พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,226 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2969/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานใช้รถขนส่งที่ยังไม่เสียภาษี และขอบเขตความรับผิดของผู้ขับรถในฐานะลูกจ้าง
จำเลยเป็นเพียงลูกจ้างขับรถยนต์ ถือได้ว่าอยู่ในฐานะเป็น ผู้ประจำรถตามความในมาตรา 92(1) แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ.2522 จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ประกอบการขนส่งตามความหมายของมาตรา 23 แม้รถที่จำเลยขับจะมิได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งจากนายทะเบียนจำเลยก็ไม่มีความผิด
ตามมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522รถที่ใช้ในการขนส่งต้องเป็นรถที่ได้มีการเสียภาษีตามมาตรา 85แล้ว หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 148รถคันเกิดเหตุไม่ได้เสียภาษีรถประจำปี จำเลยเป็นผู้ขับและนำไปใช้ขณะเกิดเหตุการกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติ ตามบทกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามมาตรา 148
ตามมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522รถที่ใช้ในการขนส่งต้องเป็นรถที่ได้มีการเสียภาษีตามมาตรา 85แล้ว หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 148รถคันเกิดเหตุไม่ได้เสียภาษีรถประจำปี จำเลยเป็นผู้ขับและนำไปใช้ขณะเกิดเหตุการกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติ ตามบทกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามมาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2924/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับเงินสมทบและค่าจ้างค้างชำระของลูกจ้าง แม้มีการทุจริต แต่จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงเงินดังกล่าว
กฎและข้อบังคับของจำเลยข้อ 9 ที่กำหนดว่าคณะผู้บริหารมีอำนาจที่จะตัดสินเกี่ยวกับข้อพิพาทหรือปัญหาซึ่งอาจเกิดจากโครงสร้างหรือผลของข้อบังคับนี้หรือในข้อที่เกี่ยวกับการบริหารบัญชีนี้หมายความว่า อำนาจตัดสินของคณะผู้บริหารตามกฎและข้อบังคับดังกล่าวต้องเป็นเรื่องอันเกิดจากโครงสร้าง ผลของข้อบังคับและการบริหารบัญชีเท่านั้น หามีอำนาจที่จะตัดสินให้งดจ่ายเงินสมทบแก่สมาชิกในกรณีสมาชิกทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังยักยอกเงินของจำเลยไม่
บทบัญญัติเรื่องบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาได้ให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ที่จะยึดหน่วงทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้ชำระหนี้ไม่
สิทธิของจำเลยที่จะเรียกเงินที่โจทก์เบียดบังยักยอกไปคืนมิได้เกี่ยวกับเงินค่าจ้างค้างชำระ เงินสะสมและเงินสมทบที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์แต่อย่างใดจำเลยจึงหามีสิทธิยึดหน่วงไม่
การที่กฎและข้อบังคับของจำเลย ข้อ 27 กำหนดว่าบริษัทย่อมทรงไว้ซึ่งบุริมสิทธิลำดับแรกและทั้งสิ้นในเงินจำนวนที่เป็นเครดิตของสมาชิกแต่ละคนในบัญชีนี้เพื่อนำมาชดใช้แก่บรรดาการสูญเสีย ราคา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่บริษัทอาจได้รับไม่ว่าในเวลาใดเนื่องจากความผิดของสมาชิกนั้นหรือสำหรับหนี้สินใดๆ ที่สมาชิกนั้นต้องชำระให้แก่บริษัทนั้น หมายความว่าจำเลยมีสิทธิที่จะหักเงินสะสมและเงินสมทบในบัญชีของโจทก์ไว้ชำระหนี้แก่จำเลยได้หากหนี้นั้นมีจำนวนแน่นอนและไม่เกินกว่าจำนวนหนี้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลย
การที่จำเลยอุทธรณ์ว่า จำนวนเงินที่โจทก์ยักยอกไปมีจำนวนแน่นอนนั้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522
บทบัญญัติเรื่องบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาได้ให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ที่จะยึดหน่วงทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้ชำระหนี้ไม่
สิทธิของจำเลยที่จะเรียกเงินที่โจทก์เบียดบังยักยอกไปคืนมิได้เกี่ยวกับเงินค่าจ้างค้างชำระ เงินสะสมและเงินสมทบที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์แต่อย่างใดจำเลยจึงหามีสิทธิยึดหน่วงไม่
การที่กฎและข้อบังคับของจำเลย ข้อ 27 กำหนดว่าบริษัทย่อมทรงไว้ซึ่งบุริมสิทธิลำดับแรกและทั้งสิ้นในเงินจำนวนที่เป็นเครดิตของสมาชิกแต่ละคนในบัญชีนี้เพื่อนำมาชดใช้แก่บรรดาการสูญเสีย ราคา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่บริษัทอาจได้รับไม่ว่าในเวลาใดเนื่องจากความผิดของสมาชิกนั้นหรือสำหรับหนี้สินใดๆ ที่สมาชิกนั้นต้องชำระให้แก่บริษัทนั้น หมายความว่าจำเลยมีสิทธิที่จะหักเงินสะสมและเงินสมทบในบัญชีของโจทก์ไว้ชำระหนี้แก่จำเลยได้หากหนี้นั้นมีจำนวนแน่นอนและไม่เกินกว่าจำนวนหนี้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลย
การที่จำเลยอุทธรณ์ว่า จำนวนเงินที่โจทก์ยักยอกไปมีจำนวนแน่นอนนั้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2923/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อบังคับบริษัทจ่ายบำเหน็จสูงกว่าค่าชดเชยขัดประกาศกระทรวงมหาดไทย นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยเพิ่ม
ข้อบังคับของบริษัทจำเลยให้จ่ายเงินบำเหน็จหรือค่าชดเชยอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีจำนวนสูงกว่าอีกอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างอีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2911/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าทดแทนกรณีลูกจ้างถึงแก่ความตายจากการทำงาน ต้องพิสูจน์ความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างงานและโรค/การเจ็บป่วย
โรคหรือการเจ็บป่ายอย่างอื่นที่ทำให้ลูกจ้างถึงแก่ความตาย อันเป็นผลให้นายจ้างต้องจ่ายค่าทดแทน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง โรคซึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการทำงาน ฯ ข้อ 22 จะต้องเป็นโรคหรือการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น สืบเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างโดยตรง หรืออีกนัยหนึ่งก็คืองานที่ลูกจ้างทำนั้นเป็นมูลให้เกิดโรค หรือการเจ็บป่วยขึ้น และเป็นเหตุให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายด้วยโรคและการเจ็บป่วยดังกล่าว ปกติลูกจ้างผู้ตายมีหน้าที่คุมประแจ ทำความสะอาดสถานีรถไฟและแขวนพ่วงทางสะดวก มิใช่เป็นงานที่ก่อให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยเป็นลมในปัจจุบัน เมื่อปรากฏว่าผู้ตายมิได้ทำงานตรากตรำ แต่ทำงานทุกวันโดยไม่มีวันหยุด และถึงแก่ความตายทันทีทันใดที่ปฏิบัติหน้าที่ และกำลังปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ยังถือไม่ได้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการเจ็บป่วย ซึ่งเป็นผลเนื่องจากการทำงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2910/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง: การจ้างงานผ่านหัวหน้างาน ไม่ถือเป็นลูกจ้างโดยตรง
บริษัทจำเลยประกอบกิจการขนถ่ายสินค้าบนเรือเดินทะเล การตกลงให้มีการขนถ่ายสินค้าเป็นการตกลงระหว่างจำเลยกับหัวหน้าใหญ่ ซึ่งจะไปบอกหัวหน้าสายซึ่งมีกรรมกรอยู่ในสายของตนมาทำงาน การควบคุมการทำงานหรือสั่งการใดๆ ย่อมอยู่ที่หัวหน้าใหญ่และหัวหน้าสาย จำเลยกับกรรมกรไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน ตั้งแต่การจ้าง การจ่ายค่าจ้าง และการควบคุมการทำงาน โจทก์ซึ่งเป็นกรรมกรขนถ่ายสินค้าจึงมิใช่ลูกจ้างของจำเลยไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2909/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้อง, การเลิกจ้าง, และข้อยกเว้นค่าชดเชย: กรณีลูกจ้างเคยถูกจำคุกก่อนเข้าทำงาน
เมื่อคดีไม่ปรากฏว่าศาลแรงงานกลางได้ทำการชี้สองสถาน หรือทำการสืบพยานโจทก์ย่อมยื่นคำร้องแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ก่อนศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษา
เมื่อศาลแรงงานกลางฟังว่าโจทก์มิได้จงใจทำความเสียหายให้จำเลย จำเลยจะอุทธรณ์ว่าการกระทำของโจทก์ย่อมเล็งเห็นผลทำให้จำเลยเสียหายอันเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยในข้อเท็จจริงมิได้ อุทธรณ์จำเลยต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคแรก
ข้อยกเว้นซึ่งนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างประจำซึ่งเลิกจ้างตามประกาศกระทราวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47(6) ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หมายถึง ได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาลให้จำคุกคดีถึงที่สุดขณะที่เป็นลูกจ้าง หาใช่ได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้วจึงมาเป็นลูกจ้างไม่
เมื่อศาลแรงงานกลางฟังว่าโจทก์มิได้จงใจทำความเสียหายให้จำเลย จำเลยจะอุทธรณ์ว่าการกระทำของโจทก์ย่อมเล็งเห็นผลทำให้จำเลยเสียหายอันเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยในข้อเท็จจริงมิได้ อุทธรณ์จำเลยต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคแรก
ข้อยกเว้นซึ่งนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างประจำซึ่งเลิกจ้างตามประกาศกระทราวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47(6) ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หมายถึง ได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาลให้จำคุกคดีถึงที่สุดขณะที่เป็นลูกจ้าง หาใช่ได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้วจึงมาเป็นลูกจ้างไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างขณะปฏิบัติงาน แม้ลูกจ้างจะเบี่ยงเบนจากระเบียบ
จำเลยที่ 1 นำรถออกไปขนขยะอันเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 หน้าที่ของจำเลยที่ 1 เริ่มตั้งแต่นำรถออกจากอู่ของจำเลยที่ 2 และจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อนำรถเข้าจอดที่อู่ตามเดิมเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถไปธุระส่วนตัวในระหว่างออกไปปฏิบัติงานตามหน้าที่และกระทำละเมิดต่อโจทก์ภายในเส้นทางที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดในทางการที่จำเลยที่ 2 จ้างจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
ระเบียบเกี่ยวกับการใช้รถเป็นวิธีปฏิบัติระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ไม่สามารถนำมาอ้างอิงเพื่อปฏิเสธความรับผิดซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้
ระเบียบเกี่ยวกับการใช้รถเป็นวิธีปฏิบัติระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ไม่สามารถนำมาอ้างอิงเพื่อปฏิเสธความรับผิดซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดของลูกจ้าง แม้ลูกจ้างจะฝ่าฝืนระเบียบ หากการกระทำเกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติงานตามหน้าที่
จำเลยที่ 1 นำรถออกไปขนขยะอันเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 หน้าที่ของจำเลยที่ 1 เริ่มตั้งแต่นำรถออกจากอู่ของจำเลยที่ 2 และจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อนำรถเข้าจอดที่อู่ตามเดิม เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถไปธุระส่วนตัวในระหว่างออกไปปฏิบัติงานตามหน้าที่และกระทำละเมิดต่อโจทก์ภายในเส้นทางที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดในทางการที่จำเลยที่ 2 จ้าง จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
ระเบียบเกี่ยวกับการใช้รถเป็นวิธีปฏิบัติระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ไม่สามารถนำมาอ้างอิงเพื่อปฏิเสธความรับผิดซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้
ระเบียบเกี่ยวกับการใช้รถเป็นวิธีปฏิบัติระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ไม่สามารถนำมาอ้างอิงเพื่อปฏิเสธความรับผิดซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2886/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้าง: การเตือน การพักงาน และการพิสูจน์อำนาจผู้แทน
ผู้บังคับบัญชามีหนังสือแจ้งให้ลูกจ้างปรับปรุงการทำงานที่บกพร่องถึงสองครั้งหนังสือนั้นมีความด้วยว่า หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะได้รับผลตอบแทนที่เฉียบขาด แสดงว่าลูกจ้างบกพร่องในการทำงาน หนังสือนี้จึงถือได้ว่าเป็นหนังสือเตือนตามระเบียบข้อบังคับการทำงาน ต่อมาผู้บังคับบัญชามีหนังสือเตือนครั้งสุดท้ายโดยให้ถือเป็นการพักงาน แต่เนื่องจากลูกจ้างมีตำแหน่งสำคัญจึงไม่สามารถให้พักงานได้ และว่าถ้าลูกจ้างยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขตนเอง และกระทำความผิดแบบเดียวกันอีก ลูกจ้างจะได้รับการทำโทษถึงขั้นปลดออกจากงานดังนี้เมื่อลูกจ้างกระทำผิดอีก นายจ้างจึงมีเหตุผลที่จะเลิกจ้างลูกจ้างผู้นั้นได้
แม้ใบมอบอำนาจให้ดำเนินคดีของบริษัทนายจ้างจะไม่ได้ประทับตราของบริษัทโดยสมบูรณ์ แต่ต่อมาก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งคดีนี้ บริษัทนายจ้างได้ทำใบมอบอำนาจที่สมบูรณ์ถูกต้องขึ้นใหม่ให้ดำเนินคดีและให้สัตยาบันของการที่ได้ทำไปแล้วในคดีนี้ดังนี้ ถ้ามีผู้อ้างว่าเป็นผู้แทนของนิติบุคคล เมื่อศาลเห็นสมควรจะทำการสอบสวนถึงอำนาจของผู้นั้นก็ได้ เป็นอำนาจที่กฎหมายให้ไว้แก่ศาลโดยกว้าง หากศาลเห็นว่าผู้มอบอำนาจไม่มีอำนาจดังที่อ้างหรือ อำนาจบกพร่อง ศาลมีอำนาจยกฟ้องคดีนั้นเสียหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งอย่างอื่นได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ฉะนั้น เมื่อบริษัทนายจ้างได้มีหนังสือมอบอำนาจใหม่ถูกต้อง ศาลก็มีอำนาจให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้ (อ้างคำพิพากษาฎีกา (ประชุมใหญ่) ที่ 1184/2506)
แม้ใบมอบอำนาจให้ดำเนินคดีของบริษัทนายจ้างจะไม่ได้ประทับตราของบริษัทโดยสมบูรณ์ แต่ต่อมาก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งคดีนี้ บริษัทนายจ้างได้ทำใบมอบอำนาจที่สมบูรณ์ถูกต้องขึ้นใหม่ให้ดำเนินคดีและให้สัตยาบันของการที่ได้ทำไปแล้วในคดีนี้ดังนี้ ถ้ามีผู้อ้างว่าเป็นผู้แทนของนิติบุคคล เมื่อศาลเห็นสมควรจะทำการสอบสวนถึงอำนาจของผู้นั้นก็ได้ เป็นอำนาจที่กฎหมายให้ไว้แก่ศาลโดยกว้าง หากศาลเห็นว่าผู้มอบอำนาจไม่มีอำนาจดังที่อ้างหรือ อำนาจบกพร่อง ศาลมีอำนาจยกฟ้องคดีนั้นเสียหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งอย่างอื่นได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ฉะนั้น เมื่อบริษัทนายจ้างได้มีหนังสือมอบอำนาจใหม่ถูกต้อง ศาลก็มีอำนาจให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้ (อ้างคำพิพากษาฎีกา (ประชุมใหญ่) ที่ 1184/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2886/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างที่มีพฤติกรรมบกพร่อง และการมอบอำนาจในการดำเนินคดีที่ไม่สมบูรณ์แต่แก้ไขแล้ว
ผู้บังคับบัญชามีหนังสือแจ้งให้ลูกจ้างปรับปรุงการทำงานที่บกพร่องถึงสองครั้งหนังสือนั้นมีความด้วยว่า หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะได้รับผลตอบแทนที่เฉียบขาด แสดงว่าลูกจ้างบกพร่องในการทำงาน หนังสือนี้จึงถือได้ว่าเป็นหนังสือเตือนตามระเบียบข้อบังคับการทำงาน ต่อมาผู้บังคับบัญชามีหนังสือเตือนครั้งสุดท้ายโดยให้ถือเป็นการพักงาน แต่เนื่องจากลูกจ้างมีตำแหน่งสำคัญจึงไม่สามารถให้พักงานได้ และว่าถ้าลูกจ้างยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขตนเอง และกระทำความผิดแบบเดียวกันอีก ลูกจ้างจะได้รับการทำโทษถึงขั้นปลดออกจากงานดังนี้ เมื่อลูกจ้างกระทำผิดอีก นายจ้างจึงมีเหตุผลที่จะเลิกจ้างลูกจ้างผู้นั้นได้
แม้ใบมอบอำนาจให้ดำเนินคดีของบริษัทนายจ้างจะไม่ได้ประทับตราของบริษัทโดยสมบูรณ์ แต่ต่อมาก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งคดีนี้ บริษัทนายจ้างได้ทำใบมอบอำนาจที่สมบูรณ์ถูกต้องขึ้นใหม่ ให้ดำเนินคดีและให้สัตยาบันของการที่ได้ทำไปแล้วในคดีนี้ ดังนี้ ถ้ามีผู้อ้างว่าเป็นผู้แทนของนิติบุคคล เมื่อศาลเห็นสมควรจะทำการสอบสวนถึงอำนาจของผู้นั้นก็ได้ เป็นอำนาจที่กฎหมายให้ไว้แก่ศาลโดยกว้าง หากศาลเห็นว่าผู้มอบอำนาจไม่มีอำนาจดังที่อ้างหรือ อำนาจบกพร่อง ศาลมีอำนาจยกฟ้องคดีนั้นเสียหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งอย่างอื่นได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ฉะนั้น เมื่อบริษัทนายจ้างได้มีหนังสือมอบอำนาจใหม่ถูกต้อง ศาลก็มีอำนาจให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้(อ้างคำพิพากษาฎีกา (ประชุมใหญ่) ที่ 1184/2506)
แม้ใบมอบอำนาจให้ดำเนินคดีของบริษัทนายจ้างจะไม่ได้ประทับตราของบริษัทโดยสมบูรณ์ แต่ต่อมาก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งคดีนี้ บริษัทนายจ้างได้ทำใบมอบอำนาจที่สมบูรณ์ถูกต้องขึ้นใหม่ ให้ดำเนินคดีและให้สัตยาบันของการที่ได้ทำไปแล้วในคดีนี้ ดังนี้ ถ้ามีผู้อ้างว่าเป็นผู้แทนของนิติบุคคล เมื่อศาลเห็นสมควรจะทำการสอบสวนถึงอำนาจของผู้นั้นก็ได้ เป็นอำนาจที่กฎหมายให้ไว้แก่ศาลโดยกว้าง หากศาลเห็นว่าผู้มอบอำนาจไม่มีอำนาจดังที่อ้างหรือ อำนาจบกพร่อง ศาลมีอำนาจยกฟ้องคดีนั้นเสียหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งอย่างอื่นได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ฉะนั้น เมื่อบริษัทนายจ้างได้มีหนังสือมอบอำนาจใหม่ถูกต้อง ศาลก็มีอำนาจให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้(อ้างคำพิพากษาฎีกา (ประชุมใหญ่) ที่ 1184/2506)