คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยานหลักฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งระหว่างพิจารณาและการอุทธรณ์: ศาลต้องให้โอกาสคู่ความโต้แย้ง & การรับพยานหลักฐานแม้ไม่เป็นไปตามฟอร์ม
คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลนั้น คู่ความจะต้องโต้แย้งไว้เสียก่อน จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลัง แต่ศาล จะต้องให้คู่ความมีโอกาสและเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานจำเลย และนัดตัดสินในวันรุ่งขึ้น ถือได้ว่าจำเลยไม่มีเวลาพอที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นแม้จำเลยมิได้โต้แย้งไว้ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
จำเลยไม่มีทนายและมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนหนึ่งวัน ทนายจำเลยซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งยื่นคำร้องต่อศาลขอยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างเหตุว่าเพิ่งได้รับเป็นทนายจำเลยในวันที่ยื่นคำร้องและจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์กรณีเช่นนี้ ไม่เป็นการทำให้โจทก์เสียหายแต่อย่างใด ชอบที่ศาลจะสั่งรับบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นได้ เป็นไปโดยเที่ยงธรรม หากโจทก์เห็นว่าจำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเช่นนี้เพื่อเอาเปรียบโจทก์และโจทก์จะเสียหายโจทก์ก็มีทางแก้ไขได้โดยขอเลื่อนคดีไปหรือขอระบุพยานเพิ่มเติมเข้ามาอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัยและการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิด โดยการนำสืบพยานยืนยันความถูกต้องของเอกสาร
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์ไว้ตาม สำเนากรมธรรม์ประกันภัยท้ายฟ้อง จำเลยให้การว่ารถยนต์คันนี้ จะได้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่รับรองมีความหมายว่าจำเลยไม่รับรองว่ามีการประกันภัยรถยนต์ แต่จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านความถูกต้องแท้จริงของเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย
การนำสืบพยานบุคคลยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่ามีการประกันภัยตามสำเนากรมธรรม์ประกันภัยท้ายฟ้อง ไม่ใช่เป็นการสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร และเมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านความถูกต้องแท้จริงของสำเนากรมธรรม์ประกันภัยท้ายฟ้อง แม้โจทก์ไม่ส่งต้นฉบับเอกสารก็รับฟังในข้อนี้ได้ เมื่อฟังว่าโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยและได้เสียค่าซ่อมแซมรถยนต์ที่เอาประกันภัยแล้ว โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยย่อมมีอำนาจฟ้องผู้กระทำละเมิดต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ได้
โจทก์บรรยายฟ้องถึงความเสียหายของรถยนต์ว่า โจทก์ต้องซ่อมแซมมีรายละเอียดของสิ่งของและราคาสิ่งของที่ต้องซ่อมแซมตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องถือว่าสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง และได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสถานแห่งข้อหาว่ารถยนต์มีชิ้นส่วนอะไรบ้างที่เสียหายราคาเท่าใด เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดีอาญาพิจารณาจากเหตุผลการรับสารภาพ, สภาพเมาสุรา และพยานหลักฐาน
การที่จำเลยดื่มสุราจนมึนเมาแล้วก่อเหตุร้ายขึ้นนั้นไม่ใช่เหตุอันควรปรานีเสมอไป
จำเลยให้การรับว่าได้แทงผู้ตายจริง แต่ต่อสู้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวเช่นนี้ ย่อมถือว่าจำเลยปฏิเสธความผิด โจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบจนคดีฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิด ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันจึงจะลงโทษจำเลยได้ แม้ต่อมาระหว่างสืบพยานโจทก์จำเลยกลับให้การใหม่ยอมรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งเสมอไปจะต้องพิเคราะห์ด้วยว่า คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเพียงใด หรือไม่ ถ้าการรับสารภาพของจำเลยพอถือได้ว่าเป็นการจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะปรานีลดโทษให้ถึงกึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดีอาญาพิจารณาจากพยานหลักฐาน, การยอมรับสารภาพ, และเหตุผลในการลดโทษ
การที่จำเลยดื่มสุราจนมึนเมาแล้วก่อเหตุร้ายขึ้นนั้น ไม่ใช่เหตุอันควรปรานีเสมอไป
จำเลยให้การรับว่าได้แทงผู้ตายจริง แต่ต่อสู้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวเช่นนี้ ย่อมถือว่าจำเลยปฏิเสธความผิด โจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบจนคดีฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิด ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันจึงจะลงโทษจำเลยได้ แม้ต่อมาระหว่างสืบพยานโจทก์จำเลยกลับให้การใหม่ยอมรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งเสมอไป จะต้องพิเคราะห์ด้วยว่า คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเพียงใดหรือไม่ ถ้าการรับสารภาพของจำเลยพอถือได้ว่าเป็นการจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะปรานีลดโทษให้ถึงกึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระเงินล่วงหน้า vs. เงินมัดจำ: การตีความสัญญาซื้อขายจากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง
สัญญาซื้อขายมีข้อความเกี่ยวกับการชำระเงินว่า ผู้ซื้อได้ชำระเงินในวันทำสัญญา 40,000 บาท ไม่ชัดแจ้งว่าเป็นเงินมัดจำหรือเงินที่ชำระราคาของล่วงหน้า ศาลย่อมฟังคำพยานบุคคลประกอบการแปลสัญญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนทางอาญา: ภาระการพิสูจน์และการใช้พยานหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยให้การว่าทำร้ายผู้ตายเพราะผู้ตายกับพวกเข้าปล้นบ้านจำเลย จำเลยไม่ได้กระทำผิด ดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความจริง แต่การนำสืบในกรณีเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานมาเบิกความเสมอไป ถ้อยคำพยานและเหตุผลแวดล้อมอาจมีน้ำหนักพอให้วินิจฉัยได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพและการลดโทษในคดีอาญา: ศาลพิจารณาพยานหลักฐานและบทบาทของจำเลยแต่ละคน
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ที่สืบประกอบคำรับสารภาพว่า เจ้าพนักงานได้ทรัพย์สินของผู้เสียหาย ที่ถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 หัวกระสุนปืนที่ขุดได้ที่พื้นดินใต้ศพผู้ตาย เป็นหัวกระสุนปืนที่ใช้ยิงจากปืนของกลางที่จับได้จาก จำเลยที่ 1 ผู้เสียหายแจ้งถึงรูปร่าง ผิวเนื้อลักษณะหน้าตา ตลอดจนอายุและเครื่องแต่งกายของจำเลยได้ละเอียดและชี้ตัวได้ถูกต้อง และพยานโจทก์อีก 2 ปาก ก็จำจำเลยได้ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของคดีแน่นหนามั่นคงเช่นนี้ คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และ 2 จึงไม่พอจะถือได้ว่าให้ความรู้แก่ศาลอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับได้เพราะคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และ 2 คำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 3 เลย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาลจึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่มากเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ, โจทก์ร่วม, พยานหลักฐาน: ศาลฎีกาชี้ขาดประเด็นการฟ้องซ้ำ การเข้าร่วมดำเนินคดี และการใช้พยานหลักฐานของโจทก์ร่วม
เมื่อประเด็นข้อกล่าวหาในคดีนี้เป็นคนละเหตุกับประเด็นข้อกล่าวหาจำเลยในคดีก่อน ฟ้องคดีนี้ย่อมไม่เป็นฟ้องซ้ำกับฟ้องในคดีก่อน
ผู้เสียหายที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีแล้วแม้ภายหลังศาลอุทธรณ์จะยกคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมเสียเพราะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำแก่ผู้เสียหายที่ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมนั้นด้วยก็ตาม ก็ไม่ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของโจทก์ร่วมที่ได้กระทำระหว่างเป็นคู่ความในคดีเสียเปล่าไปไม่ พยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมได้อ้างอิงไว้ ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานสำหรับโจทก์และโจทก์ร่วมคนอื่นเพื่อศาลนำมาประมวลวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ, โจทก์ร่วม, พยานหลักฐาน: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นฟ้องซ้ำ, สิทธิโจทก์ร่วมที่ถูกยกคำร้อง, และการใช้พยานหลักฐาน
เมื่อประเด็นข้อกล่าวหาในคดีนี้เป็นคนละเหตุกับประเด็นข้อกล่าวหาจำเลยในคดีก่อน ฟ้องคดีนี้ย่อมไม่เป็นฟ้องซ้ำกับฟ้องในคดีก่อน
ผู้เสียหายที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีแล้วแม้ภายหลังศาลอุทธรณ์จะยกคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมเสียเพราะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำแก่ผู้เสียหายที่ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมนั้นด้วยก็ตาม ก็ไม่ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของโจทก์ร่วมที่ได้กระทำระหว่างเป็นคู่ความในคดีเสียเปล่าไปไม่ พยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมได้อ้างอิงไว้ ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานสำหรับโจทก์และโจทก์ร่วมคนอื่นเพื่อศาลนำมาประมวลวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในการขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
การเบิกความหรือนำสืบแสดงพยานหลักฐานต่อศาลในการพิจารณาไต่สวนเพื่อมีคำสั่งอันเกี่ยวกับการนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับ ถ้าคำเบิกความ หรือพยานหลักฐานที่นำสืบแสดงเป็นความเท็จและเป็นข้อสำคัญในประเด็นของเรื่องที่ศาลจะต้องวินิจฉัยสั่งในการพิจารณาส่วนนั้น ก็ย่อมจะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ นำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 และมาตรา 180 ได้
of 259