พบผลลัพธ์ทั้งหมด 174 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2593/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและการแจ้งผลการส่ง: ศาลต้องแจ้งผลการส่งหมายเรียกให้โจทก์ทราบก่อนสั่งทิ้งฟ้อง
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งในวันรับคำฟ้องของโจทก์ว่า "ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 7 วันนับแต่วันส่งไม่ได้" มีความหมายว่า โจทก์ได้ทราบถึงผลการส่งหมายในวันส่งนั้น ปรากฏว่าศาลยังมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าส่งหมายเรียกให้จำเลยไม่ได้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) อันจะเป็นการทิ้งฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดโดยมิได้จงใจ และการส่งหมายเรียกโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่แจ้งให้จำเลยทราบทั้งๆ ที่โจทก์และคนของโจทก์ก็รู้จักที่ดินที่จำนองและบ้านเรือนของจำเลยดี จำเลยไม่ได้รับหนังสือพิมพ์หรือหาหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศของศาลมาอ่าน จึงไม่รู้เรื่องถึงคดีที่โจทก์ฟ้อง จำเลยเป็นหนี้จำนองเพียง 100,000 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วดังนี้เป็นคำขอที่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่ได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยปิดหมายตามคำสั่งศาล และสิทธิในการยื่นคำให้การของผู้ถูกฟ้อง
เจ้าพนักงานส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยวิธีปิดหมายและสำเนาฟ้อง ซึ่งศาลได้สั่งไว้แล้วตอนรับฟ้อง เป็นการส่งตามคำสั่งศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 76
ส่วนการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 นั้น เป็นเรื่องศาลมิได้มีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งไว้ล่วงหน้า ต่อมาไม่สามารถส่งตามวิธีปกติได้ ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งโดยวิธีการอื่นอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดี ศาลฎีกาจะวินิจฉัยเสียเองโดยไม่ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ได้
ส่วนการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 นั้น เป็นเรื่องศาลมิได้มีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งไว้ล่วงหน้า ต่อมาไม่สามารถส่งตามวิธีปกติได้ ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งโดยวิธีการอื่นอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดี ศาลฎีกาจะวินิจฉัยเสียเองโดยไม่ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถูกฟ้องมีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้
โจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียก และสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่บ้านเรือนของจำเลยไม่พบจำเลยบุตรของจำเลยว่าจำเลยไปธุระแต่ไม่ยอมรับหมายแทนแล้วโจทก์ยังแถลงยืนยันว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ตามฟ้องและว่าส่วนมากจำเลยจะอยู่บ้านไม่ค่อยจะไปไหน ดังนี้จะถือว่ากรณีเป็นเรื่องไม่สามารถส่งโดยวิธีธรรมดาได้ยังไม่ชอบ ถ้าศาลสั่งอนุญาตให้ลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายโดยวิธีธรรมดาก็เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 จะถือว่าจำเลยได้ทราบประกาศการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแล้วโดยผลของกฎหมายไม่ได้ และการส่งคำบังคับก็ได้กระทำโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์อีก ย่อมเป็นกระบวนพิจารณาที่ขัดต่อกฎหมายเช่นกัน ต่อมาจำเลยถูกยึดทรัพย์เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้อง และการส่งคำบังคับกระทำไปโดยไม่ชอบ จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและคำบังคับโดยชอบด้วยกฎหมาย การพิจารณาคดีใหม่ และสิทธิของผู้ถูกบังคับคดี
โจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่บ้านเรือนของจำเลย ไม่พบจำเลย บุตรจำเลยว่าจำเลยไปธุระแต่ไม่ยอมรับหมายแทน แล้วโจทก์ยังแถลงยืนยันว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ตามฟ้องและว่าส่วนมากจำเลยจะอยู่บ้านไม่ค่อยจะไปไหน ดังนี้ จะถือว่ากรณีเป็นเรื่องไม่สามารถส่งโดยวิธีธรรมดาได้ยังไม่ชอบถ้าศาลสั่งอนุญาตให้ลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายโดยวิธีธรรมดาก็เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 จะถือว่าจำเลยได้ทราบประกาศการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแล้วโดยผลของกฎหมายไม่ได้ และการส่งคำบังคับก็ได้กระทำโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์อีก ย่อมเป็นกระบวนพิจารณาที่ขัดต่อกฎหมายเช่นกัน ต่อมาจำเลยถูกยึดทรัพย์เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องและการส่งคำบังคับได้กระทำไปโดยไม่ชอบ จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกจำเลยต่างชาติ การมีภูมิลำเนาต่างประเทศมีผลต่อการดำเนินคดีในไทย
การลงโฆษณาหมายเรียกจำเลยทางหนังสือพิมพ์นั้น ย่อมมีผลเฉพาะจำเลยซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย หรือได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราวในระหว่างระยะเวลาที่ได้มีการลงโฆษณา
จำเลยเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย มีภูมิลำเนาอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อพนักงานสอบสวนปล่อยตัวจำเลย จำเลยกลับไปประเทศมาเลเซียก่อนศาลชั้นต้นลงโฆษณาหมายเรียกจำเลย และไม่ปรากฏว่าหลังจากนั้น จำเลยได้กลับมาในประเทศไทยอีก ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าได้มีการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยในประเทศโดยชอบแล้ว ศาลจึงดำเนินคดีต่อไปไม่ได้
จำเลยเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย มีภูมิลำเนาอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อพนักงานสอบสวนปล่อยตัวจำเลย จำเลยกลับไปประเทศมาเลเซียก่อนศาลชั้นต้นลงโฆษณาหมายเรียกจำเลย และไม่ปรากฏว่าหลังจากนั้น จำเลยได้กลับมาในประเทศไทยอีก ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าได้มีการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยในประเทศโดยชอบแล้ว ศาลจึงดำเนินคดีต่อไปไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกจำเลยต่างชาติ การมีภูมิลำเนาในไทยเป็นสำคัญ
การลงโฆษณาหมายเรียกจำเลยทางหนังสือพิมพ์นั้น. ย่อมมีผลเฉพาะจำเลยซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย หรือได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราวในระหว่างระยะเวลาที่ได้มีการลงโฆษณา.
จำเลยเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย. มีภูมิลำเนาอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย. เมื่อพนักงานสอบสวนปล่อยตัวจำเลย จำเลยกลับไปประเทศมาเลเซียก่อนศาลชั้นต้นลงโฆษณาหมายเรียกจำเลย และไม่ปรากฏว่าหลังจากนั้น จำเลยได้กลับมาในประเทศไทยอีก. ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าได้มีการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยในประเทศโดยชอบแล้ว ศาลจึงดำเนินคดีต่อไปไม่ได้.
จำเลยเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย. มีภูมิลำเนาอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย. เมื่อพนักงานสอบสวนปล่อยตัวจำเลย จำเลยกลับไปประเทศมาเลเซียก่อนศาลชั้นต้นลงโฆษณาหมายเรียกจำเลย และไม่ปรากฏว่าหลังจากนั้น จำเลยได้กลับมาในประเทศไทยอีก. ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าได้มีการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยในประเทศโดยชอบแล้ว ศาลจึงดำเนินคดีต่อไปไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดแก้คดีเนื่องจากข้อบกพร่องในการส่งหมายเรียก จำเลยต้องแสดงเหตุผลการขาดนัดและข้อคัดค้านคำพิพากษาอย่างชัดเจน
คำร้องของจำเลยมีความว่า เหตุที่จำเลยมิได้ยื่นคำให้การแก้คดี เนื่องจากจำเลยไม่เคยทราบหมายเรียกและคำฟ้องของโจทก์ เพราะโจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ตรงตามภูมิลำเนาอันแท้จริงของจำเลย และชื่อจำเลยตามฟ้องก็ไม่ถูกต้อง ขอให้ศาลสั่งโจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเพื่อให้จำเลยแก้คดีเสียให้ถูกต้องนั้น ไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล คำร้องของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและภูมิลำเนา การครอบครองที่ดิน และสิทธิเหนือที่ดินสาธารณสมบัติ
(1) เดิมจำเลยทำงานอยู่ที่แห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี และโจทก์ได้ฟ้องอ้างถิ่นที่อยู่แห่งนี้และเจ้าพนักงานศาลก็นำหมายเรียกและสำเนาฟ้องส่งแก่จำเลย ณ ที่นี้ และพบจำเลย ๆ ไม่ยอมรับ เจ้าพนักงานจึงวางหมายไว้ ถือว่าได้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยชอบแล้ว ถึงแม้จะปรากฏว่าจำเลยได้ย้ายไปทำงานอยู่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ยังคงกินอยู่หลับนอนอยู่ที่เดิม
(2) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 นั้น จำเลยไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสารมาสืบ
(3) ถึงแม้จะปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังจำเลยว่าก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลย เพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างราษฎรด้วยกัน
(2) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 นั้น จำเลยไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสารมาสืบ
(3) ถึงแม้จะปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังจำเลยว่าก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลย เพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างราษฎรด้วยกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมาย และสิทธิการครอบครองที่ดินระหว่างราษฎร
(1) เดิมจำเลยทำงานอยู่ที่แห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี และโจทก์ได้ฟ้องอ้างถิ่นที่อยู่แห่งนี้และเจ้าพนักงานศาลก็นำหมายเรียกและสำเนาฟ้องส่งแก่จำเลย ณ ที่นี้และพบจำเลยๆ ไม่ยอมรับเจ้าพนักงานจึงวางหมายไว้ถือว่าได้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยชอบแล้ว ถึงแม้จะปรากฏว่าจำเลยได้ย้ายไปทำงานอยู่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรีแต่จำเลยหาได้ย้ายทะเบียนและครอบครัวไปไม่ ยังคงกินอยู่หลับนอนอยู่ที่เดิม
(2) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 นั้นจำเลยไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสารมาสืบ
(3) ถึงแม้จะปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังจำเลยว่าก็ตามแต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลยเพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างราษฎรด้วยกัน
(2) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 นั้นจำเลยไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสารมาสืบ
(3) ถึงแม้จะปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังจำเลยว่าก็ตามแต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลยเพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างราษฎรด้วยกัน