พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาบางจำเลยในคดีอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสมคบกันฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249,63 แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา 251 ก็ยังเป็นการยืนยันว่า จำเลยได้กระทำผิดในคดีที่โจทก์ฟ้องนี้ฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยบางคนไม่มีความผิดคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่มีความผิดนั้นได้ชื่อว่าศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโจทก์จึงมีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ศาลอุทธรณ์ปล่อยไปนั้น ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา 249 ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2495)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเป็นสาระสำคัญ หากไม่ครบถ้วน ฎีกาไม่รับพิจารณา
แม้ศาลจะได้ดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวเป็นการถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 182 วรรค 3 แล้ว แต่เมื่อจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ก็ไม่ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 216 ฉะนั้นหากโจทก์จะฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็จะรับพิจารณาฎีกาของโจทก์ไม่ได้ต้องให้จำหน่ายคดี ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง: เงื่อนไขการฎีกา
แม้ศาลจะได้ดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวเป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 182 วรรคสาม แล้ว แต่เมื่อจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ก็ไม่ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 216 ฉะนั้นหากโจทก์จะฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็จะรับพิจารณาฎีกาของโจทก์ไม่ได้ ต้องให้จำหน่ายคดี ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลเมื่อรับอุทธรณ์: การดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์และการร้องต่อศาลอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความแล้ว กระบวนพิจารณาต่อจากนั้นมาย่อมถือได้ว่า เป็นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นเป็นผู้ดำเนินแทน ฉะนั้นเมื่อคู่ความไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์นี้อย่างใดแล้ว ก้จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้ แต่ชอบที่จะรอจนกว่าศาลชั้นต้นาจะได้ส่งสำนวนขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ แล้งไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ซึ่งถ้าศาลอุทธรณ์ไม่พิใจในคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ชอบที่าจะสั่งใหม่ได้ตามอำนาจของศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความแล้วกระบวนพิจารณาต่อจากนั้นมาย่อมถือได้ว่าเป็นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นเป็นผู้ดำเนินแทน ฉะนั้น เมื่อคู่ความไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์นี้อย่างใดแล้ว ก็จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้ แต่ชอบที่จะรอจนกว่าศาลชั้นต้นจะได้ส่งสำนวนขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ แล้วไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ซึ่งถ้าศาลอุทธรณ์ไม่พอใจในคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้น ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะสั่งใหม่ได้ตามอำนาจของศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานจำเลยและการแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาให้สืบพยานจำเลยให้สิ้นกระแสความก่อน
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์และสืบตัวจำเลยที่อ้างตนเองเป็ยพยานแล้วสั่งงดสืบพยานจำเลย ที่จำเลยขอสืบต่อไปเสียแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ถ้าศาลอุทธรณ์จะลงโทษจำเลยตามฟ้อง ก็จำต้องให้สืบพยานจำเลยต่อไปเสียให้สิ้นกระแสร์ความก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานจำเลยไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ต้องให้สืบพยานจำเลยให้ครบถ้วนก่อนชี้ขาด
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์และสืบตัวจำเลยที่อ้างตนเองเป็นพยานแล้วสั่งงดสืบพยานจำเลย ที่จำเลยขอสืบต่อไปเสีย แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ถ้าศาลอุทธรณ์จะลงโทษจำเลยตามฟ้อง ก็จำต้องให้สืบพยานจำเลยต่อไปเสียให้สิ้นกระแสความก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลชั้นต้นระหว่างดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์ ไม่อุทธรณ์ได้ ชอบร้องขอสั่งใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งรับฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไว้แล้ว สั่งให้โจทก์นำเงินค่าพาหนะส่งสำเนาอุทธรณ์มาวางศาล และเป็นผู้นำส่ง ดังนี้ เป็นการสั่งที่ศาลชั้นต้นกระทำไปในชั้นดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์ แม้โจทก์จะไม่พอใจก็จะอุทธรณ์คำสั่งไม่ได้ ชอบแต่จะร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งไมใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากสัญญาฝากทรัพย์ ตัวการตัวแทน ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินเลยถึงตัวการที่ไม่เคยอุทธรณ์
ฟ้องโจทก์กล่าวไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในกรมสรรพสามิตต์ จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน จำเลยที่ 2 ได้รับฝากเงินของโจทก์ไว้ในหน้าที่ราชการ แล้วไม่คืนให้โจทก์ จึงขอให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันรับผิดชดใช้เงินจำนวนนี้ ดังนี้ เป็นการหาเรื่องผิดสัญญา ไม่ใช่ละเมิด และเป็นการฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นตัวการ จำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 จึงต้องนำ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 820 มาใช้บังคับ คือจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา 245
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา 245
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับ เพราะศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคนโดยเจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249,60 ศาลชั้นต้นฟังวาจำเลยยิงขู่ไม่มีเจตนาจะยิงผู้เริ่ม+ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีเจตนาจะยิงผู้เสียหาย แต่ปืนที่ใช้ยิงเป็นปืนทำเองไม่ร้ายแรงกระสุนก็ไม่ร้ายแรง ไม่อาจทำลายชีวิตได้ จึงพิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามทำร้ายร่างกายตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254,60 ดังนี้ในข้อหาโจทก์ที่หาว่าจำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยเจตนานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยไม่มีความผิดแล้ว โจทก์จะฎีกาในข้อนี้ไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219 (อ้างฎีกาที่ 1316/2493)
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีเจตนาจะยิงผู้เสียหาย แต่ปืนที่ใช้ยิงเป็นปืนทำเองไม่ร้ายแรงกระสุนก็ไม่ร้ายแรง ไม่อาจทำลายชีวิตได้ จึงพิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามทำร้ายร่างกายตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254,60 ดังนี้ในข้อหาโจทก์ที่หาว่าจำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยเจตนานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยไม่มีความผิดแล้ว โจทก์จะฎีกาในข้อนี้ไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219 (อ้างฎีกาที่ 1316/2493)