มาตรา 90 แต่เมื่อศาลเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87 (2)
โจทก์ฎีกาว่า หนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ล.1 ไม่ได้จดทะเบียนจึงมีลักษณะเป็นใบรับเงินเท่านั้น ซึ่งจะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ เป็นข้อที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่แรก ทั้งไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเท่ากับวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทไม่ได้เป็นของโจทก์นั่นเอง คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงไม่นอกประเด็น
โจทก์ฎีกาว่า หนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ล.1 ไม่ได้จดทะเบียนจึงมีลักษณะเป็นใบรับเงินเท่านั้น ซึ่งจะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ เป็นข้อที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่แรก ทั้งไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเท่ากับวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทไม่ได้เป็นของโจทก์นั่นเอง คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงไม่นอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4918/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานแม้ไม่ได้แนบสำเนาบัญชีระบุพยาน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
พยานหลักฐานของโจทก์ตามบัญชีระบุพยานซึ่งไม่ได้แนบสำเนาให้แก่จำเลยด้วยล้วนเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลก็ชอบที่จะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากทนายจำเลยไม่ขอเลื่อนการไต่สวนก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์ ศาลมีคำสั่งชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่4 กันยายน 2535 ก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องในวันเวลาเดียวกับที่นัดสืบพยานโจทก์ วันที่ 4 กันยายน 2535จึงเป็นวันนัดไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การจำเลยและวันนัดสืบพยานโจทก์ด้วยเพราะศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งยกเลิกวันนัดสืบพยานโจทก์ แต่เมื่อถึงวันดังกล่าวทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าทนายจำเลยได้มาศาลและร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนลงมือสืบพยานโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรคสอง ดังนั้น ในเรื่องของการพิจารณาคดีจึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาให้สืบพยานโจทก์แล้วชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามมาตรา 202
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากทนายจำเลยไม่ร้องขอเลื่อนคดีก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์ ศาลชอบที่จะพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว
จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่4กันยายน2535ก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องในวันเวลาเดียวกับที่นัดสืบพยานโจทก์วันที่4กันยายน2535จึงเป็นวันนัดไต่สวนคำร้องอนุญาตยื่นคำให้การจำเลยและวันนัดสืบพยานโจทก์ด้วยเพราะศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งยกเลิกวันนัดสืบพยานโจทก์แต่เมื่อถึงวันดังกล่าวทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การเท่านั้นจึงถือไม่ได้ว่าทนายจำเลยได้มาศาลและร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนลงมือสืบพยานโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา197วรรคสองดังนั้นในเรื่องของการพิจารณาคดีจึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาให้สืบพยานโจทก์แล้วชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามมาตรา202
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3340/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: ศาลฎีกาให้สืบพยานประเด็นโมฆะของพินัยกรรมก่อนตัดสินเรื่องผู้จัดการมรดก
ผู้ร้องอ้างเหตุในอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นไม่ควรมีคำสั่งแต่งตั้งผู้คัดค้านที่2เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเพราะผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ผู้ร้องและพ. แล้วดังนี้เป็นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นและเป็นอุทธรณ์ที่ชัดแจ้งชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225วรรคแรก ข้อเท็จจริงบางประเด็นตามคำร้องขอและคำคัดค้านยังโต้เถียงกันอยู่รับฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะหรือไม่ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญและเป็นประเด็นโดยตรงที่ศาลชั้นต้นให้งดการสืบพยานประเด็นดังกล่าวเสียจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาปัญหานี้เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้างศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้และศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานในประเด็นที่ว่าพินัยกรรมตามสำเนาเอกสารหมายร.9เป็นโมฆะหรือไม่เสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3213/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งงดสืบพยานไม่ชอบเมื่อมีประเด็นฉ้อฉล เช็คเกิดจากการพนัน
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์จากคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยแล้วยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 24, 227
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คที่จำเลยนำมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยออกเช็คให้โจทก์ จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ ส.เพื่อชำระหนี้การพนัน โดย ส.สมคบกับ ถ.น้องของโจทก์ฉ้อฉลการเล่นการพนันกับจำเลย และ ส.กับ ถ.สมคบกับโจทก์นำเช็คทั้งสามฉบับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำเอาเช็คทั้งสามฉบับอันเกิดจากการพนันมาฟ้องจำเลยได้ เพราะเป็นการออกเช็คที่มิได้เกิดจากหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสอง แล้ว และเป็นคำให้การที่แสดงให้เห็นว่า โจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลยโดยคบคิดกันฉ้อฉลตาม ป.พ.พ.มาตรา916 คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องนำสืบพยานกันต่อไป ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานมานั้นจึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คที่จำเลยนำมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยออกเช็คให้โจทก์ จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ ส.เพื่อชำระหนี้การพนัน โดย ส.สมคบกับ ถ.น้องของโจทก์ฉ้อฉลการเล่นการพนันกับจำเลย และ ส.กับ ถ.สมคบกับโจทก์นำเช็คทั้งสามฉบับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำเอาเช็คทั้งสามฉบับอันเกิดจากการพนันมาฟ้องจำเลยได้ เพราะเป็นการออกเช็คที่มิได้เกิดจากหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสอง แล้ว และเป็นคำให้การที่แสดงให้เห็นว่า โจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลยโดยคบคิดกันฉ้อฉลตาม ป.พ.พ.มาตรา916 คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องนำสืบพยานกันต่อไป ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานมานั้นจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3213/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีเช็คโดยอ้างว่ามีมูลหนี้จากการพนันและมีการฉ้อฉล ทำให้ต้องมีการสืบพยานเพิ่มเติม
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์จากคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยแล้วยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดีคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24,227 โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คที่จำเลยนำมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยออกเช็คให้โจทก์ จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ส.เพื่อชำระหนี้การพนันโดยส.สมคบกับถ.น้องของโจทก์ฉ้อฉลการเล่นการพนันกับจำเลย และส.กับถ.สมคบกับโจทก์นำเช็คทั้งสามฉบับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำเอาเช็คทั้งสามฉบับอันเกิดจากการพนันมาฟ้องจำเลยได้ เพราะเป็นการออกเช็คที่มิได้เกิดจากหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ รวมทั้งเหตุแห่งการนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองแล้ว และเป็นคำให้การที่แสดงให้เห็นว่า โจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลยโดยคบคิดกันฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 916 คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องนำสืบพยานกันต่อไป ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานมานั้นจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3213/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คที่ออกจากการพนัน & การฟ้องร้องโดยเจตนาฉ้อฉล: ศาลต้องสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำฟ้องคำให้การแล้วยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดีเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งไว้ก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็น ผู้สั่งจ่ายรับผิดใช้เงินตามเช็คที่นำมาแลกเงินสดไปจากโจทก์จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยออกเช็คให้โจทก์จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ ส. เพื่อ ชำระหนี้ การพนัน โดย ส. สมคบกับน้องโจทก์ฉ้อฉลเล่นการพนันกับจำเลยและ ส. กับน้องโจทก์สมคบกับโจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลยเป็น คำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์รวมทั้งเหตุแห่งการนั้นและแสดงให้เห็นว่าโจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลยโดยคบคิดกันฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา916คดีจึงมีประเด็นที่ต้องนำสืบพยานการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้องจึงไม่ชอบ