คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เหตุผล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 638 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ยกเหตุผลใหม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาของจำเลยคงอ้างเหตุอย่างเดียวกับที่อุทธรณ์โดยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ที่พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการไม่ชอบ หรือผิดพลาดข้อไหนอย่างไร แต่ประการใดเลย จึงเป็นฎีกาที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายึดถือยาเสพติดเพื่อครอบครองหรือไม่: เหตุผลที่ทำให้ไม่เป็นความผิด
จำเลยมีเรื่องทะเลาะกับบิดา จำเลยน้อยใจอยากจะประชดบิดาจึงให้เพื่อนไปซื้อเฮโรอีนมา 2 หลอด เมื่อได้เฮโรอีนมาแล้วจำเลยนำเฮโรอีนไปมอบให้เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้จับกุมตนในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครามครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต เป็นการหาเฮโรอีนมาเป็นของกลางเพื่อให้ถูกจับกุม มิใช่เจตนาที่จะยึดถือเฮโรอีนไว้ในครอบครองของตน ไม่เป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3777/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ที่ไม่ชัดเจน: จำเป็นต้องระบุเหตุผลความไม่ชอบด้วยกฎหมายของการงดสืบพยานอย่างชัดเจน
อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองบรรยายแต่เพียงว่า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลย ทำให้จำเลยเสียเปรียบเป็นคำสั่งที่ขัดต่อกฎหมาย จำเลยไม่ได้ประวิงคดีและยังมีปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยที่ต้องนำสืบโดยมิได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานของจำเลยทั้งสองเป็นการไม่ชอบอย่างไร และทำไมจึงทำให้จำเลยทั้งสองเสียเปรียบเพราะเหตุใดคำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ชอบอย่างไร เหตุใดการกระทำของจำเลยไม่เป็นการประวิงคดี และคดีมีปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยที่จะต้องนำสืบมีว่าอย่างไร ดังนี้อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันปล้นทรัพย์: พฤติการณ์เป็นตัวการร่วม แม้จะอ้างเหตุผลอื่น
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ตบศรีษะ ผู้เสียหาย แล้วจำเลยที่ 4ใช้อาวุธปืนขู่ผู้เสียหายให้นั่งกับพื้น เมื่อเก็บอาวุธปืนแล้วได้นำ ผู้เสียหายไปขึ้นรถยนต์ จำเลยที่ 3 เป็นคนขับ จำเลยที่ 4 นั่งหน้า จำเลยที่ 1 และที่ 2 นั่งประกบผู้เสียหายซึ่งนั่งกลางที่เบาะหลัง แล้วขับรถไปด้วยกันเมื่อทำร้ายผู้เสียหายจนได้เงินและปล่อย ผู้เสียหายแล้ว จำเลยทั้งสี่ก็หลบหนีไปด้วยกัน ถือได้ว่าจำเลย ทั้งสี่เป็นตัวการร่วมในการปล้นทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2998/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีเดิมซ้ำ โดยอาศัยเหตุผลและเอกสารหลักฐานเดิม ศาลยกฟ้อง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีก่อนคดีถึงที่สุดแล้วโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีเอกสารหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดง เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสอง เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีแล้วว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดงต่อศาล โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่ฟ้องในคดีก่อน จึงเป็นการขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีโดยอาศัยเหตุเรื่องหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดิมนั้นอีก เป็นการฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2674/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การหลังพ้นกำหนด แม้มีเหตุผลเรื่องวันรับหมายเรียกที่ไม่ถูกต้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ซึ่งข้อความในมาตราดังกล่าวมิได้บัญญัติไว้ว่า ศาลจะออกคำสั่งตามคำขอได้ต้องทำการไต่สวนก่อน ดังนั้นจึงเป็นอำนาจของศาลที่จะไต่สวนก่อนออกคำสั่งหรือไม่ตามที่ศาลเห็นสมควรและตามคำร้องของจำเลยได้บรรยายความไว้ว่าภริยาจำเลยเป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ในวันที่ 19พฤษภาคม 2531 แต่ได้แจ้งแก่จำเลยว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันที่ 20 พฤษภาคม 2531 จำเลยจึงรับทราบวันที่รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องคลาดเคลื่อน โดยตามคำร้องของจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่าเจ้าพนักงานศาลส่งหมายแก่จำเลยขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด เมื่อข้อเท็จจริงที่ได้จากคำร้องของจำเลยชัดแจ้งพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อนออกคำสั่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2647/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธฟ้องต้องชัดเจนและให้เหตุผล หากไม่ทำ ถือว่ายอมรับข้ออ้างของโจทก์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออก จำเลยที่ 3เป็นผู้สลักหลัง จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์แต่เพียงในสิ่งที่ไม่ใช่สาระสำคัญว่าเช็คตามฟ้องไม่มีมูลหนี้ตกไปอยู่ในความครอบครองของโจทก์โดยไม่สุจริต และโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยไม่สุจริต แม้จำเลยจะให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้ให้เหตุแห่งการปฏิเสธไว้ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองยอมรับตามฟ้อง ดังนี้ไม่จำต้องให้คู่ความนำสืบข้อเท็จจริงอื่นใดที่ไม่จำเป็นแก่คดีอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ครอบครองทรัพย์สินในการเป็นผู้เสียหาย, พยานหลักฐานนอกสำนวนสอบสวน, การลดโทษตามเหตุผล
โจทก์ร่วมเช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกจำเลยลักไปมาจากผู้อื่นแม้ว่าขณะเกิดเหตุกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของโจทก์ร่วมก็ตาม แต่โจทก์ร่วมเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว เมื่อถูกจำเลยแบ่งการครอบครอง โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการโจทก์ได้ ไม่มีกฎหมายบังคับว่าเอกสารที่จะอ้างหรือนำสืบในคดีอาญาจะต้องเป็นเอกสารที่ได้มีการสอบสวนและอยู่ในสำนวนการสอบสวนเท่านั้น ดังนั้น ศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะรับฟังบันทึกคำรับสารภาพแผนที่บ้านจำเลย และภาพถ่ายประกอบพยานหลักฐานอื่นเพื่อลงโทษจำเลยได้ แม้ว่าเอกสารดังกล่าวจะมิใช่เอกสารที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการทุเลาการบังคับคดี: การแสดงเหตุผลตามมาตรา 141
การที่ศาลอุทธรณ์จะอนุญาตให้ทุเลาการบังคับที่จำเลยยื่นคำร้องขอมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 หรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งว่า พิเคราะห์แล้วคดีไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั้นเป็นการแสดงว่า ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาเหตุผลตามคำร้องของจำเลยและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วมีดุลพินิจไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ และถือได้ว่า เป็นการแสดงเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยในการมีคำสั่งตามคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลย ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตนเองเกินสมควร การยิงทำร้ายถึงแก่ชีวิต ศาลลดโทษตามเหตุผล
วันเกิดเหตุจำเลยต่อว่าผู้ตายเรื่องผู้ตายทุบตีภรรยาซึ่งเป็นบุตรสาวจำเลย และกล่าวหาว่าผู้ตายลักเงินของจำเลยไป ผู้ตายท้าทายแล้วถือมีดขอเข้าไปหาจำเลยพูดว่าจะเอาอย่างไรก็เอา จำเลยร้องห้ามว่าอย่าเข้ามา แต่ผู้ตายไม่ยอมฟังกลับเดินเข้าหา จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงไปที่หน้าอกผู้ตาย 1 นัด เป็นการกระทำโดยป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แต่ผู้ตายไม่ได้จู่โจมทำร้ายจำเลยอาจเลือกยิงอวัยวะอื่นที่ไม่เป็นอันตรายถึงตายได้ การที่จำเลยยิงที่หน้าอกซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
of 64