พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1823/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีล้มละลายต้องแสวงหาความจริงจากพยานหลักฐานรอบด้านก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
การพิจารณาคดีล้มละลาย ย่อมผิดแผกแตกต่างกับการพิจารณาคดีแพ่งสามัญเพราะพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน มีผลในทางตัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายได้บัญญัติไว้ในมาตรา 14 ว่าในการพิจารณาคดีล้มละลายตามคำฟ้องของเจ้าหนี้นั้นศาลต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 หรือมาตรา 10 ถ้าศาลพิจารณาได้ความจริงให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด แต่ถ้าไม่ได้ความจริงหรือลูกหนี้นำสืบได้ว่าอาจชำระหนี้ได้ทั้งหมด หรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย ให้ศาลยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่สองแสนบาทเศษแต่พยานโจทก์เบิกความรับว่าจำเลยถือหุ้นในบริษัทจำกัดแห่งหนึ่งซึ่งชำระเงินค่าหุ้นแล้วถึงสามแสนบาทเกินจำนวนที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ และจำเลยยังเป็นผู้จัดการบริษัทอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ตามบัญชีทรัพย์ซึ่งจำเลยแนบมาในคำร้องขอสืบพยานจำเลยยังปรากฏว่า จำเลยมีทรัพย์สินอันมีมูลค่ากว่าเก้าแสนบาท การที่ศาลชั้นต้นรวบรัดฟังคำพยานโจทก์ฝ่ายเดียวว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วมีคำสั่งพิทักษ์จำเลยเด็ดขาดโดยไม่ฟังพยานจำเลยเสียเลยนั้น ย่อมไม่เพียงพอต่อการพิจารณาหาความจริงดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่สองแสนบาทเศษแต่พยานโจทก์เบิกความรับว่าจำเลยถือหุ้นในบริษัทจำกัดแห่งหนึ่งซึ่งชำระเงินค่าหุ้นแล้วถึงสามแสนบาทเกินจำนวนที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ และจำเลยยังเป็นผู้จัดการบริษัทอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ตามบัญชีทรัพย์ซึ่งจำเลยแนบมาในคำร้องขอสืบพยานจำเลยยังปรากฏว่า จำเลยมีทรัพย์สินอันมีมูลค่ากว่าเก้าแสนบาท การที่ศาลชั้นต้นรวบรัดฟังคำพยานโจทก์ฝ่ายเดียวว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วมีคำสั่งพิทักษ์จำเลยเด็ดขาดโดยไม่ฟังพยานจำเลยเสียเลยนั้น ย่อมไม่เพียงพอต่อการพิจารณาหาความจริงดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเล่นพนันในที่สาธารณะ: การสันนิษฐานว่ามิได้เข้าเล่นพนัน และพยานหลักฐานที่ไม่พอฟัง
เมื่อปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นร้านขายกาแฟ ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ จึงเป็นสาธารณสถาน ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 มาตรา 6 ตอนท้ายมิให้สันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้เข้าเล่นพนันด้วย
คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งของโจทก์ ชั้นพิจารณาจำเลยปฏิเสธ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยจะกระทำความผิด จะฟังแต่คำรับของจำเลยชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยไม่ได้
คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งของโจทก์ ชั้นพิจารณาจำเลยปฏิเสธ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยจะกระทำความผิด จะฟังแต่คำรับของจำเลยชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะผู้เข้าชมร้านกาแฟกับการสันนิษฐานการเล่นพนัน: การพิพากษาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่ชัดเจน
เมื่อปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นร้านขายกาแฟ ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ จึงเป็นสาธารณสถาน ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 มาตรา 6 ตอนท้ายมิให้สันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้เข้าเล่นพนันด้วย
คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งของโจทก์ ชั้นพิจารณาจำเลยปฏิเสธ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยจะกระทำความผิด จะฟังแต่คำรับของจำเลยชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยไม่ได้
คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งของโจทก์ ชั้นพิจารณาจำเลยปฏิเสธ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยจะกระทำความผิด จะฟังแต่คำรับของจำเลยชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสียค่าอ้างเอกสารและการรับฟังพยานหลักฐาน ศาลต้องรับฟังหากชำระก่อนมีคำพิพากษา
โจทก์ผู้อ้างพยานเอกสารมิได้เสียค่าอ้างเอกสารภายในกำหนด 3 วันตามคำสั่งศาลชั้นต้น แต่ได้เสียก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา ดังนี้ศาลจะตัดไม่รับฟังพยานเอกสารของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีบุกรุกที่ดิน ต้องอาศัยพยานหลักฐานหรือคำรับสารภาพ และการกำหนดเขตป่าสงวนต้องเป็นไปตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันมีอาวุธเข้าไปปลูกบ้านและยึดถือครอบครองที่ดินบางส่วนของโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365,362 ให้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปและใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าไม่ได้บุกรุกที่ของโจทก์ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตป่าสงวน ระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยตกลงท้ากันนำสืบพยานคนกลาง ให้ศาลพิจารณาประเด็นข้อเถียง ว่าที่พิพาทเป็นป่าสงวนหรือไม่ ถ้าเป็น โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่เป็น จำเลยแพ้ยอมออกไปและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปด้วย เมื่อได้ความว่าที่พิพาทไม่ใช่ป่าสงวนแห่งชาติแล้ว จำเลยย่อมแพ้คดีในส่วนแพ่ง แต่จะลงโทษจำเลยฐานบุกรุกหาได้ไม่ เพราะไม่ปรากฏตามพยานหลักฐาน หรือจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง
แม้ที่พิพาทจะอยู่ในเขตที่ทางราชการได้รังวัดทำแผนที่ไว้ให้อยู่ในเขตป่าสงวน แต่เมื่อยังไม่ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้เขตนั้นเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมาย ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นป่าสงวนแห่งชาติ
แม้ที่พิพาทจะอยู่ในเขตที่ทางราชการได้รังวัดทำแผนที่ไว้ให้อยู่ในเขตป่าสงวน แต่เมื่อยังไม่ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้เขตนั้นเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมาย ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นป่าสงวนแห่งชาติ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยคดีนอกเหนือพยานหลักฐาน: การลงโทษจำเลยฐานไม่ให้สัญญาณแตรเมื่อพยานหลักฐานไม่สนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลี้ยวรถโดยไม่ได้ให้สัญญาณเลี้ยวพยานโจทก์เบิกความแต่เพียงว่าไม่เห็นรถคันที่จำเลยขับให้สัญญาณเลี้ยว จำเลยเบิกความว่าขณะเลี้ยวจำเลยได้ให้สัญญาณไฟเลี้ยวแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่าตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก เมื่อจะเลี้ยวรถจะต้องให้สัญญาณแตรเสียก่อนจึงฟังว่าจำเลยไม่ให้สัญญาณแตรก่อนเลี้ยวรถ ทั้งๆ ที่พยานโจทก์มิได้เบิกความถึงเรื่องสัญญาณแตร และจำเลยก็มิได้เบิกความรับเช่นนั้น ดังนี้ ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกเหนือพยานหลักฐานในสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำตายของผู้ถูกยิงเป็นพยานหลักฐานสำคัญบ่งชี้ตัวผู้กระทำผิดได้
ผู้ตายถูกยิงที่หน้าอกและแขนยังไม่ตายทันที ร้องโอยๆและว่าปวดแขนเหลือเกิน และได้พูดต่อหน้าพยานโดยระบุชื่อจำเลยว่าเป็นคนทำร้าย ขอให้ตั้งไว้อย่าให้นอนในตอนหามลงเรือ และพูดว่าตายแน่ คำของผู้ตายที่ระบุว่าจำเลยเป็นคนทำร้ายนี้รับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำตายของผู้ถูกยิงเป็นพยานหลักฐานสำคัญรับฟังได้
ผู้ตายถูกยิงที่หน้าอกและแขนยังไม่ตายทันที ร้องโอยๆและว่าปวดแขนเหลือเกิน และได้พูดต่อหน้าพยานโดยระบุชื่อจำเลยว่าเป็นคนทำร้าย ขอให้ตั้งไว้อย่าให้นอนในตอนหามลงเรือ และพูดว่าตายแน่ คำของผู้ตายที่ระบุว่าจำเลยเป็นคนทำร้ายนี้รับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ถูกยิงก่อนตายเป็นพยานหลักฐานได้
ผู้ตายถูกยิงมีบาดแผลหลายแห่ง เสียเลือดมากมีอาการช็อคคล้ายเป็นลม แต่ยังมีสติพูดได้ ได้เล่าให้พยานโจทก์ฟังว่าจำเลยเป็นคนยิงตน หลังจากเล่าไม่นานก็ถึงแก่ความตายเช่นนี้ ผู้ตายต้องรู้ตัวแน่ว่าตนจะต้องตายคำบอกเล่าของผู้ตายที่กล่าวในขณะที่รู้ตัวดีแล้วว่ากำลังใกล้จะตาย ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2235/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการแบ่งทรัพย์สินมรดกและการพิจารณาภาพถ่ายเป็นพยานหลักฐาน
โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาแบ่งทรัพย์สินตามบัญชีท้ายฟ้องให้ พ.กับส. คนละส่วนเท่าๆ กัน เป็นเงิน 37,935 บาทถ้าไม่สามารถแบ่งเป็นเงินได้. ขอให้ศาลขายทอดตลาดแบ่งเงินให้ พ.กับส. คนละส่วนเท่าๆ กัน เป็นเงินคนละ 37,935 บาท ให้จำเลยเสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ศาลพิพากษาให้ พ.กับส. และจำเลยแบ่งทรัพย์สินระหว่างกันเองก่อน เมื่อไม่สามารถแบ่งได้ ให้ประมูลระหว่างกันเอง ถ้าไม่ตกลงกัน ให้นำทรัพย์ออกขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใด ให้แบ่งกันตามส่วน ไม่เป็นการตัดสินนอกคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้อง เมื่อจำเลยอุทธรณ์ จำเลยก็เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในวิธีแบ่งทรัพย์เช่นนี้ คำขอท้ายฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยก็ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแบ่งทรัพย์โดยวิธีนี้ จำเลยจะอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งเช่นนี้ไม่ชอบไม่ได้
ภาพถ่ายที่เป็นภาพจำลองวัตถุ ไม่ใช่พยานเอกสาร อันจะต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานดังบังคับไว้ในมาตรา 90 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ภาพถ่ายที่เป็นภาพจำลองวัตถุ ไม่ใช่พยานเอกสาร อันจะต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานดังบังคับไว้ในมาตรา 90 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง