พบผลลัพธ์ทั้งหมด 262 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามข่มขืน vs. ทำอนาจารเด็ก: การพิจารณาจากพยานและบาดแผล
ปรากฏว่าของลับของเด็กหญิงอายุ 6 ขวบชอกช้ำนิดหน่อยโดยถูกของลับของจำเลย ดังนี้ ยังไม่พอถือว่า จำเลยได้พยายามล่วงล้ำไม่เป็นผิดฐานพยายามข่มขืน คงผิดเพียงฐานทำอนาจาร
ศาลชั้นต้นลงโทษฐานอนาจารตามมาตรา 245 จำคุก 6 เดือนศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานพยายามข่มขืนตาม มาตรา 244 และ 60 จำคุก 2 ปีฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นลงโทษฐานอนาจารตามมาตรา 245 จำคุก 6 เดือนศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานพยายามข่มขืนตาม มาตรา 244 และ 60 จำคุก 2 ปีฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองเด็ก: บิดายังมีอำนาจ แม้ผู้เยาว์อยู่ภายใต้การดูแลของญาณอื่น
ผู้เยาว์มีบิดา และบิดาไม่ได้ถูกถอนอำนาจ แม้ป้าของผู้เยาว์ปกครองเลี้ยงดูผู้เยาว์มาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จนถึงอายุ 17 ปี ก็ร้องขอเป็นผู้ปกครองเพื่อขายที่ดินของผู้เยาว์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในตัวเด็กเกินสมควรแก่เหตุ นำไปสู่การกระทำความผิดทางอาญา
ผู้ตายกับพวกฉุดคร่าพาหลานสาวของจำเลยหนีไป จำเลยกับพวกติดตามไปทัน จำเลยขอหลานสาวคืน ผู้ตายกับพวกไม่ยอมคืนและพาหนีต่อไป จำเลยยิงไป 1 นัดเพื่อมิให้ผู้ตายพาหลานสาวของจำเลยหนีต่อไป ถูกผู้ตายกับพวกอีกคนหนึ่งทางด้านหลัง เป็นการป้องกันหลานสาวของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พาเด็กอายุ 13 ปีเศษไปจากมารดา แม้เด็กยินยอมแต่ถูกหลอกลวง ยังคงเป็นความผิด
พาเด็กอายุ 13 ปีเศษไปจากมารดาเด็กโดยเด็กเต็มใจไปกับจำเลยแม้จะเป็นโดยถูกหลอกลวงก็เป็นผิดตามมาตรา275 แต่ไม่เป็นผิดตามมาตรา 274
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2487
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2487
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเกลี้ยกล่อมเด็กและลักทรัพย์ – ไม่เข้าข่ายความผิดฐานลักพาตัวเพื่อหากำไร
ฟ้องว่าจำเลยบังอาจเกลี้ยกล่อมพาเด็กอายุ 14 ขวบและ 12 ขวบไปจากผู้ปกครองโดยไม่ระบุว่าเด็กมิได้เต็มใจไปกับจำเลย ถือว่าฟ้องไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 274 เกลี้ยกล่อมพี่สาวเด็กให้ลักเงินจากผู้ปกครองแล้วพาพี่สาวเด็กและเด็กไปจากผู้ปกครอง ไม่ถือว่าเป็นการจะหากำไรโดยตรงจากการลักพาเด็กตามเจตนาของมาตรา 275
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกระทำอนาจารกับเด็ก: การสำเร็จความใคร่ก่อนล่วงล้ำ
เอาของลับเตะง่ามขาอ่อนเด็กหญิงอายุ 4 ขวบแล้วน้ำอสุจิเคลื่อนเช่นนี้ มีผิดเพียงฐานกระทำอนาจาร ไม่ถึงชั้นพยายามชำเรา. ฟ้องว่าพยายามกระทำชำเราอ้างมาตรา 245,60 ได้ความว่ากระทำอนาจาร ลงโทษตามมาตรา 245 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903-906/2484
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนมรดก, การจัดการทรัพย์สินของเด็ก, และอายุความในการฟ้องร้องคดีมรดก
ผู้รับมฤดกคนหนึ่งได้เข้าเป็นผู้ปกครองเด็กตามพินัยกรรม์ของผู้ตายแล้ว จะยกอายุความมรฤกยันเด็กไม่ได้ เจตนาจะให้ที่ดินที่ลูกหนี้ตีใช้หนี้แก่เด็กจึงให้หลงชื่อเด็กเป็นผู้รับโอนในโฉนดดังนี้ ที่ดินนั้นยอมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเด็กตั้งแต่วันโอน
เจตนาจะยกที่ให้แก่เด็ก แต่จดทะเบียนเป็นโอนขายแก่เด็กเด็กก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์
ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกัน ฝ่ายหนึ่งโอนทะเบียนให้ อีกฝ่ายหนึ่งทำหนังสือขายให้แก่คนภายนอกโดยผู้รับแลกเปลี่ยนเป็นผู้รับเงินราคาที่ขายได้นั้น อีกฝ่ายหนึ่งจะฟ้องเรียกเงินที่ขายได้นั้นไม่ได้
เงินค่าเช่าที่ดินและโรงเรือนย่อมเป็นของเจ้าของที่ดิน
เด็กอายุ 17 ปี ตายในขณะที่อยู่ในความปกครองของธิดา ส่วนมารดาตายไปก่อนแล้ว มฤดกตกได้แก่บิดาผู้เดียว พี่น้อง ร่วมบิดามารดาไม่มีสิทธิได้รับมฤดก อ้างฎีกาที่ 567/2456
รับเงินของผู้อื่นไว้รักษาและหาผลประโยชน์ เดิมฝากธนาคารไว้ ภายหลังไม่ปรากฎว่าได้ถอนไปหรือได้นำไปหาผลประโยชน์อย่างไร ศาลคิดค่าผลประโยชน์ให้ในอัตราขั้นต่ำที่ฝากธนาคาร เงินรายได้ที่เก็บได้จากทรัพย์ของเด็กนั้น ถ้าเด็กนำสืบไม่ได้ว่าผู้ปกครองใดได้เท่าใดแล้ว ศาลไม่คิดค่าผลประโยชน์ให้
เจตนาจะยกที่ให้แก่เด็ก แต่จดทะเบียนเป็นโอนขายแก่เด็กเด็กก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์
ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกัน ฝ่ายหนึ่งโอนทะเบียนให้ อีกฝ่ายหนึ่งทำหนังสือขายให้แก่คนภายนอกโดยผู้รับแลกเปลี่ยนเป็นผู้รับเงินราคาที่ขายได้นั้น อีกฝ่ายหนึ่งจะฟ้องเรียกเงินที่ขายได้นั้นไม่ได้
เงินค่าเช่าที่ดินและโรงเรือนย่อมเป็นของเจ้าของที่ดิน
เด็กอายุ 17 ปี ตายในขณะที่อยู่ในความปกครองของธิดา ส่วนมารดาตายไปก่อนแล้ว มฤดกตกได้แก่บิดาผู้เดียว พี่น้อง ร่วมบิดามารดาไม่มีสิทธิได้รับมฤดก อ้างฎีกาที่ 567/2456
รับเงินของผู้อื่นไว้รักษาและหาผลประโยชน์ เดิมฝากธนาคารไว้ ภายหลังไม่ปรากฎว่าได้ถอนไปหรือได้นำไปหาผลประโยชน์อย่างไร ศาลคิดค่าผลประโยชน์ให้ในอัตราขั้นต่ำที่ฝากธนาคาร เงินรายได้ที่เก็บได้จากทรัพย์ของเด็กนั้น ถ้าเด็กนำสืบไม่ได้ว่าผู้ปกครองใดได้เท่าใดแล้ว ศาลไม่คิดค่าผลประโยชน์ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2483
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์เงินฝากคลังออมสินในนามเด็ก: ตกเป็นของเด็กทันที ไม่สามารถทำพินัยกรรมยกให้ผู้อื่นได้
+นำเงินฝากคลังออมสิน++ของหลานซึ่งเป็นเด็กเมื่อคลังออมสินรับเงินเข้า++ในนามของเด็กแล้วกรรม++เงินนี้ย่อมตกไปเป็นของเด็กทันที ย่าไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาเงินนั้นไปทำพินัยกรรม์++ให้แก่บุคคลอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2483
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กโดยอาศัยความยินยอมของผู้ปกครอง
หลอกลวงผู้ปกครองเอาเด็กไปเพื่อหากำไร เด็กเต็มใจไปและผู้ปกครองก็ยินยอมให้เด็กไปเพราะหลงเชื่อคำหลอกลวงดังนี้ เป็นผิดตามมาตรา 275 ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามมาตรา 273 , 274 จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของ จำเลยเป็นผิดตามมาตรา 275 และ โจทก์ก็ฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 275 ด้วยดังนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ ลงโทษตามมาตรา 275 ได้ อ้างฎีกา 329/2483
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 347/2483
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงผู้ปกครองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กโดยอ้างบุตรบุญธรรม ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็ก
เกลี้ยกล่อมหลอกลวงผู้ปกครองเอาเด็กไปเพื่อหากำไรเด็กเต็มใจไปและผู้ปกครองก็ยินยอมให้เด็กไปเพราะหลงเชื่อคำหลอกลวงดังนี้ เป็นผิดตาม ม. 275 ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามมาตรา 274 จำเลยฝ่ายเดียวฎีกาว่าไม่ผิด ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นผิด ม. 275 และ โจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 285 ด้วย ดังนี้ ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ลงโทษตามมาตรา 275 ได้