คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เพิกถอนนิติกรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 218 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความในการเพิกถอนนิติกรรมโอนทรัพย์สิน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ทราบการโอนทรัพย์สินเกิน 1 ปี ทำให้ขาดสิทธิฟ้องเพิกถอน
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการยกให้ที่ดิน จำเลยให้การต่อสู้ว่า'โจทก์ทราบการที่นางถมยายกที่ดินที่โจทก์ฟ้องนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ข้าพเจ้า ถึง 5-6 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องขอให้เพิกถอนหรือล้างนิติกรรมนี้ได้ตามกฎหมายฯลฯ' ดังนี้ พอจะเห็นได้ว่า จำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการเพิกถอนนิติกรรมที่ไม่สุจริต การซื้อขายที่ดินที่มีผู้ครอบครองก่อน
ซื้อที่ดินแล้วเข้าครอบครองเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปีแม้จะยังไม่ได้แก้ทะเบียนโอนโฉนดกัน ผู้ซื้อก็ย่อมอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนได้ จึงมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการโอนที่ดินนั้นโดยไม่สุจริตได้ตามมาตรา 1300
ในคดีแพ่งเมื่อโจทก์ ฟ้องบรรยายข้อเท็จจริงมาครบถ้วนตามมูลกรณีและมีคำขอมาถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของศาลที่จะปรับบทกฎหมายบทใด โจทก์ไม่จำเป็นต้องอ้างบทมาตราแห่งกฎหมายนั้นมาด้วย
ความข้อใดที่คู่ความฝ่ายหนึ่งรับแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งไม่จำต้องนำสืบความข้อนั้นอีก ศาลฟังได้ตามที่รับนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับโอนที่ดินโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ย่อมได้รับการคุ้มครอง แม้เจ้าของร่วมต้องการเพิกถอนนิติกรรม
ผู้รับโอนที่ดินจากผู้มีชื่อในโฉนดโดยเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว เจ้าของร่วมจะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการสินบริคณห์ของผู้อนุบาล: สัญญาซื้อขายที่ดินและการเพิกถอนนิติกรรม
ภริยาซึ่งเป็นผู้อนุบาลสามีผู้วิกลจริตซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถมีอำนาจจัดการสินบริคณห์ส่วนของสามีได้โดยลำพัง
ทำสัญญาขายที่ดินแก่คนหนึ่งแล้วไปโอนขายให้แก่อีกคนหนึ่งโดยสมยอมกัน ผู้ซื้อคนแรกขอให้เพิกถอนโอนรายหลังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินที่ถูกปฏิเสธการจดทะเบียนและการบอกเลิกสัญญา การเพิกถอนนิติกรรมไม่เป็นผลเมื่อมีการซื้อขายโดยสุจริต
ฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายที่ดินเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ ไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ แม้ที่ดินจะมีราคาสักเท่าใด ศาลแขวงก็มีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
การที่เจ้าพนักงานที่ดินได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทำการซื้อขายที่ดิน แต่ผู้ขอยังมีสิทธิ์จะยื่นคำร้องแสดงเหตุผลเป็นทำนองอุทธรณ์คำสั่งต่อไปอีกได้และได้ยื่นอุทธรณ์แล้วนั้น ยังไม่ถือเป็นเหตุพ้นวิสัยที่จะทำการโอนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายฝากโดยผู้เยาว์: อายุความฉ้อฉลใช้ไม่ได้กับผู้ปกครองทรัพย์
จำเลยซื้อที่ดินจากผู้ปกครองทรัพย์ผู้เยาว์โดยสมคบกับผู้ปกครองทรัพย์นั้น ผู้เยาว์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรม ดังนี้ จำเลยจะยกอายุความตาม มาตรา 240ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตัดฟ้องไม่ได้ เพราะมาตรา 240 เป็นอายุความเพิกถอนการฉ้อฉลของลูกหนี้และผู้ปกครองทรัพย์แทนผู้เยาว์ก็ไม่ใช่ลูกหนี้ของผู้เยาว์
คำสั่งที่ถือได้ว่าเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเมื่อลูกหนี้รู้ว่าทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ไม่จำต้องพิสูจน์การทุจริตหรือสมยอม
การขอให้เพิกถอนนิติกรรมตาม ม.237 นั้นเพียงแต่ลูกหนี้แลผู้ได้ลาภงอกรู้ว่าเป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบก็พอแล้ว ไม่จำต้องปรากฎว่าได้มีการ+จริตหรือสมยอมเสมอไป+พิจารณาแพ่ง+ขัดทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8799-8801/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการทรัพย์สินร่วม (สินสมรส) การยินยอมโดยปริยาย และสิทธิในการฟ้องเพิกถอนนิติกรรม
โจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของ บ. คู่สมรสของจำเลยที่ 1 ย่อมมีฐานะเป็นทายาทโดยธรรม ทั้งยังเป็นผู้จัดการมรดกของ บ. ตามคำสั่งศาล การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 5 มีผลกระทบต่อสิทธิในครอบครัวและสิทธิในการรับมรดกของโจทก์หรือทายาทโดยธรรมอื่นของ บ. โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะกล่าวอ้างหรือร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 5 เป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1497 และมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซึ่งเป็นการจัดการสินสมรสที่จำเลยที่ 1 ทำไปโดยปราศจากความยินยอมของ บ. มารดาโจทก์ได้
จำเลยที่ 1 จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 5 ในขณะที่จำเลยที่ 1 มี บ. เป็นคู่สมรสแล้ว การสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 5 จึงเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1497 ประกอบมาตรา 1452 ซึ่งศาลมีอำนาจพิพากษาได้ แม้ศาลชั้นต้นจะไม่ได้กล่าวไว้ในประเด็นว่า การสมรสดังกล่าวเป็นโมฆะหรือไม่ก็ตาม เพราะเมื่อศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 กับ บ. จดทะเบียนสมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมวินิจฉัยต่อไปได้ว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 5 ในภายหลังเป็นโมฆะ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าการสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 5 เป็นโมฆะนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นข้อพิพาท ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
การที่ บ. ยินยอมให้ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินอันเป็นสินสมรสทุกแปลงย่อมแสดงให้เห็นว่า บ. มอบให้จำเลยที่ 1 มีอำนาจในการจัดการสินสมรสโดยเฉพาะที่ดินได้โดยลำพัง ไม่จำต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจาก บ. อีก ดังจะเห็นได้จากจำเลยที่ 1 เคยยกที่ดินให้แก่บุตรที่เกิดจาก บ. และ ส. และเคยซื้อบ้านและที่ดินให้แก่โจทก์ก็ไม่ปรากฏว่า บ. โต้แย้งคัดค้านการจัดการสินสมรสของจำเลยที่ 1 เช่นเดียวกับที่ดินพิพาททั้งสามแปลง จำเลยที่ 1 โอนให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 5 ไปโดยลำพังในระหว่างที่ บ. ยังมีชีวิตอยู่ น่าเชื่อว่า บ. ยินยอมในการจัดการสินสมรสของจำเลยที่ 1 แล้วจึงไม่ได้โต้แย้งคัดค้านจนกระทั่งถึงแก่ความตายไปนานกว่า 13 ปี สำหรับการโอนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 12348 และนานกว่า 4 ปี สำหรับการโอนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 27458 และ 6999 พฤติการณ์ดังกล่าวของ บ. จึงเป็นการให้ความยินยอมในจัดการสินสมรสที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 ไว้ล่วงหน้าโดยปริยายแล้ว ข้อเท็จจริงจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาททั้งสามแปลงซึ่งเป็นสินสมรสให้แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 5 โดยปราศจากความยินยอมของ บ. โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาททั้งสามแปลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8594/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการให้ทรัพย์สินหลังการสมรสสิ้นสุด และประเด็นสินสมรส
โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสที่โจทก์มีสิทธิอยู่กึ่งหนึ่ง จำเลยทั้งสามให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 1 คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสหรือไม่ เมื่อโจทก์กล่าวอ้างต่อไปว่า จำเลยที่ 1 จดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละแปลงโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์และโจทก์ไม่ทราบเรื่อง การที่จำเลยทั้งสามให้การต่อไปว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินพิพาทเพราะโจทก์ทราบเรื่องและไม่คัดค้านถือว่าโจทก์ให้สัตยาบันแล้ว และนับถึงวันที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกว่าสิบปี คดีโจทก์ขาดอายุความ คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทด้วยว่า โจทก์มีสิทธิขอเพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินทั้งสองแปลงหรือไม่ และคดีขาดอายุความหรือไม่ หากทางพิจารณาฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 1 ก็วินิจฉัยประเด็นต่อไปว่าโจทก์ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าว แต่หากฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นสินสมรส ก็มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่า โจทก์มีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมการให้หรือไม่ และคดีขาดอายุความหรือไม่ คำให้การของจำเลยทั้งสามจึงเป็นประเด็นต่อเนื่องและไม่ขัดแย้งกัน เป็นคำให้การที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อนิติกรรมการให้ที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำลงวันที่ 22 เมษายน 2542 โจทก์ยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการให้เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 จึงเป็นการฟ้องหลังจากพ้นกำหนดสิบปีนับแต่วันที่ได้ทำนิติกรรมนั้น ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้ย่อมขาดอายุความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1480 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8471/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเพิกถอนนิติกรรม: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าอายุความสะดุดหยุดตามบทบัญญัติ ป.พ.พ. มาตรา 193/17 วรรคสอง
คดีเดิมศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ภายใต้บังคับบทบัญญัติของกฎหมายเรื่องอายุความ แม้ ป.พ.พ. มาตรา 1480 วรรคสอง บัญญัติว่า การฟ้องเพิกถอนนิติกรรมตามมาตรา 1476 ที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งทำไปฝ่ายเดียว โดยปราศจากความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รู้เหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันที่ได้ทำนิติกรรมนั้น เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีเดิมอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (2) ครั้นศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องคดีเดิมโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีใหม่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/17 วรรคสอง บัญญัติให้เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องคดีใหม่เพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุด ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีเดิมให้คู่ความฟังวันที่ 12 พฤศจิกายน 2556 โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้วันที่ 20 พฤศจิกายน 2556 ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาศาลฎีกาคดีเดิมถึงที่สุด จึงต้องนำ ป.พ.พ. มาตรา 193/17 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทเฉพาะมาใช้บังคับแก่อายุความ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ขาดอายุความ
of 22