คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการริบเครื่องมือการพนัน: ดุลพินิจในการริบโต๊ะบิลเลียดและอุปกรณ์
การริบเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นการพนันนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาลจะริบหรือไม่ ก็ได้
จำเลยเล่นการพนันบิลเลียดชนิดตีผี ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดแล้วแต่เห็นสมควรไม่ริบ โต๊ะบิลเลียด ไม้คิวและลูกบิลเลียดที่จำเลยใช้เล่นการพนันดังกล่าว ก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081-2082/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งออกหมายจับเพื่อรับสำเนาอุทธรณ์: ศาลชั้นต้นมีอำนาจโดยตรง ศาลอุทธรณ์มีอำนาจใช้ดุลพินิจ
โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์ออกหมายจับ ศาลอุทธรณ์สั่งให้ยกคำร้องเสียโจทก์ฎีกาขึ้นมาได้โดยที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำหน่ายคดีนั้น เพราะไม่ใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2498)
การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่คู่ความนั้นเป็นหน้าที่ศาลชั้นต้น(อ้างฎีกาที่ 130/2482) โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้ออกหมายจับ
มาตรา 207 ไม่ใช่บทบังคับศาลอุทธรณ์ เพียงแต่ให้อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งแล้วแต่กรณี ศาลฎีกาจะสั่งกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ให้ศาลอุทธรณ์สั่งศาลชั้นต้นออกหมายจับอีกต่อหนึ่งนั้นไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษจำคุกซ้ำ: ศาลมีอำนาจแม้จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษไว้ แล้วกลับมากระทำผิดอีกภายในกำหนดเวลา ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยอีกได้
คำว่า "ได้รับโทษจำคุกมาก่อน" ใน มาตรา 41 ที่แก้ไขใหม่หมายความว่า จำเลยต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้ว หาใช่เพียงแต่ถูกคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษจำคุกนั้นไว้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1818/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำเพื่อป้องกันชีวิตย่อมไม่เป็นความผิด แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้
ฟ้องว่าพยายามฆ่าคนโดยเจตนานั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดกฎหมายแม้จำเลยจะไม่ได้ฎีกา ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1630/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอห้ามเพิ่มเติมหลังพิพากษาปรับ
ในคดีที่ขอให้ห้ามจำเลยไม่ให้ก่อความรำคาญตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยว่า จะควรห้ามตามคำขอของโจทก์ด้วยหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำค่าเสียหาย: การฟ้องเรียกค่าเสียหายซ้ำในประเด็นที่เคยฟ้องร้องและศาลมีอำนาจพิจารณาแล้ว ถือเป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.แพ่ง ม.148
โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายแล้ว ในคดีนั้นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องเท่านั้น คดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกาพิพากษาให้ค่าเสียหายเพียงแค่วันฟ้อง ดังนี้ แม้ปรากฎว่าจำเลยเพิ่งจะส่งมอบห้องพิพาทแก่โจทก์ โจทก์จะกลับมาฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายนับตั้งแต่วันฟ้องในคดีก่อนจนถึงวันจำเลยส่งมอบห้องพิพาทใหม่อีกไม่ได้
ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องใหม่นี้ โจทก์มีทางจะเรียกรวมไปในคดีก่อน และศาลก็อาจพิพากษาให้จำเลย+ได้อยู่แล้วเป็นฟ้องในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกับคดีก่อน ต้องห้ามตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นนอกเหนือจากที่ศาลชั้นต้นชี้ขาด และการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
คดีฟ้องขับไล่ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกการเช่า พิพากษายกฟ้อง ในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยได้รับคำบอกเลิกสัญญาแล้ว และมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงในประเด็นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดไว้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ได้ เพราะไม่มีกฎหมายอะไรห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งทรัพย์สินตามคำพิพากษา: ศาลมีอำนาจสั่งขายทอดตลาดหากตกลงแบ่งไม่ได้
ป.ม.แพ่ง ม.1364 ไม่ใช่บทบังคับว่าศาลจำต้องสั่งให้มีการแบ่งตัวทรัพย์ที่พิพาทกันเสมอไป
ศาลได้พิพากษาให้แบ่งที่พิพาทระหว่างโจทก์จำเลยตามส่วน ถ้าไม่สามารถแบ่งได้ ให้ประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลย แล้วแบ่งเงินกันหากยังไม่ตกลงกันได้อีกก็ให้ ขายทอดตลาดแบ่งเงินดังนี้ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ทั้งในเรื่องที่ดินและประมูลราคากัน ศาลก็ต้องสั่งให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาโทษและยกฟ้องเมื่ออุทธรณ์ขอให้ลงโทษ แต่ข้อเท็จจริงไม่สมควรลงโทษ
คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงดทษจำเลยตามฟ้องของโจทก์แล้วแต่ดุลยพินิจให้รอการลงอาญาโทษจำคุกไว้ แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์คงมีโจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวขอให้ลงโทษจำคุกโดยนไม่รอการลงอาญาก็ตาม ในการใช้ดุลยพินิจข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ จำต้องตรวจข้อเท็จจริงและเมื่อศาลอุทธรณ์ จำต้องตรวจข้อเท็จจริงและเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามข้อเท็๋จจริงยังไม่สมควรที่จะลงโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาให้เป็นคุณแก่จำเลยได้ คือพิพากษายกฟ้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการใช้ดุลยพินิจลดโทษปรับในความผิด พ.ร.บ.ฝิ่น ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา
ความผิดตาม พ.ร.บ. ฝิ่น ซึ่งบัญญัติโทษไว้ทั้งจำคุกและปรับนั้น ถ้าไม่ใช่กรณีเรื่องเพิ่มโทษตาม พ.ร.บ.ฝิ่น พ.ศ. 2472 มาตรา 68 แล้ว ก็ตกอยู่ภายในบทบัญญัติของมาตรา 11, 23 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญา คือเมื่อศาลเห็นสมควร จะยกโทษปรับเสีย,ให้จำเลยรับโทษจำคุกแต่สถานเดียวก็ได้./
of 222