คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช็ค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเช็คโดยเจตนาทุจริตเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี
จำเลยออกเช็คให้ ซ. ซ. ถูกผู้อื่นฟ้องเรียกเงินจนศาลสั่งอายัดเงินตามเช็คดังกล่าวโจทก์กับ ซ. สมคบกันให้โจทก์เอาเช็คฉบับดังกล่าวมาฟ้องจำเลยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเพื่อมิให้ ซ. ถูกยึดหรืออายัดเงินตามเช็คดังนี้ เป็นการไม่สุจริต จึงฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการแสดงรายการค่าใช้จ่ายของผู้ชำระบัญชี: ไม่จำเป็นต้องแยกรายละเอียดการจ่ายเช็คให้ตนเอง หากแสดงยอดรวมถูกต้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1255, 1270 ไม่ได้บังคับว่าผู้ชำระบัญชีต้องแสดงรายการจ่ายเช็คที่ผู้ชำระบัญชีได้ออกสั่งจ่ายให้แก่ตนเองว่า ตนได้ใช้จ่ายอย่างไรในการชำระบัญชีเป็นราย ๆ ไปทุกราย เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ชำระบัญชีแสดงรายจ่ายรวมยอดได้ไม่จำต้องแยกยอด และบัญชีของจำเลยแสดงรายจ่ายถูกต้องแล้ว ก็ไม่มีข้อใดที่ขัดต่อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงรายการจ่ายเช็คของผู้ชำระบัญชี: รายการรวมยอดถูกต้องตามกฎหมาย
การชำระบัญชีตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1255,1270 บัญญัติไว้นั้นหาได้บังคับว่า ผู้ชำระบัญชีต้องแสดงรายการจ่ายเช็คเป็นรายๆ ทุกรายไปผู้ชำระบัญชีแสดงรายจ่ายรวมยอดได้ ไม่จำต้องแยกยอดเมื่อแสดงรายจ่ายได้ถูกต้องแล้วก็ไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389-390/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เช็ค การพิจารณาคดีความเกี่ยวพัน และการปฏิเสธชำระหนี้โดยชอบธรรม
คดีความผิดเกี่ยวพันกัน เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาพิพากษารวมกันได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 25 หาจำต้องมีคู่ความฝ่ายใดร้องขอไม่
จำเลยกู้เงินโจทก์ 2 ครั้ง เพื่อนำไปลงทุนรับเหมาก่อสร้างอาคารของกรมตำรวจครั้งแรกกู้ 150,000 บาท จำเลยทำสัญญากู้และออกเช็คล่วงหน้าลงวันที่ 18 พ.ย. 2499 ลงจำนวนเงิน 150,000 บาท ให้โจทก์ไว้ กับทำหนังสือมอบฉันทะให้โจทก์ไปรับเงินค่าก่อสร้างจากกรมตำรวจด้วย ครั้งที่ 2 กู้ 490,000 บาท ทำสัญญากู้และออกเช็คล่วงหน้าลงวันที่ 28 ก.พ. 2500 ลงจำนวนเงิน 490,000 บาท กับทำหนังสือมอบฉันทะมอบให้โจทก์เหมือนอย่างกู้ครั้งแรก ต่อมาวันที่ 26 ก.ย. 2499 โจทก์นำใบมอบฉันทะนั้นไปรับเงินค่าก่อสร้างจากกรมตำรวจเป็นเงิน 249,000 บาท โดยโจทก์มิได้นำเงินนั้นมามอบให้จำเลยหรือเข้าบัญชีของจำเลยในธนาคาร จึงต้องถือว่าเป็นเงินที่จำเลยชำระหนี้ ให้โจทก์ในมูลหนี้เงินกู้ทั้ง 2 ราย และไม่พอชำระหนี้ได้หมดทั้ง 2 ราย เมื่อลูกหนี้ไม่ได้ระบุว่าชำระหนี้รายใด ก็ต้องถือว่า หนี้รายไหนถึงกำหนดก่อน เป็นอันได้เปลื้องไปก่อน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328 ดังนั้น หนี้เงินกู้รายแรกซึ่งถึงกำหนดชำระก่อน ก็ต้องถือว่าได้ถูกชำระหนี้หมดสิ้นไปแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิห้ามมิให้ธนาคารจ่ายเงินให้โจทก์ตามเช็คฉบับแรก นั้นได้ ส่วนเงินที่โจทก์รับแทนจำเลยจากกรมตำรวจนั้น เมื่อหักหนี้เงินกู้ทั้ง 2 รายแล้ว จำเลยคงเป็นหนี้โจทก์เพียง 391,000 บาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ให้เต็มจำนวน 490,000 บาท ตามเช็คฉบับหลังได้ เมื่อโจทก์เอาเช็คฉบับหลังไปขึ้นเงิน เพื่อเอาชำระหนี้ตนเกินกว่าที่ตนมีสิทธิจำเลยย่อมปฏิเสธชำระหนี้ได้ ฉะนั้น การที่จำเลยห้ามมิให้ธนาคารใช้เงินตามเช็คฉบับหลัง จึงไม่ใช่เป็นการห้ามโดยเจตนาทุจริต การที่โจทก์นำเช็ค 2 ฉบับ ดังกล่าวไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389-390/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมพิจารณาคดีความผิดเกี่ยวพันกัน, การชำระหนี้เงินกู้, และเช็คที่สั่งจ่ายโดยไม่มีมูลหนี้
คดีความผิดเกี่ยวพันกัน เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาพิพากษารวมกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 25 หาจำต้องมีคู่ความฝ่ายใดร้องขอไม่
จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์โดยมูลหนี้เงินกู้ 2 ราย เมื่อเงินที่จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ ไม่พอชำระหนี้ได้หมดทั้ง 2 รายและจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ก็ไม่ได้ระบุว่าชำระหนี้รายใดก็ต้องถือว่าหนี้รายไหนถึงกำหนดก่อนก็ให้หนี้รายนั้นเป็นอันได้เปลื้องไปก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328
การที่ผู้ออกเช็คห้ามมิให้ธนาคารใช้เงินตามเช็คโดยสุจริต เพราะมูลหนี้ตามเช็คนั้น ได้มีการชำระเงินให้แล้วก็ดี หรือ เช็คนั้นไม่ถูกต้องตามมูลหนี้ที่มีต่อกันก็ดียังหามีความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ เช็คลงวันที่ล่วงหน้าไม่ผูกพันเจ้าหนี้ ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิด
สัญญากู้เงินมิได้ตกลงกำหนดเวลาชำระหนี้กันไว้แต่ลูกหนี้ได้ออกเช็คล่วงหน้าให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้ นั้นหาเป็นการตกลงให้การกำหนดเวลาการชำระหนี้ให้แน่นอนขึ้นอย่างไรไม่ ผู้ค้ำประกันจึงยังคงต้องผูกพันรับผิดต่อเจ้าหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตลอดไปตามสัญญาค้ำประกันแม้ลูกหนี้จะได้ออกเช็คใหม่ ลงวันล่วงหน้าต่อไปอีกให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้แทนเช็คใบเก่าก็ไม่เป็นการที่เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ผู้ค้ำประกันจึงไม่หลุดพ้นจากการรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คโดยเงินในบัญชีไม่พอ การพิสูจน์ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์นำสืบไม่ได้ว่า ในขณะออกเช็คไม่มีเงินของจำเลยในบัญชีธนาคารอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือมีเงินในบัญชีไม่พอจะใช้เงินได้ในขณะออกเช็คตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ข้อ 2, 3 เพราะผู้ทรงเช็คเอาเช็คไปขึ้นเงินหลังวันออกเช็คและธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเพราะเงินของจำเลยมีไม่พอ จะฟังว่าในวันออกเช็คจำเลยไม่มีเงินในบัญชีเช่นเดียวกันยังไม่ได้
กรณีที่มีเงินพอจ่ายในวันออกเช็ค มีบัญญัติให้เป็นความผิดไว้แล้วตามมาตรา 3 ข้อ 4, 5

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ผู้ออกเช็คในการตรวจสอบการปฏิเสธการจ่ายเงิน - มาตรา 5 พ.ร.บ. เช็ค
มาตรา 5 มีความมุ่งหมายเพียงว่า ความผิดเกี่ยวกับเช็คที่เกิดขึ้นแล้วตามมาตรา 3 นั้น ให้ถือว่าเป็นอันเลิกกันในเมื่อผู้ออกเช็คได้นำเงินตามจำนวนในเช็คไปชำระแก่ผู้ทรงเช็คหรือธนาคารภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงิน ฉะนั้น ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเมื่อไร จึงเป็นหน้าที่ของผู้ออกเช็คที่จะต้องติดต่อสอบถามเองไม่ใช่หมายความว่าธนาคารจะต้องบอกกล่าวให้ผู้ ออกเช็คทราบถึงการปฏิเสธไม่จ่ายเงินเสียก่อน ความผิดตามมาตรา 3 จึงจะเกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มูลหนี้ดอกเบี้ยเกินกฎหมายทำให้เช็คไม่มีผลผูกพันทางอาญา ผู้รับเช็คไม่มีสิทธิเรียกร้องเงิน
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้เรียกร้องเอาดอกเบี้ยจำนองเกินจากที่กำหนดในสัญญา เรียกเอาประโยชน์เพิ่มนอกจากดอกเบี้ยที่ต้องเสีย และเป็นเรื่องดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย อันเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา และจำเลยได้ออกเช็คแก่โจทก์เพื่อชำระเงินดังกล่าว แม้ธนาคารจะไม่มีเงินพอจ่ายให้ตามเช็คเมื่อโจทก์ไปรับเงินนั้นก็ดี จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดแต่การใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 เพราะโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะทำได้ และไม่มีสิทธิเรียกร้องบังคับให้ใช้เงินจำนวนตามเช็คนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงชื่อหลังเช็คถือเป็นการสลักหลังโอนสิทธิ ไม่ต้องทำสัญญาโอนกันอีก
การลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็ค ย่อมมีผลเป็นการโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นตามมาตรา 989, 920 ไม่ ต้องทำการโอนกันตามมาตรา 306 อีกและไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 939 วรรค 2 และ 3 เพราะมาตรา 921 บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว
(อ้างฎีกาที่ 51/2501)
of 187