คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บังคับคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนที่รุกล้ำเมื่อสิทธิของผู้ร้องหมดไป
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำเลยรื้อผนังตึกที่สร้างรุกล้ำ และขนย้ายออกไปให้พ้นเขตที่โจทก์มีสิทธิการเช่า ในชั้นที่โจทก์ขอบังคับคดีเจ้าของที่ดินผู้ให้เช่าได้บอกเลิกการเช่ากับโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่พิพาทนั้นโดยตรงจากเจ้าของแล้ว ดังนั้นฐานะในคดีของโจทก์เปลี่ยนเป็นว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะใช้ที่พิพาทต่อไปและจำเลยคงอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าโดยตรงจากเจ้าของ รูปคดีไม่มีประโยชน์ต่อโจทก์ที่จะบังคับคดีโจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ สิทธิอาศัย และขอบเขตการบังคับคดี การฟ้องร้องซ้ำซ้อน
เมื่อโจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว ถ้าจำเลยขัดขวางไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมในคดีเดิม จะนำคดีเรื่องเดียวกันที่ศาลชี้ขาดแล้วมาฟ้องขอให้ศาลบังคับเป็นอีกคดีหนึ่งโดยอ้างเหตุว่าจำเลยขัดขวางไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีเดิมซึ่งยังมีผลบังคับได้อยู่ ย่อมไม่เป็นการถูกต้อง ส่วนการที่โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันเองนอกเหนือจากสัญญาประนีประนอมยอมความอีกนั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและผิดข้อตกลงตามสัญญาที่ทำกันเอง เรื่องผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในคดีเดิม ศาลย่อมวินิจฉัยให้ในคดีหลังเฉพาะในข้อที่ว่าจำเลยผิดสัญญาที่ทำกันเองหรือไม่ และจะบังคับตามคำขอของโจทก์ได้หรือไม่เท่านั้น
โจทก์จดทะเบียนสิทธิอาศัยและภารติดพันในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จำเลยจึงเป็นผู้ทรงทรัพยสิทธิ์นั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1406 ได้บัญญัติให้สิทธิแก่ผู้อาศัยไว้ว่า ถ้าผู้ให้อาศัยมิได้ห้ามไว้โดยชัดแจ้ง ผู้อาศัยจะเก็บดอกผลธรรมดาหรือผลแห่งที่ดินมาใช้เพียงที่จำเป็นแก่ความต้องการของครัวเรือนก็ได้ และมาตรา 1429 บัญญัติว่าอสังหาริมทรัพย์อาจตกอยู่ในภาระติดพันอันเป็นเหตุให้ผู้รับประโยชน์มีสิทธิ ฯลฯ ได้ใช้และถือเอาซึ่งประโยชน์แห่งทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ ในเรื่องนี้โจทก์ได้จดทะเบียนภารติดพันในอสังหาริมทรัพย์ไว้ว่า โจทก์ตกลงยินยอมให้จำเลยอาศัยและทำกินในที่ดินพิพาทได้ตลอดชีวิต เมื่อโจทก์มิได้ตั้งรูปคดีที่จะฟ้องขอเพิกถอนสิทธิอาศัยและสิทธิภารติดพันในอสังหาริมทรัพย์หรือฟ้องโดยอาศัยบทบัญญัติต่างๆ ในมาตรา 1409 ศาลก็จะบังคับตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยส่งมอบอาคารในบริเวณที่ดินที่จำเลยอาศัยให้แก่โจทก์และห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับอาคารดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: สิทธิฟ้องบังคับคดีเมื่อชำระค่าที่ดินครบถ้วน
จำเลยตกลงขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ ได้ทำสัญญากู้กันไว้เท่าราคาที่ดิน จำเลยรับเงินไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้ว โดยจำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส. โอนที่พิพาทให้โจทก์ ต่อมาจำเลยกลับมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินบอกเลิกใบมอบอำนาจดังกล่าว ดังนี้ ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องร้องบังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: สิทธิเรียกร้องบังคับคดีเมื่อชำระค่าที่ดินครบถ้วน
จำเลยตกลงขายที่พิพาทให้โจทก์ ได้ทำสัญญากู้กันไว้เท่าราคาที่ดิน จำเลยรับเงินไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้วโดยจำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส. โอนที่พิพาทให้โจทก์ต่อมาจำเลยกลับมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินบอกเลิกใบมอบอำนาจดังกล่าว ดังนี้ ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องร้องบังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 560/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนมีคำสั่งให้กักขัง จำเลยต้องแสดงเหตุผลที่ไม่อาจปฏิบัติตามคำพิพากษาได้
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ขอให้จับจำเลยมากักขังไว้จนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์จำเลยยังคงโต้เถียงกันอยู่ว่า จำเลยสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้หรือไม่ ศาลสมควรที่จะไต่สวนให้ข้อเท็จจริงดังกล่าวฟังเป็นยุติเสียก่อนที่จะสั่งยกหรืออนุญาตตามคำร้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำสั่งศาลชั่วคราวหลังมีคำพิพากษา และการนับระยะเวลาค่าใช้จ่ายรักษาทรัพย์ในการบังคับคดี
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้จากจำเลย ระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยึดเรือเดินทะเลของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้เคลื่อนย้ายเรือลำดังกล่าวออกจากอู่เรือของผู้ร้องผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้โจทก์ถอยเรือออกไปให้พ้นท่าเทียบเรือของผู้ร้อง ต่อมาโจทก์กับผู้ร้องได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาว่า โจทก์ยอมให้เงินผู้ร้องในการที่เรือจอดอยู่ที่อู่ของผู้ร้องเดือนละ 3,000 บาทจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยจะจ่ายให้เมื่อได้ขายทอดตลาดเรือแล้ว และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี ต่อมาศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้โจทก์และโจทก์ขอหมายบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) ดังนี้ คำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณาก่อนมีคำพิพากษาคงมีผลต่อไปไม่ได้ถูกยกเลิก ทั้งจะถือว่าศาลได้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ ห้ามเคลื่อนย้ายเรือเป็นอย่างอื่นก็ไม่ได้ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดเรือนั้นไป การนับระยะเวลาที่ผู้ร้องจะได้รับค่ารักษาทรัพย์เดือนละ 3,000 บาทนั้น จึงต้องนับถึงวันที่ได้ย้ายเรือออกไปจากอู่ของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำขอท้ายฟ้องที่ให้ถือคำพิพากษาแทนเจตนาจำเลย และการบังคับคดีตามสัญญาให้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ประสงค์จะยกที่ดินให้ ฉ. และจำเลยที่ 1 คนละครึ่ง จำเลยร่วมกันหลอกลวงให้โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยที่ 1 ทั้งแปลงก่อน โดยจำเลยที่ 1 ตกลงจะแบ่งให้ ฉ. ครึ่งหนึ่งภายหลัง และจะระบุข้อตกลงไว้ในหนังสือสัญญาให้ด้วย โจทก์จึงลงลายพิมพ์นิ้วมือในหนังสือสัญญาให้ ต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 ไม่แบ่งที่ดินให้ ฉ. มิได้ระบุข้อตกลงไว้ในสัญญาให้ และได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 จำนองที่พิพาทไว้กับธนาคาร สัญญาให้จึงไม่สมบูรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยไถ่ถอนจำนอง โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย และแบ่งที่พิพาทที่ไถ่ถอนแล้วให้ ฉ. ครึ่งหนึ่ง ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ดังนี้ ในกรณีที่โจทก์ชนะคดีและจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาจะด้วยเหตุใดก็ตาม โจทก์ก็อาจไถ่ถอนที่ดินพิพาทอันมีผลผูกพันส่วนที่จะยกให้ ฉ. เสียเอง แล้วมาฟ้องเรียกร้องเอาค่าไถ่ถอนคืนจากจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งก็ได้ สำหรับผู้รับจำนองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกก็อาจร้องสอดหรืออาจถูกเรียกให้เข้ามาในคดีนี้ได้อยู่แล้ว หรือคู่กรณีจะเลือกฟ้องร้องกันใหม่เป็นอีกคดีหนึ่งก็ได้
ความประสงค์ของโจทก์ตามคำขอก็คือต้องการให้จำเลยโอนที่พิพาทครึ่งหนึ่งให้ ฉ. โดยปลอดจำนองเท่านั้น ซึ่งถ้าปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญากับโจทก์รับที่ดินพิพาทไว้โดยมีข้อตกลงดังกล่าว จำเลยก็ถูกผูกมัดโดยสัญญาที่จะต้องโอนที่ดินให้ ฉ. ตามที่โจทก์ขอมา ส่วนการที่ ฉ. จะรับการให้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งในชั้นบังคับคดี หาทำให้คำขอของโจทก์บังคับไม่ได้แต่อย่างไรไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาให้ที่ดินมีเงื่อนไข โอนให้ผู้อื่น & การบังคับคดี: ศาลอนุญาตให้โจทก์ไถ่ถอนจำนองแทนจำเลยได้
สัญญาให้ที่ดิน ผู้รับให้ไม่โอนที่ดินแก่ผู้อื่นต่อไปกึ่งหนึ่งตามที่ตกลงไว้กับผู้ให้ กลับเอาที่ดินไปจำนอง ผู้ให้ฟ้องบังคับให้ผู้รับให้ไถ่จำนองและโอนกึ่งหนึ่งแก่คนภายนอกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามลำดับขั้นตอนที่ศาลพิพากษา การแบ่งทรัพย์สินก่อนชำระค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ให้กลับมาเป็นของโจทก์และจำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง ให้แบ่งที่ดินดังกล่าวให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 คนละเท่า ๆ กัน หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้ประมูลระหว่างกันเอง หรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง หากจำเลยทั้งสองไม่สามารถจัดการให้เป็นไปตามข้อแรกได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย หรือค่าที่ดินให้โจทก์ 150,000 บาท ดังนี้ การบังคับคดีต้องเป็นไปตามลำดับที่ศาลได้พิพากษาไว้ คือต้องแบ่งที่ดินพิพาทกันระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของรวมเสียก่อน ถ้าการแบ่งตกลงกันไม่ได้ก็เอาที่ดินออกขายแบ่งเงินกันตามส่วน จำเลยที่ 1 จะไม่ยอมแบ่งที่ดินให้โจทก์โดยจะเลือกใช้ค่าเสียหายแทนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการบังคับคดีตามคำพิพากษา: ต้องแบ่งทรัพย์สินก่อนใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ให้กลับมาเป็นของโจทก์และจำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง ให้แบ่งที่ดินดังกล่าวให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 คนละเท่าๆกัน หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้ประมูลระหว่างกันเอง หรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง หากจำเลยทั้งสองไม่สามารถจัดการให้เป็นไปตามข้อแรกได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายหรือค่าที่ดินให้โจทก์150,000บาท ดังนี้ การบังคับคดีต้องเป็นไปตามลำดับที่ศาลได้พิพากษาไว้ คือต้องแบ่งที่ดินพิพาทกันระหว่างโจทก์และจำเลยที่1 ผู้เป็นเจ้าของรวมเสียก่อน ถ้าการแบ่งตกลงกันไม่ได้ก็เอาที่ดินออกขายแบ่งเงินกันตามส่วน จำเลยที่ 1 จะไม่ยอมแบ่งที่ดินให้โจทก์โดยจะเลือกใช้ค่าเสียหายแทนหาได้ไม่
of 270