คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อำนาจวินัยทางราชการหลังคำพิพากษาศาลฎีกายกฟ้อง การพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยต้องคำนึงถึงคำพิพากษา
การสอบสวนทางวินัยโจทก์เกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาว่าโจทก์ร่วมกับพวกทำหลักฐานเท็จว่ามีผู้แจ้งความนำจับสินค้าหลบเลี่ยงภาษีศุลกากรและขอรับเงินสินบนนำจับจากกรมศุลกากรไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวนั้น คณะกรรมการที่จำเลยที่ 1 แต่งตั้งสอบสวนได้ความจากพยานหลักฐานว่า การจับกุมสินค้าหนีภาษีรายนี้ไม่มีสายลับแจ้งความนำจับ ประกอบกับรูปคดีมีพิรุธไม่น่าเชื่อว่าภรรยาของผู้จับกุมจะเป็นสายลับแจ้งความนำจับเสียเอง แม้ในคดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องว่าร่วมกันฉ้อโกง และทำหลักฐานเท็จ ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง แต่คณะกรรมการสอบสวนและจำเลยทั้งสอง ก็อาจเห็นว่าโจทก์ยังมีมลทินมัวหมองตามความเห็นเดิม ได้ การที่จำเลยทั้งสองใช้ดุลพินิจ เสนอความเห็นไปยังนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีก็โดยมีพยานหลักฐานปรากฏตามสำนวนการสอบสวน ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อำนาจวินัยและการพิจารณาอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาคดีอาญา
แม้คดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้อง ศาลฎีกาจะได้พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงแล้วจำเลยทั้งสองก็อาจมีความเห็นว่า โจทก์ยังมีมลทินมัวหมองในกรณีที่ถูกสอบสวนทางวินัย และใช้ดุลพินิจเสนอความเห็นไปยังนายกรัฐมนตรีโดยมีพยานหลักฐานปรากฏตามสำนวนการสอบสวน จนเป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ซึ่งอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่ให้โจทก์พักราชการและปลดโจทก์ออกจากราชการ การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2738/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินหลีกเลี่ยงชำระหนี้หลังใช้สิทธิเรียกร้อง: ข้อจำกัดการอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.ศาลแขวง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยขาดเจตนา อันเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1โอนกิจการโรงเรียนให้จำเลยที่ 2 ภายหลังจากโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งสองมีเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลต้องวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499มาตรา 22

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี, การบังคับคดี, และการพิพากษาคดีทรัพย์สิน: ข้อจำกัดการอุทธรณ์และดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยาน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิจารณาคดีชั้นร้องขัดทรัพย์ใหม่โดยไม่ไต่สวนและสั่งให้ผู้ร้องนำพยานมาสืบใหม่โดยอนุญาตให้โจทก์ถามค้าน คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี เมื่อผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226(2) การที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงและพิพากษาคดีขัดต่อกฎหมาย เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการชั่งน้ำหนักคำพยาน จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์บ้านซึ่งปลูกติดอยู่กับที่ดินซึ่งโดยสภาพของบ้านก่อนมีการรื้อถอนย่อมเป็นอสังหาริมทรัพย์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 100 จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยในการยื่นอุทธรณ์ล่าช้า: ความบกพร่องในการขนส่งทั่วไปไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
ทนายจำเลยห่อคำฟ้องอุทธรณ์แล้วส่งให้จำเลยทางรถยนต์โดยสารประจำทาง ไม่ปรากฏว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติวิสัยเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่ง ที่จำเลยไม่ได้รับห่อคำฟ้องอุทธรณ์ภายในกำหนดโดยอ้างว่าเป็นความผิดของพนักงานบริษัทรถยนต์โดยสารที่ค้นหาหรือส่งห่อคำฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยล่าช้าพฤติการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้เสมอในการขนส่งทั่วไป ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่ศาลจะอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองอุทธรณ์คดีต้องห้าม และการยกเหตุผลประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษ
เมื่อพนักงานอัยการได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมอัยการได้พิจารณาเห็นว่า ควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ก็รับรองให้อุทธรณ์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องรับรองในวันที่ยื่นอุทธรณ์ เพียงแต่ให้มีคำรับรองปรากฏให้เห็นขณะที่มีการยื่นอุทธรณ์ และถ้อยคำที่ใช้ให้มีความหมายให้เห็นว่าเป็นการรับรองข้อที่ต้องห้ามก็ชอบแล้ว ส่วนเหตุผลในการรับรองนั้นกฎหมายมิได้กำหนดแบบว่าจะต้องปรากฏในคำรับรองนั้นด้วยแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงที่โจทก์ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ที่ว่าการบรรทุกน้ำหนักเกินอัตราเป็นภัยอันตรายเพราะรัฐบาลต้องใช้งบประมาณสร้างถนนในวงเงินที่สูงขึ้น...นั้นเป็นการอ้างเหตุผลเพื่อประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษเท่านั้น ไม่ใช่เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทำผิดที่อ้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะถือว่าไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นเป็นการอุทธรณ์ที่ไม่ชอบหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ราคาสินค้านำเข้า: การประเมินราคาที่แท้จริงและการอุทธรณ์ผลการประเมินภาษี
ผู้ขายสินค้าในประเทศญี่ปุ่นตั้งราคาสินค้าให้โจทก์ตามราคาที่ปรากฏในใบกำกับสินค้า (อินวอยซ์) และบัญชีราคาสินค้า (ไพรซ์ลิสท์)ซึ่งเป็นราคาที่ขายให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย เพราะจำเป็นต้องแข่งขันกับสินค้าของผู้ผลิตรายอื่น อีกทั้งสินค้า เป็นอะไหล่รถจักรยานยนต์รุ่นเก่าแต่ผู้ใช้ในประเทศไทยยังใช้อยู่ ประกอบกับมีอะไหล่เทียมขายแข่งขัน แต่ราคาสินค้าก็ยังสูงกว่า ราคา ของอะไหล่รถจักรยานยนต์ยี่ห้ออื่น ซึ่งราคานี้ทางเจ้าพนักงาน ของ จำเลยรับรองหรืออนุมัติราคาไว้แล้ว ดังนี้ ย่อมถือว่าราคาตาม ใบกำกับสินค้าและบัญชีราคาสินค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด จำเลย จะ นำเอาราคาตามบัญชีราคาสูงสุด (เอ็กซ์ปอร์ตไพรซ์ลิสท์) ที่ จำเลย ขอจากผู้ขายในประเทศญี่ปุ่นและเป็นราคาที่ผู้ขายตั้ง ไว้ สำหรับ เสนอขายแก่ลูกค้าทั่วโลกมาใช้โดยที่ยังไม่ปรากฏว่า เป็น ราคา ที่ ผู้ขายได้ขายตามราคานั้นให้แก่ผู้ใดบ้าง หรือไม่ปรากฏ ว่า โจทก์ ซื้อ สินค้าจากผู้ขายในราคาที่สูงกว่าราคาที่ปรากฏตาม ใบกำกับสินค้า และบัญชีราคาสินค้าไม่ได้ ประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 2)เรื่อง ยกเลิกและแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตาม ประมวลรัษฎากร กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยอยู่ในฐานะ เจ้าพนักงานประเมินด้วยเมื่อเจ้าพนักงานได้โต้แย้งราคาสินค้า สั่งให้ตัวแทนของโจทก์แก้ไขเพิ่มเติมราคาสินค้าตลอดจนค่าอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้น จึงถือได้ว่าคำสั่งของ เจ้าพนักงานประเมินดังกล่าวเป็นการแจ้งประเมินค่าภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล ด้วยโจทก์จึงต้องอุทธรณ์คัดค้านต่อคณะกรรมการ พิจารณาอุทธรณ์เสียก่อนจึงจะมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลเกี่ยวกับ ค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2181/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยได้ แม้ไม่มีอุทธรณ์ฎีกา หากไม่กระทบคำวินิจฉัยเดิม
เมื่อคดีถึงที่สุดโดยไม่มีการอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น อำนาจในการแก้ไขข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงในคำพิพากษาจึงอยู่แก่ศาลชั้นต้นที่มีคำพิพากษานั้น และไม่ใช่กรณีที่ต้องอุทธรณ์หรือฎีกาคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 143 หาได้จำกัดเฉพาะที่เกิดจากการขีดเขียนหรือถ้อยคำเท่านั้นไม่ เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้แล้วว่าจำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยจำนวน 239,195.80 บาท แก่โจทก์ด้วย แต่เมื่อพิพากษามิได้นำดอกเบี้ยจำนวนดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นยอดหนี้ที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ จึงเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยในคำพิพากษาที่แก้ไขได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 เพราะไม่เป็นการกลับหรือแก้คำวินิจฉัยในคำพิพากษาเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษา แม้ยังอยู่ในกระบวนการอุทธรณ์
จำเลยถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีอื่นแล้ว แม้จะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ยังต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จึงไม่ใช่เหตุที่จะนับโทษต่อไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเรียกค่าภาษีและการสิ้นสุดสิทธิอุทธรณ์
เมื่อโจทก์ได้แจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้จำเลยผู้ต้องเสียภาษีทราบว่าต้องเสียภาษีจำนวนเท่าใดแล้ว แต่จำเลยไม่นำเงินภาษีดังกล่าวไปชำระให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยให้ชำระค่าภาษีจำนวนดังกล่าว โดยไม่จำต้องรอให้กำหนดระยะเวลา 30 วัน ที่จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อศาลได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 (2)สิ้นสุดลงเสียก่อน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยมิได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุดแล้ว จำเลยจึงไม่อาจจะยกขึ้นโต้เถียงในชั้นศาลอีกว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการ-พิจารณาอุทธรณ์ไม่ชอบ ดังนั้น แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้เสียก่อนที่จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อศาลตามมาตรา 30 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ก็ไม่เป็นเหตุยกเว้นให้จำเลยมีสิทธิที่จะโต้เถียงคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้อีก
of 349