พบผลลัพธ์ทั้งหมด 431 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการสั่งจ่ายเช็คและการบรรยายฟ้องที่ไม่ชัดเจน การพิสูจน์เจตนาต้องมาจากคำฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยโดยเจตนาทุจริตรู้อยู่แล้วว่าไม่มีเงินในบัญชีพอจ่าย ได้บังอาจลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คหมายความว่ามีเจตนาทุจริตในการสั่งจ่ายเช็ค ไม่มีทางที่จะแปลได้เลยว่ามีเจตนาทุจริตในการห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็ค คำฟ้องเช่นนี้จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด เพราะปรากฏว่าจำเลยได้มีคำสั่งห้ามธนาคารมิให้จ่ายเงินตามเช็ค แม้โจทก์จะอ้างถึงกฎหมายและมาตราในกฎหมายมาในฟ้องหรือนำสืบไว้ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการสั่งจ่ายเช็คต้องชัดเจนในฟ้อง คำฟ้องที่ไม่ระบุเจตนาทุจริตในการห้ามจ่ายเช็คถือเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยโดยเจตนาทุจริตรู้อยู่แล้วว่าไม่มีเงินในบัญชีพอจ่าย ได้บังอาจลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คหมายความว่ามีเจตนาทุจริตในการสั่งจ่ายเช็คไม่มีทางที่จะแปลได้เลยว่ามีเจตนาทุจริตในการห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คคำฟ้องเช่นนี้จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดเพราะปรากฏว่าจำเลยได้มีคำสั่งห้ามธนาคารมิให้จ่ายเงินตามเช็คแม้โจทก์จะอ้างถึงกฎหมายและมาตราในกฎหมายมาในฟ้องหรือนำสืบไว้ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเบียดบังเงินประกันตัว: เจตนาทุจริตและหน้าที่เก็บรักษาเงิน
เมื่อสารวัตรใหญ่ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้สั่งให้จำเลยทำหน้าที่เก็บรักษาเงินประกันตัวผู้ต้องหาของสถานีตำรวจ ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในการเก็บรักษาเงินดังกล่าวตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาแล้ว
การที่จำเลยนำเงินของทางราชการไปฝากผู้อื่นไว้ มิได้นำมาเก็บไว้ในตู้นิรภัยของทางราชการ หรือหากไม่มีตู้นิรภัยของทางราชการ ควรจะเก็บเงินนั้นอย่างใด จำเลยก็จะต้องขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาคือสารวัตรใหญ่ เสียก่อน แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลย มีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินจำนวนนั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นแล้ว
การที่จำเลยนำเงินของทางราชการไปฝากผู้อื่นไว้ มิได้นำมาเก็บไว้ในตู้นิรภัยของทางราชการ หรือหากไม่มีตู้นิรภัยของทางราชการ ควรจะเก็บเงินนั้นอย่างใด จำเลยก็จะต้องขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาคือสารวัตรใหญ่ เสียก่อน แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลย มีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินจำนวนนั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1125/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฉ้อโกง: การหลอกลวงให้เชื่อว่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายโดยมีเจตนาทุจริต แม้ยังไม่ได้รับทรัพย์สิน
การที่จำเลยนำความเท็จมาอวดอ้างแก่ผู้เสียหายว่าจำเลยและพวก สามารถติดต่อกับบริษัทสุรามหาราษฎร จำกัด ให้แต่งตั้งผู้เสียหาย เป็นตัวแทนจำหน่ายสุราแม่โขงซึ่งไม่เป็นความจริง โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตที่จะหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายจะไม่ส่งมอบทรัพย์ให้ตามที่จำเลยหลอกลวง การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดฐานพยายามฉ้อโกงผู้เสียหายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1125/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามฉ้อโกง แม้ผู้เสียหายยังไม่ส่งมอบทรัพย์สิน
การที่จำเลยนำความเท็จมาอวดอ้างแก่ผู้เสียหายว่าจำเลยและพวก สามารถติดต่อกับบริษัทสุรามหาราษฎร จำกัด ให้แต่งตั้งผู้เสียหาย เป็นตัวแทนจำหน่ายสุราแม่โขงซึ่งไม่เป็นความจริงโดยจำเลย มีเจตนาทุจริตที่จะหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากผู้เสียหายแม้ผู้เสียหาย จะไม่ส่งมอบทรัพย์ให้ตามที่จำเลยหลอกลวงการกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดฐานพยายามฉ้อโกงผู้เสียหายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์เป็ดโดยมีเจตนาทุจริต: การพิสูจน์จากพฤติการณ์และคำให้การ
เป็ดของผู้เสียหายเป็นเป็ดพันธุ์แตกต่างกับที่ชาวบ้านย่านนั้นเลี้ยงกัน จำเลยเคยมาพูดกับผู้เสียหายขณะเลี้ยงเป็ดการที่จำเลยต้อนเป็ดของผู้เสียหายที่แตกฝูงไป เมื่อผู้เสียหายขอคืนจำเลยกลับ อ้างว่าเป็นของตน แสดงว่าจำเลยเอาเป็ดไปโดยมีเจตนาทุจริต จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3988/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการฉ้อโกง: คำว่า 'บังอาจ' แสดงเจตนาได้ แม้กฎหมายไม่ต้องระบุ
คำว่า บังอาจ ก็เท่ากับว่ามีเจตนาทุจริตอยู่แล้วที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันกระทำการฉ้อโกงโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 สัญญาขายที่ดินให้แก่โจทก์แล้วยังนำไปขายฝากแก่จำเลยที่ 2 และไม่ไถ่ถอนทั้งที่ทราบดีว่าโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาล ย่อมมีความหมายเป็นที่เข้าใจแจ้งชัดแล้วว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริตและความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ก็หาได้บัญญัติว่าจะต้องมีเจตนาทุจริตไม่ ฟ้องโจทก์ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรานี้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3085/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โกงเจ้าหนี้: การโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้ แม้ทรัพย์ที่เหลืออยู่น้อยเกินไป ก็ถือเป็นความผิด
ทรัพย์ที่ได้มีการย้าย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นอันจะเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้นั้น หาได้มีข้อจำกัดเฉพาะทรัพย์ที่เจ้าหนี้พึงจะยึดถือหรืออายัดไว้ไม่ แต่หมายถึงทรัพย์สินใด ๆ ของลูกหนี้ที่มีอยู่ได้มีการย้าย ซ่อนเร้นหรือโอนไปเพียงเพื่อเจตนามิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน และแม้ลูกหนี้จะยังมีทรัพย์อย่างอื่นเหลืออยู่ แต่ไม่พอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้ ก็ไม่ใช่เหตุที่จะอ้างเพื่อให้พ้นจากการกระทำอันเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3034/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนทรัพย์สินที่กระทำโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหนี้สิน และรู้ว่าเป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 ได้รับจดทะเบียนนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินด้วยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ ม. อ. และโจทก์ซึ่งเป็นหน่วยราชการที่จำเลยที่ 1 รับราชการสังกัดอยู่ได้รับความเสียหาย เมื่อ อ. ฟ้องเรียกค่าเสียหายในการที่จำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อเอาแก่โจทก์ จำเลยที่ 1กับพวก จำเลยที่ 1 ย่อมรู้ดีในขณะนั้นว่าหากโจทก์ต้องเสียค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ อ. โจทก์ย่อมมีสิทธิจะไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นต้นเหตุทำความเสียหายได้ภายหลัง ดังนั้นโจทก์จึงได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ในความเสียหายที่จำเลยที่1 เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์ โจทก์จึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่ดินพิพาทแปลงเดียว และจำเลยที่ 1 ได้โอนให้แก่จำเลยที่ 2ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรหลังจากที่โจทก์และจำเลยที่1 ถูก อ. ฟ้องให้ร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้น การกระทำดังกล่าวเป็นการโอนเพื่อหลีกเลี่ยงและให้พ้นจากการถูกบังคับคดี จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและเป็นการกระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ผู้มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1ผู้เป็นต้นเหตุทำความเสียหายได้ภายหลังเสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 ถึงที่4 ซึ่งเป็นบุตรโดยเสน่หา ต่อมาจำเลยที่ 2 ถึงที่4 โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 5 ถึงที่ 9 ให้ถือกรรมสิทธิ์รวมโดยเสน่หา เพียงแต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้รู้ฝ่ายเดียวว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ก็ขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าวได้
การที่ ธ. น้องชายสามีจำเลยที่ 1 ไถ่ถอนจำนองให้โดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะต้องโอนที่ดินพิพาทแก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4ไม่เป็นการโอนที่มีค่าตอบแทน
จำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่ดินพิพาทแปลงเดียว และจำเลยที่ 1 ได้โอนให้แก่จำเลยที่ 2ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรหลังจากที่โจทก์และจำเลยที่1 ถูก อ. ฟ้องให้ร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้น การกระทำดังกล่าวเป็นการโอนเพื่อหลีกเลี่ยงและให้พ้นจากการถูกบังคับคดี จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและเป็นการกระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ผู้มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1ผู้เป็นต้นเหตุทำความเสียหายได้ภายหลังเสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 ถึงที่4 ซึ่งเป็นบุตรโดยเสน่หา ต่อมาจำเลยที่ 2 ถึงที่4 โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 5 ถึงที่ 9 ให้ถือกรรมสิทธิ์รวมโดยเสน่หา เพียงแต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้รู้ฝ่ายเดียวว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ก็ขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าวได้
การที่ ธ. น้องชายสามีจำเลยที่ 1 ไถ่ถอนจำนองให้โดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะต้องโอนที่ดินพิพาทแก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4ไม่เป็นการโอนที่มีค่าตอบแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2211/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาฐานแสดงหลักฐานเท็จ จำเป็นต้องพิสูจน์ความเสียหายโดยตรงและเจตนาทุจริตของผู้ฟ้อง
ในคดีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องจำเลยที่ 2 ขอให้ชำระหนี้ตามเช็ค โดยแนบภาพถ่ายเช็คมาท้ายฟ้อง และศาลได้พิพากษาตามยอมนั้น โจทก์มิได้เป็นคู่ความร่วมกับจำเลยที่ 2 ทั้งจำเลยที่ 1 มิได้นำหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมไปบังคับคดียึดทรัพย์สินของโจทก์ อันจะทำให้ โจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยทั้งสองนำเอาภาพถ่ายเช็คมาฟ้องโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสองในคดีดังกล่าว
เพียงแต่แนบภาพถ่ายเช็คมาท้ายฟ้อง จำเลยที่ 2 รับว่าเป็นหนี้ ตามฟ้องจริง ศาลได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาคดีไป ตามยอม โดยจำเลยที่ 1 มิได้นำเช็คซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเช็คเป็นเอกสารเท็จมาอ้างและนำสืบในการพิจารณาคดีแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสอง จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180
เพียงแต่แนบภาพถ่ายเช็คมาท้ายฟ้อง จำเลยที่ 2 รับว่าเป็นหนี้ ตามฟ้องจริง ศาลได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาคดีไป ตามยอม โดยจำเลยที่ 1 มิได้นำเช็คซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเช็คเป็นเอกสารเท็จมาอ้างและนำสืบในการพิจารณาคดีแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสอง จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180