คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาซื้อขาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,003 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กลฉ้อฉลในสัญญาซื้อขาย จำเลยต้องนำสืบหักล้างหลักฐานโจทก์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาต่ออำเภอขายที่พิพาทให้โจทก์แล้ว,จึงขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทจำเลยให้การ รับว่า ได้ไปทำสัญญาดังกล่าวจริง แต่แก้ไปว่ามสัญญานี้เกิดจากโจทก์ใช้อุบายล่อลวงเป็นกลฉ้อฉลความจริงเป็น เรื่องเจตนาขายฝากดังนี้ จำเลยมีหน้าที่จะต้องสืบก่อน เพื่อหักล้างหลักฐานฝ่ายโจทก./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อฟื้นคดีที่พิพากษาเด็ดขาดแล้ว และค่าเสียหายพิเศษจากการผิดสัญญาซื้อขาย
เจ้าของที่ดินได้ฟ้องโจทก์กับจำเลยขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยโดยอ้างว่าที่ดินเป็นของ เขา จำเลยไม่มีอำนาจเอาไปขายให้แก่โจทก์ ถ้าหากโจทก์เห็นว่า เจ้าของที่ดินเชิดจำเลยเป็นตัวแทนขายที่ดินให้ โจทก์ ๆ ก็ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคดีนั้นได้ แต่โจทก์มิได้ยกประเด็นข้อนี้เป็นข้อต่อสู้ เมื่อศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดิน ชนะคดีไปแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องเจ้าของที่ดินขอให้รับผิดในการที่เชิดจำเลยเป็นตัวแทนมาขายที่ดินนั้นแก่โจทก์ และขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นเสีย ดังนี้ ได้ชื่อว่ารื้อฟื้นคดีที่ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วมาว่า กล่าวกันใหม่ เป็นการต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 148.
การที่ผู้ซื้อที่ดินจะได้กำไรจากการนำที่ดินนั้นไปขายต่อให้แก่ผู้อื่นนั้น มิใช่เป็นวิสัยธรรมดา อันพึงบังเกิดจากการ ผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเหตุให้ผู้ซื้อไม่ได้กำไรจากการขายต่อไปนั้น ย่อมถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์ พิเศษตาม ป.พ.พ.มาตรา 222 วรรค 2 ซึ่งถ้าผู้ขายได้คาดเห็น หรือควรได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้ว ผปู้ขายจึงต้องรับผิด ถ้าผู้ซื้อนำสืบไม่ได้ว่าผู้ขายได้รู้หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าแล้ว ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิดในค่า เสียหายพิเศษนี้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องรื้อคดีที่สิ้นสุดแล้ว และค่าเสียหายจากกรณีพิเศษหลังผิดสัญญาซื้อขาย
เจ้าของที่ดินได้ฟ้องโจทก์กับจำเลยขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลย โดยอ้างว่าที่ดินเป็นของเขา จำเลยไม่มีอำนาจเอาไปขายให้แก่โจทก์ ถ้าหากโจทก์เห็นว่า เจ้าของที่ดินเชิดจำเลยเป็นตัวแทนขายที่ดินให้โจทก์ๆก็ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคดีนั้นได้ แต่โจทก์มิได้ยกประเด็นข้อนี้เป็นข้อต่อสู้ เมื่อศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดีไปแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องเจ้าของที่ดินขอให้รับผิดในการที่เชิดจำเลยเป็นตัวแทนมาขายที่ดินนั้นแก่โจทก์ และขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นเสียดังนี้ ได้ชื่อว่ารื้อฟื้นคดีที่ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วมาว่ากล่าวกันใหม่ เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่ผู้ซื้อที่ดินจะได้กำไรจากการนำที่ดินนั้นไปขายต่อให้แก่ผู้อื่นนั้น มิใช่เป็นวิสัยธรรมดา อันพึงบังเกิดจากการผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเหตุให้ผู้ซื้อไม่ได้กำไรจากการขายต่อไปนั้น ย่อมถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์พิเศษตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 วรรคสอง ซึ่งถ้าผู้ขายได้คาดเห็นหรือควรได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้วผู้ขายจึงจะต้องรับผิด ถ้าผู้ซื้อนำสืบไม่ได้ว่าผู้ขายได้รู้หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าแล้ว ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายพิเศษนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายข้าวสารเกิน 500 บาท และความรับผิดของตัวแทนต่อบุคคลภายนอก
การซื้อขายข้าวสารและรำราคาเกิน 500 บาท ซึ่งผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องให้ชำระราคาได้
ตัวแทนไม่ต้องรับผิดต่อคนภายนอกเป็นส่วนตัว ในสัญญาที่ได้ทำแทนตัวการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วมที่ดินฟ้องเรียกที่ดินส่วนขาดจากผู้ได้เกินกว่าตกลงได้
โจทก์จำเลย ซื้อที่ดินร่วมกันในที่ดินโฉนดเดียวกัน โจทก์ได้ที่ดินน้อยกว่าที่ได้ตกลงซื้อไว้ส่วนจำเลยกลับได้ที่ดินเกินกว่าจำนวนที่ตกลงซื้อไว้ ดังนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมด้วยผู้หนึ่ง ได้รับความเสียหายเพราะที่ดินขาดไปจึงมีอำนาจฟ้องเรียกที่ดินที่ขาดจากจำเลยในฐานะเป็นเจ้าของที่ดินด้วยกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าปรับในสัญญาซื้อขายถือเป็นค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า การผ่อนผันเวลาชำระหนี้ไม่ทำให้สิทธิเรียกค่าปรับหมดไป
ข้อตกลงที่เรียกกันว่า "ค่าปรับ" เมื่อผิดสัญญานั้น ก็คือค่าสินไหมทดแทนที่กำหนดกันไว้ล่วงหน้านั่นเอง
ข้อความในสัญญามีความว่า "ฯลฯ หากปรากฎว่าผู้ขายไม่ส่งมอบไม้ให้กับผู้ซื้อให้ครบภายในเวลาดังกล่าวข้างต้น ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที ฯลฯ" นั้นหมายความว่าเป็นความตกลงให้ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเท่านั้น หาใช่เป็นบทบังคับว่าผู้ซื้อจะต้องใช้สิทธิ ทันที่จึงจะได้ค่าปรับไม่ การที่ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาแต่ยังไม่ใช้สิทธินั้น ผ่อนผันให้ผู้ขายได้แก้ตัวโดยเห็นใจผู้ขายต่อมาโดยความขอร้องของผู้ขายนั้นหาทำให้ผู้ซื้อหมดสิทธิเรียกค่าปรับในที่สุดอย่างใดไม่
การที่บริษัทอันเป็นนิติบุคคลจะทำนิติกรรมใดนั้นอาจกระทำได้โดยผู้แทนของบริษัท คือกรรมการลงชื่อตามจำนวน และประทับตราตามข้อบังคับของบริษัทนิติบุคคล แต่บริษัทนิติบุคคลก็ย่อมมีตัวแทน หรือเชิดให้ผู้อื่นเป็นตัวแทนไปกระทำนิติกรรมอันผูกพันบริษัทได้เหมือนกัน
ฉะนั้นแม้ข้อบังคับของบริษัทจะมีว่ากรรมการต้องลงนาม 2 คน จึงจะทำการแทนบริษัทได้ แต่เมื่อกรรมการผู้จัดการ เพียงคนเดียวไปลงลายมือชื่อลงในสัญญาและประทับตราของบริษัทกำกับไว้ อันจะเถียงไม่ได้ว่าได้ทำในฐานะตัว แทนของบริษัท และบริษัทก็ได้รับเอาผลของนิติกรรมนั้นตลอดมาด้วยดังนี้ บริษัทจะปฏิเสธความรับผิด เมื่อถึง คราวจะต้องรับผิดหาได้ไม่
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 381 วรรค 3 ที่มีข้อความว่า "ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว จะเรียกเอาเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อได้ บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้น " นี้หมายความว่า ลุกหนี้ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โดยสิ้นเชิงแล้ว ถ้าลูกหนี้ยังชำระหนี้ให้ เจ้าหนี้ไม่ครบจำนวน กรณีก็ยังไม่เข้ามาตรา 381 วรรค 3.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าปรับในสัญญาซื้อขายคือค่าสินไหมทดแทนที่ตกลงกันไว้ การผัดผ่อนการใช้สิทธิไม่ทำให้สิทธิเรียกร้องค่าปรับหมดไป
ข้อตกลงที่เรียกกันว่า"ค่าปรับ"เมื่อผิดสัญญานั้น ก็คือค่าสินไหมทดแทนที่กำหนดกันไว้ล่วงหน้านั่นเอง
ข้อความในสัญญามีความว่า "ฯลฯหากปรากฏว่าผู้ขายไม่ส่งมอบไม้ให้กับผู้ซื้อให้ครบภายในเวลาดังกล่าวข้างต้นผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีฯลฯ" นั้นหมายความว่าเป็นความตกลงให้ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเท่านั้น หาใช่เป็นบทบังคับว่าผู้ซื้อจะต้องใช้สิทธิ ทันทีจึงจะได้ค่าปรับไม่ การที่ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาแต่ยังไม่ใช้สิทธินั้น ผ่อนผันให้ผู้ขายได้แก้ตัวโดยเห็นใจผู้ขายต่อมาโดยความขอร้องของผู้ขายนั้น หาทำให้ผู้ซื้อหมดสิทธิเรียกค่าปรับในที่สุดอย่างใดไม่
การที่บริษัทอันเป็นนิติบุคคลจะทำนิติกรรมใดนั้นอาจกระทำได้โดยผู้แทนของบริษัท คือกรรมการลงชื่อตามจำนวนและประทับตราตามข้อบังคับของบริษัทนิติบุคคล แต่บริษัทนิติบุคคลก็ย่อมมีตัวแทนหรือเชิดให้ผู้อื่นเป็นตัวแทนไปกระทำนิติกรรมอันผูกพันบริษัทได้เหมือนกัน
ฉะนั้นแม้ข้อบังคับของบริษัทจะมีว่ากรรมการต้องลงนาม 2 คน จึงจะทำการแทนบริษัทได้ แต่เมื่อกรรมการผู้จัดการเพียงคนเดียวไปลงลายมือชื่อลงในสัญญาและประทับตราของบริษัทกำกับไว้ อันจะเถียงไม่ได้ว่าได้ทำในฐานะตัวแทนของบริษัท และบริษัทก็ได้รับเอาผลของนิติกรรมนั้นตลอดมาด้วย ดังนี้บริษัทจะปฏิเสธความรับผิด เมื่อถึงคราวจะต้องรับผิดหาได้ไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 381 วรรค 3 ที่มีข้อความว่า "ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว จะเรียกเอาเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อได้บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้น" นี้หมายความว่าลูกหนี้ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โดยสิ้นเชิงแล้ว ถ้าลูกหนี้ยังชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ไม่ครบจำนวน กรณีก็ยังไม่เข้ามาตรา 381 วรรค 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ซื้อที่ดินจากการครอบครอง แม้สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์
ซื้อขายที่ดินกันโดยทำหนังสือกันเอง ไม่ถูกแบบ ซึ่งไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายนั้น เมื่อผู้ขายสละสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นให้ผู้ซื้อแล้ว พอผู้ซื้อเข้าไปถากถางที่ก็มีผู้อื่นเข้ามาขัดขวาง ดังนี้ ผู้ซื้อย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้ห้ามผู้นั้นมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับที่นั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายข้าวเปลือกปากเปล่ามีผลผูกพันเมื่อมีการส่งมอบข้าวแล้ว
ซื้อขายข้าวเปลือกราคากว่า 500 บาท กันด้วยปากเปล่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือและไม่ได้วางมัดจำกัน แต่ผู้ซื้อได้รับมอบข้าวที่ซื้อขายไปแล้ว ดังนี้ สัญญาซื้อขายย่อมบังคับได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายข้าวเปลือกด้วยปากเปล่ามีผลผูกพันเมื่อมีการส่งมอบข้าว
ซื้อขายข้าวเปลือกราคากว่า 500 บาทกันด้วยปากเปล่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ และไม่ได้วางมัดจำกัน แต่ผู้ซื้อได้รับมอบข้าวที่ซื้อขายกันไปแล้วดังนี้ สัญญาซื้อขายย่อมบังคับกันได้ตามกฎหมาย
of 201